บทที่ 324
บทที่ 324
“โฮ่ ? เจ้าหมายความว่ายังไง ?” เช่าฟ๋างมองซงหยวนด้วยความสงสัย
ซงหยวนกล่าวอย่างจริงจัง “การรักษาทรัพยากรบุคคลเอาไว้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกคนในราชสำนัก พวกเขาไม่ใช่แค่เพียงคนกำหนดอนาคตของท่าน แต่ยังเป็นคนกำหนดชีวิตของท่านได้ด้วย ถ้าหากตงเฉิงเป็นอย่างที่ฝ่าบาทกล่าวมา ไม่ว่าใครจะเป็นอ๋อง เขาก็จะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย ข้าคิดว่าการที่เขาเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายขวาได้ เขาจะต้องมีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นแน่”
เช่าฟ๋างพยักหน้าให้อย่างครุ่นคิด แต่เขาก็ยังลังเลอยู่ ด้วยมันอาจมีส่วนผิดอยู่บ้าง “เจ้าคิดว่าทำไมตงเฉิงถึงยังไม่เลือกข้าง ?”
“อาจมี 2 เหตุผลด้วยกัน อย่างแรกเลยคือตงเฉิงอาจไม่ชอบหน้ารัชทายาทองค์ อย่างสองคือเขาอาจกำลังรอใครสักคนอยู่ก็ได้ และเมื่อมีองค์ชายที่เหมาะสมปรากฎตัวขึ้น เขาก็จะเปลี่ยนเป็นคนละคนแน่นอน” ซงหยวนคาดเดาไว้
เช่าฟ๋างขบคิดเกี่ยวกับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะส่ายหัว “ข้อแรกก็เป็นไปได้อยู่ ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเช่าโป๋ว แต่ว่าตงเฉิงจะรอใครได้อีก ?”
ถังหยินตอบกลับ “อาจจะเป็นท่านก็ได้ ฝ่าบาท”
เช่าฟ๋างยิ้มออกมา “ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขาหรอก ข้าทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น แล้วทำไมเขาจะต้องหนุนข้ากัน ?”
ถังหยินยักไหล่ “ไม่ว่าแท้จริงจะเป็นเช่นไร นี่ก็แค่การคาดเดาเท่านั้น ข้าว่าฝ่าบาทน่าจะลองไปพบตงเฉิงดูหน่อย เผื่อมันจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์และถือเป็นการดูท่าทีของอีกฝ่ายไปในตัว …ยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหายไม่ใช่หรือถ้าจะทำเช่นนั้น ?”
เช่าฟ๋างพยักหน้าให้ “สหายถังพูดถูก ข้าควรจะไปหาเขาเสียหน่อย”
ถังหยินรีบตอบ “งั้นข้าไปด้วย”
เช่าฟ๋างขมวดคิ้ว “ทำไมสหายถังถึงต้องการมากับข้ากัน ?”
“ฝ่าบาทอยากจะตรวจสอบเขาเรื่องการสนับสนุน ส่วนข้าเองก็อยากตรวจสอบเรื่องใครที่เป็นคนสนับสนุนพวกหนิงเช่นกัน”
เช่าฟ๋างครุ่นคิด “ก็ได้ แต่ว่าเจ้าอย่ารีบเปิดเผยตัวตนไวเกินไปล่ะ”
“ไม่ต้องกังวลไปฝ่าบาท ข้ารู้ว่าอะไรควรอะไรมิควร”
ทั้งสามไม่ได้นอนในคืนนี้ เอาแต่ปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ มากมายจนถึงเช้า เช่าฟ๋างเป็นองค์ชายที่ไม่มีความทะเยอทะยานใด ๆ เลย แถมยังไม่มีขุนนางที่อยู่ฝ่ายเดียวกันมากมายนัก ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่าจะต้องเข้าหาใครดี
เพื่อเอาชนะใจคน ตำแหน่งและอำนาจอาจไม่เพียงพอ มันต้องมีเงินตราด้วย เหตุผลที่เช่าโป๋วสามารถเอาชนะใจคนได้มาก เพราะเขาทุ่มเงินมากมายมหาศาลไปกับการลงทุนเพื่อบัลลังก์ในอนาคตของเขา เช่าฟ๋างเองก็เข้าใจจุดนี้ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้
ถังหยินเข้าใจดี ดังนั้นเขาจึงยื่นมือเข้าช่วย เพื่อทำให้แน่ใจว่าเช่าฟ๋างและตนจะบรรลุวัตถุประสงค์ไปด้วยกัน
เมื่อรุ่งสางมาเยือน ทั้งสามก็เริ่มเหนื่อยและนอนในห้องหนังสือเพื่อพักผ่อนกันชั่วคราว
พวกเขาตื่นกันตอนเที่ยง เช่าฟ๋างลุกขึ้นบิดขี้เกียจ และเมื่อเห็นถังหยินกำลังยิ้มให้ เขาจึงพูดไปว่า “บอกตรง ๆ เลยนะ ข้าไม่เคยนอนหลับสบายแบบนี้มานานแล้ว”
แม้ว่าในห้องหนังสือจะนอนไม่สบายเท่ากับเตียงนอน แต่การนอนในห้องนี้ มันทำให้เช่าฟ๋างรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยเลย
ในฐานะขององค์ชาย เขาอาจจะเข้าถึงยากในสายตาคนนอก แต่เขาก็เป็นคนธรรมดาในสายตาของถังหยิน เมื่อเห็นว่าเช่าฟ๋างกำลังยิ้ม ชายหนุ่มก็อดสงสารไม่ได้ที่คนนอกมักจะมองว่าอีกฝ่ายสูงเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งด้วย
ถังหยินยื่นขึ้นข้าง ๆ เช่าฟ๋าง เงยหน้าออกไปมองสวน “ท่านจะต้องได้เป็นอ๋องของแคว้นโมแน่ ไม่ว่ามันจะมีอุปสรรคแค่ไหน ข้าก็จะร่วมมือฝ่าฟันมันไปกับท่านเอง”
เช่าฟ๋างยิ้มแห้ง ๆ ออกมา เขากำหมัดแล้วบรรจงพูดออกมา “ข้าจะช่วยเจ้าให้ขึ้นเป็นอ๋องแห่งแคว้นเฟิงเอง”
ถังหยินหันมายิ้มให้กับเขา
เช่าฟ๋างหัวเราะเบา ๆ “คืนที่ผ่านมา เจ้ากับข้าได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องที่ห่างไกลออกไป พลางครุ่นคิดว่าพี่น้องในวันนี้จะกลายเป็นศัตรูในวันหน้าหรือไม่ ?
หลังจัดการข้าวเที่ยง เช่าฟ๋างก็พาถังหยินกับซงหยวนและองครักษ์เดินทางไปยังจวนของเสนาบดีฝ่ายขวา
แม้ว่าสองพี่น้องฉางกวงจะอยากตามไปด้วย แต่พวกเขาก็ถูกห้ามเอาไว้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
ที่พักอาศัยของเสนาบดีฝ่ายขวานั้นใหญ่มาก ถึงจะไม่เท่าตำหนักขององค์ชายรองก็ตาม
เมื่อได้ยินว่าองค์ชายรองจะมาหา ตงเฉิงก็ออกไปต้อนรับที่หน้าจวน และเมื่อเห็นเช่าฟ๋างมา เขาก็พลันคุกเข่าลง “ข้านึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะมาเยี่ยมข้าถึงที่นี่ หวังว่าท่านจะไม่เอาความข้าน้อยที่ต้อนรับได้ไม่ดีพอ” เมื่อเป็นขุนนาง ต่อให้มีตำแหน่งสูงแค่ไหน มันก็ไม่อาจเท่าเทียมกับตำแหน่งองค์ชายได้เลย
“ท่านก็พูดเกินจริงไปแล้ว ลุกขึ้นเถิด” เช่าฟ๋างให้ความเคารพตงเฉิงมาก เขาเอื้อมมือไปดึงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ถังหยินมองอีกฝ่ายแล้วพึมพำกับตัวเอง นี่คือเสนาบดีฝ่ายขวาของแคว้นโมที่มีอำนาจมากที่สุดในแคว้นงั้นหรือ ? …ช่างน่าสนใจเสียจริง
ตงเฉิงมีอายุ 50 รูปร่างสูงกำยำพร้อมด้วยผมสีขาวและหนวดเคราสีเดียวกัน ตอนนี้เขาอยู่ในชุดธรรมดาสีเขียวที่ใส่มานานนับปี และหากดูเผิน ๆ อีกฝ่ายก็แทบไม่ต่างจากคนธรรมดาเลย
ถังหยินแค่มองก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องรับมือยากแน่นอน
ตงเฉิงเชิญให้เช่าฟ๋างเข้าไปในจวนพร้อมกับถังหยินและซงหยวนที่ติดตามมาไม่ห่าง ก่อนจะหันไปสั่งให้พวกข้ารับใช้เตรียมของว่างให้กับองค์ชาย
หลังจากขนมถูกนำมาวางไว้ พวกทหารก็ใช้เข็มเงินจิ้มพิสูจน์พิษก่อน ซึ่งมันก็ถือเป็นขั้นตอนปกติของการเตรียมการต้อนรับองค์ชายอยู่แล้ว
หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีอันตราย พวกทหารก็ถอยออกไป
เช่าฟ๋างมองติ่มซำบนโต๊ะก่อนจะยิ้มออกมา ด้วยเพราะของบนโต๊ะนี้หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด ไม่ได้หายากอะไร
เขาไม่แม้แต่จะหยิบขนมหวานบนโต๊ะด้วยซ้ำ เพียงหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วจิบมันเพื่อรับความขมเข้าไปในท้อง จนทำให้ได้รสสัมผัสที่คุ้นเคยและกลิ่นใบชาอ่อน ๆ ที่ลอยออกมาจากกระเพาะ “เป็นชาที่ดีเลย”
ตงเฉิงหัวเราะแล้วถือถ้วยชาไว้ “ใบชานี้เก็บเกี่ยวได้จากบนยอดเขาหิมะเท่านั้น มันมีค่ามากมายหลายพันทอง ข้าน้อยไม่กล้าดื่มมันหรอก และข้าก็หวังว่าฝ่าบาทจะดื่มมันเพื่อข้าด้วย”
ครั้งนี้เช่าฟ๋างงุนงง เพราะอีกฝ่ายใช้ของว่างที่แย่ที่สุดเพื่อต้อนรับเขา แต่กลับใช้ชาชั้นดี …นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?
เมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจ ตงเฉิงก็ถอนหายใจ “ข้าน้อยเป็นคนไม่เลือกมา ไม่ว่ามันจะอร่อยหรือไม่อร่อย และถ้าหากนี่ทำให้ท่านรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ข้าก็ต้องขออภัยด้วย”
เช่าฟ๋างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะครุ่นคิดอีกครั้ง
…ทำให้พบว่าห้องโถงแห่งนี้ก็มีความรู้สึกเหมือนกับชุดของตงเฉิงไม่มีผิด มันทั้งโล่ง โปร่งสบายโดยที่ไม่ต้องมีการตกแต่งให้ดูหรูหรา ยกเว้นแค่โต๊ะที่ทำมาจากไม้เนื้อดี
ยิ่งเช่าฟ๋างมองเท่าไหร่เขาก็ไม่เข้าใจนิสัยของตงเฉิง เช่นเดียวกับถังหยินและคนอื่น ยกเว้นแต่เพียงซงหยวน
สังเกตจากอาหารและที่พักของเขา ซงหยวนบอกได้เลยว่าตงเฉิงเป็นคนที่รักความสะอาดและซื่อตรง ในฐานะของเสนาบดี แม้ว่าเขาจะมีเงินเดือนมากมาย แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เรียกได้ว่าความหรูหราในชีวิต เขาแทบไม่ได้ใช้เงินกับสิ่งฟุ่มเฟือยใด ๆ เลยก็ว่าได้
เสนาบดีคนนี้เรียกได้ว่าเป็นคนดี แต่เขาก็เป็นคนจากแคว้นโม ซงหยวนก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิด