บทที่ 110
ถังหยินเข้าใจชิวเจิ้นเป็นอย่างดี แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่อยากจะพูดเขาก็ไม่เซ้าซี้
ดังนั้นเขาจึงหันไปพูดกับนายกองของตน “ไม่ว่าชัยชนะครั้งนี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่มันก็หยุดพวกมอร์ฟีสไม่ได้หรอก ดังนั้นพวกเราจะต้องเกณฑ์ไพร่พลให้มากขึ้นอีกและยังต้องฝึกต่อไป”
“ขอรับ นายท่าน !” ไป่หยง จูนัว กู่เยว่ และหลีเว่ย รับคำสั่งนี้พร้อมเพรียงกัน
ถังหยินหันไปถามชิวเจิ้น “ด้วยสถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้ ต้องทำยังไงถึงจะสามารถเพิ่งจำนวนกองทัพได้ ?”
ชิวเจิ้นครุ่นคิดอย่างหนักแล้วส่ายหัว “ข้าเกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ การที่เราเพิ่มจำนวนกองพันเป็น 5 กองก็ทำให้ราชสำนักสงสัยมากพอแล้ว หากมากกว่านี้จะเป็นที่เตะตาได้”
ถังหยินพยักหน้า เขาเข้าใจความกังวลนี้ดี “เราไม่จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนกองพัน แต่เพิ่มขนาดกำลังพลได้นี่ ? ใน 1 กองพันเราสามารถขยายเป็นเท่าไหร่ก็ได้ ชิวเจิ้น เจ้าคิดว่าไงเล่า ?”
ชิวเจิ้นไม่คิดว่าชายหนุ่มจะคิดอะไรแบบนี้ได้ เขาตะลึงและกล่าว “ข้าเห็นด้วยกับความเห็นนี้ แต่ว่าเงินเดือนกับเสบียงของพวกทหารนี่แหละคือปัญหา ตอนนี้พวกเราสามารถรองรับได้เพียงแค่ 5 กองพันเท่านั้น ถ้าท่านคิดจะเพิ่มจำนวนเข้าไปอีกละก็ ถ้างั้นก็ต้องจัดการเรื่องนี้เสียก่อน”
ถังหยินครุ่นคิดถึงจุดนี้และพูดต่อ “เพราะพวกเราปะทะกับพวกมอร์ฟีสบ่อยครั้ง จึงทำให้พวกเราไม่มีทรัพยากรหลงเหลือมากนัก ถ้างั้นแล้ว พวกเราคงต้องขอให้ชาวเมืองจ่ายภาษีเพิ่ม รวมไปถึงขอให้ทางเขตช่วยในเรื่องเสบียงด้วย …พวกเจ้าคิดว่าไง ?”
ด้วยไม่ชำนาญเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของหยวนจี้ ที่จะต้องจัดการแทนเขา
หยวนจี้เข้าใจถึงคำขอนั้น สีหน้าของเขาจริงจังเป็นพิเศษ “ถ้านายท่านต้องการเพิ่มจำนวนทหารเพื่อรับประกันความปลอดภัยของปิงหยวน ต่อให้เป็นข้าก็คงไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ เพราะอำนาจในส่วนนั้นท่านจะต้องเป็นคนสั่งการเอง” ว่าแล้วเขาก็ดึงเอกสารจากเสื้อออกมามอบให้ถังหยิน
ชายหนุ่มมองหยวนจี้อย่างตะลึง เขาหยิบเอกสารมาแล้วส่ายหัว ก่อนจะเปิดอ่าน
ข้อความแรกคือคำขอให้ปฏิรูปการเกษตรและให้รางวัลแก่พวกชาวนาเพื่อให้พวกเขาได้มีกำลังใจมากขึ้น
หยวนจี้เห็นถังหยินอ่านมันอย่างจริงจัง เขาจึงเดินมาอธิบายเพิ่มเติม “เขตปิงหยวนวุ่นวายมาตั้งนานแล้ว ทำให้มีผู้คนละทิ้งที่พวกนั้น เพื่อออกไปหาสถานที่สงบสุข ทำให้พืชสวนไร่น่าถูกทิ้งร้างไปหลายปี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีรางวัลมาล่อตาล่อใจให้พวกเขากลับมาที่นี่ เพื่อเร่งให้ปิงหยวนพัฒนาอย่างรวดเร็ว”
ถังหยินพยักหน้ารับ เพราะสิ่งที่หยวนจี้พูดนั้นถูกต้องแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง หากไม่มีเสบียงอาหารทุกอย่างก็จะหยุดนิ่ง
เขากล่าวออกมา “บางทีนี่อาจจะใช้ได้ก็ได้ !”
หยวนจี้พูดต่อ “อย่างที่ 2 คือการสนับสนุนการทำธุรกิจ เพราะมีการรุกรานจากพวกต่างแดนพวกนั้น จึงทำให้ปิงหยวนไม่มีพ่อค้ากล้ามาขายกันมากนัก แต่ในครั้งนี้พวกมันแตกพ่ายไปแล้ว อีกทั้งพวกโจรเองก็ล้มตายตามไปด้วย จึงไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยอีก ดังนั้นข้าจึงอยากให้ทำการลดภาษีการค้าลง เพื่อให้พวกเขามีกำไรกันเสียก่อน”
ชายหนุ่มพยักหน้า “อนุมัติ !”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามจะพูดต่อ ชายหนุ่มก็ห้ามเอาไว้ “ถ้าทุกคนไม่มีอะไรแล้ว ก็ให้ออกไปก่อนได้เลย”
“ขอรับ !” ได้ยินแบบนั้น พวกทหารก็กลับออกไป เหลือเพียงแค่ชิวเจิ้นที่ยังจัดการเรื่องของเขาไม่เสร็จ
หลังจากทุกคนออกไป ถังหยินก็กล่าว “พูดต่อสิหยวนจี้”
“ข้อที่ 3 ก็คือการเลื่อนตำแหน่งให้กับทุกคน โดยไม่เกี่ยวข้องกับกฎและเน้นไปที่ความสามารถของตัวบุคคลแทน ถ้าว่ากันตามกฎหมายของแคว้นเฟิงแล้ว พวกเขาจะตัดสิทธิ์คนที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ออก ซึ่งมันก็ทำให้คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์เพิ่มตำแหน่งตัวเองได้เลย ส่วนพวกขุนนางก็มีแต่ชนชั้นสูงทั้งนั้น ดังนั้นท่านจะต้องทำลายกฎนี้ให้ราบคาบ และทำให้พวกเขาเท่าเทียมกัน”
ถังหยินเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาเองก็ไม่ชอบกฎหมายนี้เช่นกัน
ทันใดนั้นชิวเจิ้นก็พูดขึ้น “ถ้าว่าด้วยเรื่องนี้แล้ว งั้นพวกเรามาเริ่มกันที่ให้รางวัลพวกชาวนาที่มีผลผลิตดีที่สุดก่อนไหม”
หยวนจี้หัวเราะ “ท่านชิวเองก็หลักแหลมใช้ได้เลยขอรับ”
ก่อนจะพูดต่อ “และข้อที่ 4 คือเรื่องการลงโทษ ถ้าหากมีใครกระทำผิดอะไรก็จะต้องถูกลงโทษ แต่ทว่าเราจะให้พวกคนมีตำแหน่งฐานะได้รับการยกเว้นโทษ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการกระตุ้นพวกเขา ให้ไขว่คว้าตำแหน่งเหล่านั้นมา”
ถังหยินขมวดคิ้วแน่น ชายหนุ่มไม่คิดเถียงเรื่องก่อนหน้านี้หรอกนะ แต่กับข้อนี้เขาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่การทำผิดก็คือการทำผิด จะให้ใช้ตำแหน่งเพื่อหลีกเลี่ยงมันได้อย่างไร แน่นอนว่าเรื่องความเท่าเทียมของคนในยุคปัจจุบันนั้น มันไม่อาจใช้กับในยุคนี้ได้ก็จริง หากแต่มันก็ทำให้ถังหยินรู้สึกขัดใจอยู่ดี
หยวนจี้มองเห็นความไม่พอใจของถังหยิน จึงได้กล่าว “กฎข้อนี้ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาอยากทำมัน และเมื่อเขตปิงหยวนพัฒนาจนอยู่ตัวแล้ว พวกเราจึงค่อยยกเลิกมัน”
ถังหยินพยักหน้าให้ “ก็ได้ ข้าอนุญาต”
“เป็นพระคุณอย่างยิ่งขอรับ” หยวนจี้ประกบมือให้แล้วคำนับ “ข้อที่ 5 เพื่อให้ดึงดูดคนมาที่นี่…”
การพูดคุยดำเนินต่อไปไม่รู้จบ เขาร่ายยาวกฎหมายมากกว่า 20 บรรทัดให้ถังหยินฟังมากกว่าครึ่งชั่วยาม
ชายหนุ่มรับฟังพวกมันทั้งหมด ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ด้วยรู้สึกถึงความเหนื่อยยากของหยวนจี้เขียนที่กว่าจะเขียนมันขึ้นมาได้
เขายิ้มให้กับหยวนจี้ “หยวนจี้ เจ้าทำงานหนักทีเดียว ข้าเห็นด้วยกับกฎ 20 ข้อนี้ ดังนั้นข้าจะจัดการมันให้โดยเร็ว”
หยวนจี้ยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับ “ข้าน้อยขอตัวลา”
คนที่เก่งกาจย่อมหาได้ยาก และการจะให้เขาคนนั้นเชื่อใจได้มันก็ยากยิ่งกว่า แต่ทว่าหลังจากหยวนจี้ถวายความภักดีกับถังหยินแล้ว เขาก็ได้เริ่มจัดการกิจการภายในอย่างเต็มที่เพื่อวางรากฐานให้กับเขตนี้อย่างรวดเร็ว
ชิวเจิ้นที่เห็นโอกาสดีจึงได้เริ่มพูดบ้าง
เขาหยิบแผนที่ของแคว้นเฟิงออกมากางบนโต๊ะ
ถังหยินมองอีกฝ่ายด้วยความงุนงง และคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นบ้าอะไรอีก
“นายท่าน ท่านคิดว่าพวกหนิงจะบุกมาอีกเมื่อไหร่ ?”
ถังหยินเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าคิดว่าพวกหนิงจะฉีกสัญญาสงบศึกงั้นหรือ ?”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ และพวกเราจะไม่ยอมพลาดท่าให้พวกมันอีก !”
ถังหยินยืนขึ้นเดิน สายตาจับจ้องไปที่โต๊ะ ก้มมองแผนที่ไม่วางตา “ปิงหยวนนั้นย่ำแย่มาก มันมีพื้นที่เป็นทุ่งราบทั้ง 4 ด้าน ถ้าเกิดว่ามีพวกศัตรูบุกเข้ามาละก็ การจะจัดกำลังตั้งรับนั้นยากมากทีเดียว ถ้าหากพวกหนิงเข้ามาโจมตีเราตรง ๆ พวกเราต้องแตกพ่ายแน่ !”
ชิวเจิ้นส่ายหัว “จริง ๆ แล้วพวกเรามีทางที่จะตัดกำลังพลพวกมันได้อยู่”
“งั้นหรือ ? เจ้ามีความเห็นว่าไงล่ะ ?” ถังหยินมองในแผนที่อยู่นาน ทว่าเขาก็หาอะไรแบบนั้นไม่เจอเสียที
“ตรงนี้ !” ชิวเจิ้นตวัดนิ้วพาดผ่านปิงหยวนไปจนถึงทางผ่านสวรรค์
หลังจากถังหยินกับหยวนจี้มองตาม สีหน้าของพวกเขาก็พลันเปลี่ยนไป
ทางผ่านสวรรค์คือทางเข้าของเขตปิงหยวน ส่วนทางเหนือก็คือเทียนหยวน ตอนที่ถังหยินมาที่นี่เขาก็ผ่านทางนั้นมาเหมือนกัน ในตอนนั้นเขารู้สึกว่าพื้นที่แถวนั้นสุดยอดมาก เป็นรองจากประตูตงเท่านั้น หากแต่มันก็ไม่มีความสำคัญใด ๆ เพราะมันตั้งอยู่ในพื้นที่ของแคว้นเฟิงลึกเข้ามา
ทว่าทางผ่านสวรรค์ไม่ได้ขึ้นตรงกับเขตปิงหยวน ดังนั้นถังหยินจึงไม่มีอำนาจใด ๆ ทั้งนั้น
ชิวเจิ้นเข้าใจว่าทำไมทั้งสองจึงสับสน เขามองไปรอบ ๆ แล้วพูดด้วยเสียงเบา “หรือว่านี่จะเป็นสิ่งที่ท่านพึงพอใจแล้วหรือ ?”
ชายหนุ่มกลอกตาไปมาทันทีที่ได้ยินแบบนี้
“เป้าหมายของนายท่านไม่ใช่แค่เพียงจัดการพวกต่างชาติ แต่เป็นเรื่องภายในด้วย ! อย่างมณฑลที่หยูเฮอปกครองอยู่นั่นอีก เขานั้นทำตัวได้ไร้สาระมาก ถ้าหากนายท่านเข้าครอบครองที่นั่นมาจากเขาได้ ท่านก็จะได้สิทธิ์ในการควบคุมทางผ่านสวรรค์ เพื่อใช้มันเป็นแนวป้องกันของเราเอง ที่นี้ละ ไม่ว่าจะเป็นพวกหนิงหรือทางราชสำนักก็ไม่อาจทำอะไรพวกเราได้ทั้งนั้น !”