บทที่ 329
บทที่ 329
ถังหยินมองเช่าฟ๋าง “ข้าว่านอนบนเตียงจะดีกว่านะฝ่าบาท”
องค์ชายพยักหน้าให้แล้วเดินไปที่เตียง
ชายหนุ่มเดินไปเปิดหน้าต่าง ก่อนจะเดินไปข้างหลังเช่าฟ๋าง “ฝ่าบาท !”
“อะไร ?!” เช่าฟ๋างหันมาด้วยความสงสัย
วินาทีนั้นถังหยินก็พลันชักดาบออกมาแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของเช่าฟ๋าง จากนั้นเขาก็เก็บดาบแล้วยืนยิ้มให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไม่ลังเล ส่วนเช่าฟ๋างที่ถูกแทงก็ได้แต่ร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนล้มลงไปบนเตียง
พวกทหารรีบวิ่งเข้ามา พวกเขาเห็นองค์ชายที่นอนอยู่บนเตียงพร้อมเลือดท่วมตัว เลยพากันกรีดร้องออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ฝ่าบาท !?” พวกทหารไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รีบวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน
เช่าฟ๋างยังมีสติอยู่ เมื่อเห็นพวกทหารอยู่ข้างกาย เขาก็รีบพูด “ไม่ต้องห่วงข้า เจ้านักฆ่ามันหายไปไหนแล้ว ?” จากนั้นเช่าฟ๋างก็สลบไป
ทุกคนตะลึงก่อนจะตะโกนลั่น “ฝ่าบาทถูกลอบสังหาร ! จับมือสังหารให้ได้ !”
พวกทหารพากันวิ่งเข้ามาในห้องนอน พวกเขาดูหวาดกลัวอย่างมาก จนทำให้ทุกคนที่อยู่ในตำหนักตื่น และรับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
การที่องค์ชายรองถูกลอบสังหารมันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย หลังข่าวนี้แพร่ออกไป ก็ทำให้กองทหารภายในเมืองเคลื่อนไหวปิดล้อมเมืองเสินเจียงเอาไว้ในทันที เช่นเดียวกับกฎอัยการศึกที่ถูกประกาศใช้ทั่วทั้งเมือง ทำให้หลายบ้านถูกตรวจค้นอย่างรวดเร็ว
เช่าติง อ๋องของแคว้นที่ได้ยินข่าว เขาก็ไม่สามารถนอนหลับได้อีกต่อไป เขารีบพากองทหารกับหมอหลวงวิ่งตรงไปยังตำหนักของลูกชายตัวเองในทันที
จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจเช่าฟ๋างสักเท่าไหร่ เขาสนใจแต่เช่าโป๋วเสียมากกว่า แต่อย่างไรเสียเช่าฟ๋างก็เป็นลูกชายของเขาเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่อ๋องชราจะทอดทิ้งเขาไปได้
เมื่อเช่าติงมาถึง พวกทหารและหมอที่อยู่ในตำหนักของเช่าฟ๋างก็พากันคุกเข่าลงด้วยพร้อมด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ลุกขึ้นให้หมด” เช่าติงรีบเดินเข้าไปใกล้เพื่อมองหน้าเช่าฟ๋างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดขาดเลือดราวกับจะตายได้ทุกเมื่อ ทำให้ชายแก่แทบจะเป็นลม
เสนาบดีทั้งซ้ายและขวา รวมไปถึงพวกทหารและหมอก็วิ่งเข้ามาประคองเขาไว้ “ฝ่าบาท ทำใจดี ๆ ไว้ก่อน !”
เมื่อเช่าติงได้สติกลับมาก็ถาม “ลูกชายของข้าเป็นยังไงบ้าง ?”
พวกหมอหลวงมองหน้ากัน ก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าเกรงว่าหัวใจของฝ่าบาทจะ…”
“เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง ! เจ้าพวกหมอไร้ประโยชน์ !” เช่าติงตวาดลั่นอย่างโกรธเคือง
พวกหมอที่ตัวสั่นอยู่แล้วก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นไปอีกเมื่อได้รับคำด่าทอเช่นนี้
ทุกคนที่มองบาดแผลขององค์ชายต่างก็คิดว่าเขาตายไปแล้วเป็นแน่ เพราะหัวใจของเขาถูกแทงไป แต่พวกหมอก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องลองทำแผลไปก่อน
ทุกคนต่างก็กระวนกระวายไม่เว้นแม้แต่ตงเฉิง เขาเคยเห็นทักษะนี้มาก่อนก็จริง แต่เขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าครั้งนี้มันจะเกิดเรื่องร้ายต่อฝ่าบาทหรือไม่
หมอหลวงเอายามาประคบแผลของเช่าฟ๋างเพื่อห้ามเลือด ก่อนจะพันแผลเอาไว้ ซึ่งหลังจากทำแผลกันไปสักพัก ปาฏิหาริย์ก็พลันบังเกิด ทำให้พวกหมอหลวงมีท่าทียินดี ที่สามารถรักษาแผลขององค์ชายได้ !
การรักษาดำเนินไปกว่า 1 ชั่วยาม และแม้ว่าสีหน้าของเช่าฟ๋างจะยังซีดขาว แต่หัวใจของเขาก็ยังคงเต้นอยู่ พวกหมอหลวงรีบกล่าว “ปาฏิหาริย์มากฝ่าบาท ! องค์ชายรอดแล้ว !”
เช่าติงพูดไม่ออกอยู่นาน ถึงเขาจะไม่รู้เรื่อการรักษา แต่ก็รู้ว่าถ้าหัวใจถูกแทงยังไงก็ต้องตาย เขาแทบจะสิ้นหวังจนกระทั่งเช่าฟ๋างอาการกลับมาเป็นปกติ ทำให้ชายแก่ดีใจจะเกือบเก็บอาการไม่อยู่
“นี่ต้องเป็นประสงค์ของสวรรค์เป็นแน่ !”
“ฮ่าฮ่า” เช่าติงหัวเราะปนร้องไห้ พวกขุนนางคนอื่น ๆ เองก็พากันซับน้ำตาตัวไม่หยุด
เมื่อได้รับการยืนยันจากหมอหลวงแล้ว ตงเฉิงก็ถึงกับโล่งอก ด้วยก่อนหน้าหัวใจของเขาแทบจะหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เม็ดเหงื่อไหล่ออกมาตามตัวจนแทบหยุดไม่ได้ …แต่เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกยินดีที่จะได้ดำเนินการขั้นต่อไปเสียที !
ตงเฉิงไม่รอช้า รีบเดินเข้ามาตรงหน้าผู้เป็นอ๋องก่อนโค้งคำนับให้ “ฝ่าบาท นี่ต้องเป็นโองการสวรรค์แน่ ๆ การที่เรารอดหายนะครั้งนี้มาได้จะต้องทำให้แคว้นของเรารุ่งเรืองยิ่งกว่าอะไรดีในภายภาคหน้าแน่นอน”
คำพูดนี้ทำให้พวกขุนนางที่หนุนหลังเช่าโป๋วงุนงง เพราะนี่แสดงให้เห็นว่าตงเฉิงพยายามจะหนุนหลังเช่าฟ๋างให้เป็นอ๋องคนต่อไป ! ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาแปลกใจมาก ด้วยทั้งสองคนนี้ไม่ถูกกันไม่ใช่หรือไร ?
เช่าติงที่สงบใจได้ก็ทำการเช็ดน้ำตาตัวเอง คำพูดของตงเฉิงทำให้เขาดีใจมาก เพราะการที่เช่าฟ๋างรอดตายเป็นเพราะสวรรค์ช่วยแน่นอน !
หลังจากที่ได้สติกลับมาจริงจัง เช่าติงก็กลับมามีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง “แม่ทัพเหยา ?”
“ข้าน้อยอยู่ที่นี่แล้ว” แม่ทัพวัยกลางคนสวมหมวกทองรีบเดินเข้ามาทันที เขามีนามว่าเหยาเปิน เป็นแม่ทัพระดับกลางของแคว้นโม
“เจ้าจับนักฆ่าได้แล้วหรือยัง ?”
“ข้าน้อยได้ทำการปิดล้อมเมืองเอาไว้แล้ว พร้อมทั้งส่งคนไปตรวจสอบบ้านทุกคนแล้วด้วย แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยเลยขอรับ”
เมืองเสินเจียงใหญ่มาก และมีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ดังนั้นการตามหามือสังหารจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่เช่าติงไม่ใส่ใจ เขาอยากเห็นผลสรุปเท่านั้น อ๋องผู้ชรากล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำยังไง ข้าอยากได้ข่าวว่ามันถูกจับตัวได้ก่อนคืนวันพรุ่งนี้ !”
“ขอรับฝ่าบาท !” เหยาเปินกล่าวรับคำ
ตงเฉิงกลอกตาอย่างลังเล เช่าติงที่เห็นแบบนั้นจึงถาม “เสนาบดีตงมีอะไรจะพูดหรือ ?”
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับฝ่าบาท” ตงเฉิงกล่าวแล้วโค้งคำนับให้
เช่าติงกับตงเฉิงเรี่ยกได้ว่าสนิทกันมาก พวกเขาแทบจะคุยด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว จริง ๆ แล้วเช่าติงเองก็รู้ดีว่านี่เป็นสัญญาณของตงเฉิงว่ามีเรื่องบางอย่างที่ไม่สามารถพูดได้ในที่สาธารณะ ดังนั้นท่านอ๋องจึงได้สั่งให้พาเช่าฟ๋างขึ้นรถม้ากลับไป ก่อนที่ในระหว่างทาง เช่าติงจะเรียกให้ตงเฉิงเข้ามาในรถม้าแล้วถาม “เอาล่ะ ท่านตงมีอะไรก็พูดมา ?”
ชายแก่ครุ่นคิดก่อนจะตอบ “ฝ่าบาท ท่านไม่คิดว่าเรื่องนี้มันแปลกบ้างหรือ ?”
เช่าติงตะลึงก่อนจะคิดให้ดี ๆ “ท่านหมายถึง ?”
“ตำหนักขององค์ชายรองได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดี อย่าว่าแต่นักฆ่าเลย ต่อให้ท่านอ๋องจะเข้าไปก็ยังยากเลย แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังลอบเข้าไปได้แถมยังหนีออกไปได้อีก” ตงเฉิงรายงานสถานการณ์ทั้งหมด
เช่าติงครุ่นคิดแล้วเริ่มรู้ถึงความผิดปกติตามที่กล่าวมา “ถ้างั้นท่านตงคิดว่าใครกันล่ะที่เป็นคงจัดฉากลอบสังหารนี้ ?”
“องค์ชายรองไม่ค่อยมีศัตรูมากนัก ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เกิดการสังหารนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องอื่นใดนอกจาก…” ชายแก่หยุดปากลงพร้อมกับยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองห้ามเอาไว้
เช่าติงถามเขาต่อด้วยความสงสัย “ถ้าท่านตงมีอะไรก็พูดมาเสีย !”
“ข้าน้อยมิบังอาจ !”
“อะไรที่ทำให้ท่านพูดไม่ได้กัน ?” เช่าติงขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ