บทที่ 322
บทที่ 322
ถ้าเกิดเป็นแม่ทัพของแคว้นเฟิง ถังหยิน จริง ๆ ล่ะก็ เขาน่าจะต้องกำลังรับมือกับซ่งเทียนอยู่สิ แล้วทำไมเขาถึงมาที่นี่กัน ? ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการปรากฏตัวต่อหน้าองค์ชายอีกด้วย !
ถังหยินพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าคือถังหยิน แม่ทัพแห่งแคว้นเฟิง”
เมื่อได้รับคำยืนยัน พวกทหารก็เริ่มหวั่นเกรง ทำไมถังหยินถึงมาที่นี่กัน ? หรือว่าอีกฝ่ายต้องการสังหารฝ่าบาท ? พวกทหารยามเริ่มปล่อยปราณกดดันและชักดาบออกมาทันทีที่คิดเช่นนั้น
กลับกัน เช่าฟ๋างไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเลย เขาหัวเราะออกมา “ถังหยินเอ๋ย เจ้ารู้ใช่ไหมว่าหากข้าจับเจ้าไปมอบให้กับเสด็จพ่อของข้า ข้าจะต้องได้รางวัลอย่างงามแน่นอน”
องค์ชายรองลุกขึ้นและมองซ้ายขวา ก่อนออกคำสั่ง “จับเขาไว้”
พวกทหารทั้ง 20 นายไม่ลังเล พากันเรียกเกราะกับอาวุธปราณออกมาพร้อมกันแล้วพุ่งเข้าล้อมถังหยินเอาไว้
เจาจูหวาดกลัวมากจนพูดอะไรไม่ออก ในขณะที่พี่น้องฉางกวงเตรียมพร้อมจะเข้าไปช่วยถังหยินด้วยมือเปล่า
ชายหนุ่มหัวเราะออกมา “ต่อให้ฝ่าบาทจับข้าไปมอบให้กับพ่อของท่าน ท่านก็ยังไม่ได้บัลลังก์เป็นของตัวเองหรอก แต่มันจะตกเป็นของคนอื่นใกล้ตัวเรานี่แหละ”
คำพูดนี้จี้จุดเช่าฟ๋าง เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วบอกให้ทหารหยุดลงก่อน “เจ้าหมายความว่ายังไง ?”
“หากข้าถูกจับตัวไป จะไม่มีใครที่ต่อต้านซ่งเทียนได้ แล้วมันก็จะตั้งตนเองเป็นใหญ่โดยที่มีพวกหนิงคอยหนุนหลังอยู่ เมื่อถึงเวลานั้น องค์ชายสาม เช่าโป๋ว ที่ได้รับการสนับสนุนจากพวกหนิงจะต้องขึ้นครองราชย์เป็นแน่ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นยังไง ท่านก็จะไม่ได้อะไรอยู่ดี”
สีหน้าของเช่าฟ๋างเปลี่ยนไป แต่ก็กลับมาอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้สนใจในตำแหน่งนั้นหรอก”
“ฝ่าบาทก็พูดเป็นเล่นไป” ถังหยินพูดแทรกขึ้นมาทันที “ไม่มีทางที่สายเลือดอ๋องคนไหนจะไม่สนใจในตำแหน่งผู้ปกครองแคว้นหรอก ท่านว่าไหม ?”
ในฐานะองค์ชาย เช่าฟ๋างรู้ดีถึงอำนาจของอ๋องและผลประโยชน์ที่จะตามมาด้วย เขาสบตาถังหยินก่อนจะพูดขึ้น “แล้วทำไมเจ้ามั่นใจว่าเป็นเช่าโป๋ว ?”
ถังหยินแอบหัวเราะในใจ “เช่าโป๋วมีทั้งคนในและคนนอกคอยสนับสนุนอยู่ ส่วนท่าน ในฐานะขององค์ชายรองกลับไม่มีอะไรเลย ดังนั้นไม่ว่ายังไงท่านก็คงไม่มีวันได้บัลลังก์นั่นไปหรอก”
เช่าฟ๋างเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเพลี่ยงพล้ำในสถานการณ์แย่งชิงตำแหน่งครั้งนี้ ด้วยมีขุนนางมากมายที่ใช้อำนาจของพวกหนิงเข้ามาแทรกแซงในราชสำนัก รวมไปถึงพากันเชิดชูเช่าโป๋ว
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ถังหยินก็พลันยิ้มออกมาอีกครั้ง “ถ้าฝ่าบาทคิดว่าข้าโกหกล่ะก็ จับข้าไปส่งแล้วเอารางวัลไปได้เลย”
เช่าฟ๋างลังเล ก่อนจะโบกมือบอกเหล่าทหาร “พวกเจ้าทุกคนถอยออกมา”
“ฝ่าบาท ?”
“ถอยออกมา !”
“ขอรับ !”
พวกทหารกลับมาประจำที่เดิม ทว่าก็ยังไม่คลายพลังปราณของเขาออก และถ้าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น พวกเขาก็จะพุ่งเข้าไปในทันที !
เช่าฟ๋างมองหน้าถังหยิน “เจ้ามีหนทางให้ข้าได้บัลลังก์หรือไม่ ?”
ถังหยินรู้สึกโล่งอกทันทีที่สถานการณ์เข้าข้างเขาแล้ว “ตราบเท่าที่ฝ่าบาทร่วมมือกับข้า อะไรก็เกิดขึ้นได้”
เช่าฟ๋างแสดงสีหน้าสนใจ เขายกมือแล้วลูบผมของหญิงสาวข้างตัวเขา “แล้วเราจะร่วมมือกันยังไง ?”
แม้ว่าภายนอกเขาจะดูเป็นคนเจ้าสำราญ และไม่มีรัศมีความเป็นองค์ชายเลยก็ตาม ทว่าเนื้อในของเขาตรงกันข้ามเลย ด้วยสมองของเขาประมวลแผนทุกอย่างได้เร็วมาก
ถังหยินหัวเราะออกมาแล้วเดินเข้าไปหาเขา “วินาทีที่ข้าจัดการซ่งเทียนและได้เป็นอ๋องของแคว้นเฟิง ข้าจะสนับสนุนท่านให้ได้บัลลังก์เอง”
“เช่นนั้นหรือ ?”
“ถูกต้อง”
ถ้าหากพวกเฟิงใช้กำลังทหารออกระรานพวกหนิง ก็อาจทำให้พวกหนิงอยู่ไม่สุขจนทำให้เช่าโป๋วหมดผู้สนับสนุนลงได้ แต่ในความคิดของเช่าฟ๋าง เขาก็ยังคิดว่าเป็นไปได้ยาก
“การใช้ทหารโจมตีพวกหนิงไม่ใช่ทางออกที่ดีหรอกนะ”
“แล้วถ้าข้ามีความมั่นใจที่จะทำลายพวกหนิงเล่า ?”
เช่าฟ๋างตัวสั่น เขามองถังหยินด้วยความไม่เชื่อใจ “เจ้าทำได้หรือไง ?”
ถังหยินกล่าว “แค่การที่ข้าสู้กับซ่งเทียนพร้อมทหารหนิงอีก 4 แสนยังไม่ชัดเจนอีกหรือ ?”
เช่าฟ๋างเงียบกริบทันที
ถังหยินตาลุกวาว “ฝ่าบาท ท่านต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่ขวางท่านจากบัลลังก์ไม่ใช่พวกขุนนางในวังหรือไม่ใช่แม้แต่ข้าด้วย หากท่านอยากได้ตำแหน่งนั้นมา สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือจัดการพวกหนิงลงให้ได้”
เช่าฟ๋างหน้ามืดลงแล้วมองหน้าถังหยิน “ข้าจะเชื่อเจ้าได้ยังไง ?”
“หมายความว่าไงกัน ?”
“หลังจากที่เจ้าปราบซ่งเทียนลงได้และได้เป็นอ๋องแห่งเฟิง เจ้าจะยังสนับสนุนข้าจริงหรือ ?”
ถังหยินหัวเราะออกมา “สายเลือดของอ๋องคนก่อนในแคว้นเฟิงถูกจัดการหมดแล้ว ถ้าข้าไม่ได้เป็นอ๋อง ใครจะได้เป็นอีกเล่า ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกหนิงเองก็ไม่ได้เป็นแค่ศัตรูของฝ่าบาท แต่ยังเป็นศัตรูของข้าด้วย ทุกวินาทีที่ข้าอยู่ในแคว้นเฟิง ข้าก็มักจะถูกพวกหนิงมันระรานตลอด”
“ดังนั้นไม่ว่าฝ่าบาทจะร่วมมือหรือไม่ ข้าก็จะใช้กำลังทหารเข้าจัดการปัญหาอยู่ดี ทว่าหากฝ่าบาทยอมร่วมมือกับข้าด้วย มันก็จะช่วยคลายความกังวลของข้าได้ไม่น้อย ดังนั้นข้าจึงได้มาถึงที่นี่เพื่อเข้าพบท่าน”
เช่าฟ๋างเห็นด้วยกับคำพูดของชายหนุ่ม อันที่จริง เขาไม่คิดว่าถังหยินเป็นศัตรูอยู่แล้ว และศัตรูที่แท้จริงของเขาก็คือพวกหนิง และต่อให้ถังหยินไม่สนับสนุนเขาโดยตรง อีกฝ่ายก็ยังสามารถช่วยเขาทางอ้อมได้ด้วยการส่งกองทัพเข้าไประรานให้พวกหนิงอยู่ไม่สุข
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เช่าฟ๋างก็ตัดสินใจได้
เขายิ้มแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม ก่อนจะรินไวน์ใส่แก้วแล้วส่งให้ถังหยินด้วย “มาร่วมมือกันเถอะ”
ถังหยินรับแก้วนั้นมาอย่างไม่ลังเล
เช่าฟ๋างหัวเราะออกมาดังก้อง ก่อนจะหยุดลง “เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไรก็ว่ามา ในเมื่อเจ้าช่วยข้าแล้ว ข้าก็จะช่วยเจ้าด้วย”
ฉลาดแท้ ! ถังหยินคิดในใจ “ไม่ว่าสถานการณ์ทางแคว้นเฟิงจะเป็นยังไง ก็ห้ามส่งทหารของท่านเข้ามาที่แคว้นของข้าเป็นอันขาด”
“ห้ามส่งกำลังทหารไปงั้นหรือ ? แต่เท่าที่ข้ารู้มา เสด็จพ่อข้าก็ไม่ได้มีแผนจะทำอะไรแบบอยู่แล้วนะ”
“ตอนนี้อาจจะไม่ แต่ในอนาคตล่ะก็ไม่แน่ หลังจากซ่งเทียนและพวกหนิงพ่ายแพ้สงครามไป พวกมันจะต้องหนีเข้ามายังแคว้นของท่านแน่ แล้วจากนั้นพวกหนิงก็ส่งคนมาเจรจาขอกำลังเสริมจากพวกท่าน ดังนั้นฝ่าบาทต้องห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้น”
เช่าฟ๋างส่ายหัว ด้วยถังหยินนั้นมองการณ์ไกลมากเกินไป เพราะตอนนี้ซ่งเทียนกับพวกหนิงยังอยู่ในแคว้นเฟิงอยู่เลย แต่เขากลับคิดไปไกลถึงขนาดนั้นแล้ว “เจ้ามั่นใจสินะ ว่าจะล้มพวกมันได้ในเร็ว ๆ นี้ ?”
ถังหยินชูนิ้วออกมา 2 นิ้ว
ทำเอาเช่าฟ๋างเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
“ข้าจะทลายเมืองหยานให้ได้ภายใน 2 เดือน”
เช่าฟ๋างหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ความมั่นใจของถังหยินทำให้เขารู้สึกขบขันและน่านับถือในเวลาเดียวกัน
“เยี่ยมเลย ถ้างั้นข้าจะร่วมมือกับเจ้า” เช่าฟ๋างยอมรับข้อเสนอ “พอดีเลย วันนี้เป็นวันที่บรรพบุรุษของข้าได้สาบานตนเป็นพี่น้องกัน แล้วทำไมพวกเราจึงไม่ทำตามบ้าง ?”
ถังหยินหัวเราะ “ทำไมจะไม่ล่ะ มาสิฝ่าบาท !” พูดแล้วเขาก็เปิดข้อมือขึ้น
เช่าฟ๋างยื่นมือออกมา แล้วยื่นแก้วไวน์ให้กับถังหยิน จากนั้นเขาก็ชักดาบออกมาโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว แล้วก็แทงดาบใส่หญิงสาวสองคนข้างตัวจนล้มลงไปกองบนพื้น