พวกข้ารับใช้นำอาหารมากมายมาวางไว้บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง แกะย่าง หรือแม้แต่หมูป่าย่างเองก็ถูกจัดวางไว้ให้ทุกคนได้กินกัน
ปกติแล้วถังหยินจะถูกจัดให้นั่งลงข้างหยูเฮอ ทว่าเขากลับเดินไปหยิบจอกเหล้า ยกมันขึ้นมาดื่มจนหมดแล้วเลียปากก่อนมองไปยังผู้ว่ามณฑลแทน
มันเป็นการกระทำที่ดูถูกและไม่ให้เกียรติแก่เจ้าของงานมาก แต่แม้ว่าจะไม่พอใจ หากทว่าเขาก็ทำได้แค่เพียงเก็บความรู้สึกเอาไว้
ถังหยินหยิบอะไรบางอย่างแล้วโยนไปให้กับเจ้าเมือง “ท่านหยู บอกข้าหน่อยสิว่านี่คืออะไร ?”
สีหน้าของหยูเฮอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็หยิบกระดาษนั่นขึ้นมาคลี่อ่าน มันคือข้อความที่บอกว่าจะไม่ส่งทหารไปช่วยเขตปิงหยวนในการรบเพื่อแลกกับของบรรณาการมากมาย
ภายในนั้นมีชื่อของเขาเขียนลงไปในนั้นอยู่ด้วย และมันก็เป็นลายมือของเขาอย่างแน่นอน มือของหยูเฮอสั่นก่อนที่จะพูดขึ้น “แม่ทัพถัง… นี่มัน… ข้าว่ามันไม่ใช่…”
ก่อนที่จะทันพูดจบ ถังหยินก็ถีบโต๊ะจนล้มแล้วคว้าคอหยูเฮอ “ไอ้หมาสารเลวชาติชั่วอย่างเจ้ากล้ามีปฏิสัมพันธ์กับพวกเบสซ่าแล้วยังจะมาแก้ตัวอีกหรือ ?”
“ข้าถูกใส่ความ ข้าถูกใส่ความ !” หยูเฮอหวาดกลัวมากจนพูดเสียงสั่น “นี่มันใส่ความชัด ๆ คิดว่าข้าจะคบค้าสมาคมกับพวกต่างแดนได้อย่างไร…”
เหล่าขุนนางโดยรอบพากันตะลึง ไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของพวกเขา
“ท่านถัง นี่มันต้องเป็นการเข้าใจผิดเป็นแน่แท้ ให้ท่านผู้ว่าได้พูด…” จางจี้เฉิงพูดขึ้นมา
“หลักฐานมัดตัวแน่นขนาดนี้ แล้วจะให้ข้าคิดเป็นอื่นใดได้อีก ? ถ้าข้าไม่สังหารมันในตอนนี้ งั้นแล้วชีวิตของทหารที่จากไปเล่า ?” ระหว่างที่พูดเขาก็ชักดาบออกมา สายตาจ้องเขม็งไปยังดวงตาของหยูเฮอ “โทษทัณฑ์เหล่านี้ไม่สมควรจะได้รับการเห็นใจ !”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็เหวี่ยงดาบตัดหัวของหยูเฮอขาดจากร่างกาย ปล่อยให้มันกลิ้งกระเด็นไปบนพื้น
ทุกอย่างหยุดนิ่ง ผู้คนจ้องมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างว่างเปล่า ด้วยไม่เชื่อว่าถังหยินจะสังหารผู้คนแบบนี้ได้
ใครก็ไม่รู้กรีดร้องออกมาแล้วคลานลงไปบนพื้นด้วยสีหน้าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดก่อนชี้นิ้วไปยังถังหยิน
เสียงร้องของเขาทำให้คนอื่นได้สติ ทำให้พวกข้ารับใช้และขุนนางพากันวิ่งหนีไป
ทุกคนอยากจะหนีออกไป หากแต่หยวนอู่และหยวนเปียวกลับปรากฏตัวเข้าขว้างพร้อมอาวุธปราณในมือ
ถังหยินมองฝูงชนที่แตกตื่นแล้วพูดขึ้น “ถ้าข้าไม่สั่ง ห้ามใครออกไปจากที่นี่”
ทั้งห้องตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกทหารยามที่อยู่ข้างนอกดูจะรับรู้ถึงเรื่องนี้และพยายามจะวิ่งเข้ามา หากแต่ก็ไม่สามารถขยับร่างกายได้ด้วยถูกกดดันจากอะไรบางอย่าง
เป็นหยวนยู่นั่นเองที่ปล่อยปราณกดดันออกมาแล้วพูดอย่างเฉยเมย “ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้าหรอกนะ แต่ถ้าเจ้าไม่รอดออกไปล่ะก็ พวกเราเองก็คงไม่รอดเหมือนกัน”
ถังหยินบ้าบิ่นมากและไม่ให้เวลาหยูเฮอแก้ตัวแม้แต่น้อย ดังนั้นสำหรับทุกคนที่มองอยู่มันจึงเป็นการกระทำที่บ้าคลั่ง ผิดกับหยวนยู่ที่ดูจะชอบการกระทำนี้มากที่สุด
หลังจากเช็ดเลือดที่อยู่บนดาบแล้ว ถังหยินก็เดินกลับไปดื่มเหล้าต่อ
เฉิงจินและทุกคนที่อยู่ข้างนอกก็สังเกตเห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงสั่งให้ทหารม้าทั้งหมดล้อมรอบจวนหลังนี้เอาไว้ไม่ให้ใครหนี ก่อนที่หน่วยลับจะพุ่งเข้าไปภายใน
เฉิงจินกับทุกคนเข้ามาแล้ว ก่อนเข้าจับกุมพวกขุนนางทั้งหมดเอาไว้แล้วแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ
เมื่อเห็นพวกชายชุดดำผ้าคลุมแดงกำลังวิ่งเข้ามา จางจี้ก็พลันตัวสั่นกลัวแล้วหันมองถังหยิน “ท่านถัง ท่านคิดจะทำอันใดกันแน่ ?”
ชายหนุ่มหัวเราะแล้วมองทุกคน “พวกเจ้าจะยืนกันทำไมเล่า ? มานั่งสังสรรค์กันต่อสิ”
ร่างของหยูเฮอวางอยู่ข้าง ๆ และหัวก็อยู่ที่ใต้เท้าถังหยิน ทำให้ทุกคนไม่มีอารมณ์จะกินต่อทั้งนั้น
จางจี้กลืนน้ำลายแล้วฝืนตัวเองไม่ให้อ้วกออกมา “ท่านถัง…”
ถังหยินพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “เป็นอะไรไปเล่า ? พอหยูเฮอตายไปพวกเจ้าก็กินกันไม่ลงเลยหรือ ? แสดงว่าพวกเจ้าเป็นสหายของมันงั้นสิ ?”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนสั่นสะท้านไปถึงทรวง จากนั้นพวกเฉิงจินก็ชักดาบออกมาพร้อมกันทั้งหมด
โดยไม่ต้องรอคำสั่ง พวกขุนนางก็พลันกลับมานั่งที่เดิมแล้ว ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถังหยินหัวเราะในลำคอแล้วนำตราประจำตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะ “หยูเฮอมันคบค้าสมาคมกับพวกคนนอกและข้าก็จัดการเขาแล้ว ดังนั้นข้าจะรายงานเรื่องนี้ไปให้ฝ่าบาททราบในภายหลัง แต่ว่าที่นี่นั้นจะขาดคนดูแลไม่ได้เหมือนกัน…”
ทุกคนมองหน้ากันและกัน พวกเขารู้แล้วว่าชายคนนี้ต้องการจะทำอะไร
ถังหยินพยักหน้า “แบบนี้ทุกคนก็เห็นด้วยกับข้าสินะ ท่านจางท่านคิดว่าไง ?”
ร่างของจางจี้สั่นเทาจนตะเกียบในมือร่วงลงพื้น “แน่นอน แน่นอน แน่นอน ข้าไม่คัดค้าน”
“เยี่ยมมาก งั้นก่อนที่ฝ่าบาทจะรับสั่งมา พวกเจ้าก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น” ถังหยินวางตะเกียบแล้วยิ้มออกมา
ในบรรดาพวกเขามีคนจากเขตชานชุย จี้เฟิง และนั่นก็คือ หลีซ่งกับตูจูยี่ เป็นเหตุให้พวกเขาไม่กลัวเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
การกระทำของถังหยินนับได้ว่าบ้าคลั่ง หากแต่ก็ฉลาดมากในเวลาเดียวกัน
“ส่งคำสั่งไปเรียกแม่ทัพทั้งหมดในมณฑลนี้เพื่อมาหารือร่วมกัน !” ถังหยินบอกจางจี้ และอีกฝ่ายก็รับคำ
ว่าแล้วเขาก็หันไปบอกกับหลีซ่งและตูจูยี่ “พวกเจ้าทั้งสองเองก็ไปบอกแม่ทัพของตัวเองให้มาที่นี่ซะ”
“ขอรับ”
หลังจากที่ทั้งสามจัดเรียงเอกสารเรียบร้อยแล้ว ถังหยินก็หยิบมันขึ้นมาอ่านเพื่อรับรองว่าจะไม่มีอะไรตุกติก ก่อนจะปล่อยมันออกไป
จากนั้นชิวเจิ้นก็พากองทหารม้าเข้ามาที่ชุนโจวเพื่อเข้าร่วมกับถังหยิน
หลังจากที่จัดการเรื่องขุนนางเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปจัดการพวกลูกน้องของหยูเฮอที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ซึ่งยังภักดีอยู่กับเจ้านายเก่า ด้วยการบังคับให้กินยาสลายปราณ ส่วนคนที่ยินยอมเข้าร่วมกับถังหยินก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
การกระทำนี้ถือเป็นการรัฐประหารที่รวดเร็วและทำให้สถานการณ์ดำเนินการได้อย่างปกติ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังทำให้ข่าวการก่อการกบฏของถังหยินเงียบเชียบเป็นอย่างมาก
ไม่นานนัก แม่ทัพทั้งหลายก็เดินทางเข้ามาจากเขตชานชุยและเขตจี้เฟิง ซึ่งทันทีที่พวกเขามาถึง ก็ถูกพวกของเฉิงจินจับกุมในทันที