บทที่ 158
ความแตกต่างระหว่างวิชาแยกร่างของผู้ใช้ศาสตร์มืดกับวิชาแยกเงาของผู้ใช้วิชาแสงก็คือ ตัวตนที่จับต้องได้กับตัวตนที่จับต้องไม่ได้ โดยทางฝั่งผู้ใช้แสงนั้นจะสามารถแค่สร้างร่างจำแลงขึ้นมาเท่านั้น ในขณะที่อีกฝั่งสามารถสร้างร่างกายขึ้นมาจริง ๆ ได้
ถังหยินใช้จุดนี้เอง ทำการเชื่อมต่อจิตใจตัวเองเข้ากับร่างแยก บงการให้ร่างนั้นทำทุกสิ่ง และเขาเองก็รับรู้ถึงมันทุกอย่าง
และภายในรถม้านั่น เขาได้อาศัยเรื่องการเชื่อมต่อที่ว่า บอกเล่าเกี่ยวกับการเจรจาและข้อตกลง เพื่อให้ชิวเจิ้นช่วยคิดข้อต่อรอง
ดังนั้นแล้วจึงอาจกล่าวได้ว่า เรื่องข้อตกลงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องโถงนั้นเป็นข้อเสนอที่ชิวเจิ้นคิดเอาไว้หมดแล้ว
ในบรรดาทุกคน มีเพียงหยวนยู่คนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าถังหยินใช้วิชานี้ ดังนั้นเขาถึงได้กลับออกมาก่อน ด้วยรู้ดีว่าการคุ้มกันร่างเงามันไร้ความหมาย
คำพูดของเฉิงจินทำให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ได้ทันที “นายท่านช่างหลักแหลมยิ่ง”
ทว่าการใช้ร่างเงา มันก็ทำให้ถังหยินไม่มีพลังปราณใด ๆ เลย ดังนั้นเขาจึงอ่อนแอเป็นอย่างมาก ได้แต่หันไปบอกกับหน่วยลับทั้งสองว่า “ชีวิตของข้าอยู่ในกำมือพวกเจ้าแล้วนะ”
เฉิงจินกับลู่ฟางได้ยินแบบนั้นก็พลันมีสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องห่วงหรอกนายท่าน พวกข้าจะคอยปกป้องท่านอย่างถึงที่สุดเอง”
ชายหนุ่มพยักหน้าให้แล้วมองไปยังหยวนยู่ “ส่วนเจ้าก็รีบพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองเพื่อเจอกับข้าข้างใน”
“ขอรับ” หยวนยู่ตอบรับ
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเก่งแค่ไหน หากแต่วิชานี้มันก็ยังสร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็นได้อยู่ดี ร่างแยกที่สมบูรณ์งั้นหรือ ? นี่มันบ้าอะไรกัน ร่างแยกที่ไหนมีความคิดเป็นของตัวเองแบบนี้กัน มันไม่น่ากลัวไปหน่อยหรือไง ?
อีกด้านหนึ่งในเมืองเบสซ่า ร่างแยกของถังหยินก็กำลังนอนพักอย่างสบายใจเฉิบ
ห้องนี้ทั้งใหญ่และหรูหราอย่างหาที่สุดไม่ได้ และถ้าเทียบกันแล้วมันก็ไม่ต่างจากโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวของฝั่งโลกมนุษย์เลย
แต่ในเมื่อเขาเป็นแค่ร่างแยก จึงไม่ต้องการการพักผ่อนแต่อย่างใด แค่แกล้งทำเป็นหลับตาแล้วนอนบนเตียงเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น หากแต่ร่างแยกก็ทำเพียงแค่มองแบบแอบ ๆ เท่านั้น ไม่ได้ขยับร่างกายแม้แต่น้อย และถึงแม้ไฟในห้องจะถูกดับไป ทว่าเขาก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน
เมื่อประตูเปิดออก ก็มีร่างบางร่างหนึ่งวิ่งเข้ามา ซึ่งถังหยินก็จำได้ในทันทีว่านี่คือชัวน่าเป็นแน่ หากแต่ทำไมนางถึงมาที่ห้องของเขากัน ?
เขาแอบมองเพื่อดูว่านางเข้ามาทำอะไร
เมื่อนางเข้ามาแล้ว หญิงสาวก็พลันนอนราบไปกับพื้นราวกับต้องการจะตรวจสอบห้องนี้ ก่อนที่นางจะยืนขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เห็นว่าในมือของนางนั้นถือดาบติดมาด้วย
ชัวน่าเดินเข้ามา หันมองถังหยินด้วยรอยยิ้ม ก่อนชี้ดาบไปยังชายหนุ่ม “ถังหยิน !”
นางไม่ได้มาร้าย แค่มาเพื่อพูดคุยกับเขาเท่านั้น
“เจ้าโง่ ลุกขึ้นมาซะ การฆ่าเจ้าน่ะมันง่ายแค่นี้จริงหรือเนี่ย ?” นางพึมพำ ก่อนเอาใบดาบจิ้มไปที่หน้าของถังหยิน
ร่างแยกพลันกลิ้งไปรอบเตียง แล้วจึงลุกขึ้นมาจับข้อมือของอีกฝ่ายก่อนปลดอาวุธในมือนางลง
“ที่แห่งนี้มันดีจังเลยนะ มีการส่งองค์หญิงมากำนัลข้าด้วย”
แม้ว่านางจะเป็นคนที่เปิดกว้าง หากแต่ก็ไม่เคยสัมผัสกับชายคนใดในระยะประชิดแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อเจอเข้ากับแบบนี้ นางก็พลันยกมือขึ้นตบใบหน้าของเขาอย่างแรงด้วยอาการตกใจ
เพี๊ยะ !
รอยตบนี้ทำให้ถังหยินเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมา เขาเลียริมฝีปากด้วยสายตาของสัตว์ร้าย ก่อนบีบข้อมือนางแรงขึ้นอีกจนหญิงสาวเริ่มรู้สึกเจ็บ
“เจ้า…”
เมื่อชัวน่าเห็นว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ นางก็พลันตั้งท่าจะตะโกน หากแต่ถังหยินก็ได้เอาหน้าของเขาแนบไปกับนางแล้วประกบริมฝีปากเข้าด้วยกันเพื่อปิดปาก
หญิงสาวไม่อาจตะโกนได้ ปากของนางถูกจูบอย่างแรง บีบให้นางต้องเรียกเกราะปราณออกมา ทำให้ถังหยินต้องหยุดมือก่อนถอยออกมา
“ชู่ว…”
ถังหยินยกนิ้วขึ้นมาทาบไปบนริมฝีปากของชัวน่า “ฝ่าบาทพาคนอื่นมาด้วยหรือเปล่า ?”
หญิงสาวตะลึงกับคำถามนี้แล้วส่ายหัว “ไม่มีนะ เจ้าถามทำไม ? ข้ามาเพื่อแค่จะสู้กับเจ้าคืนนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นปล่อยข้าได้แล้ว !”
ถังหยินกลอกตาแล้วหัวเราะเบาๆ “มีคนอื่นนอกจากท่านอีก”
“หา ?” ชัวน่าขมวดคิ้ว
ถังหยินมองออกไปนอกหน้าต่าง “เดี๋ยวท่านก็จะรู้เอง”
เมื่อชัวน่ามองออกไปก็เห็นแต่เพียงแสงจันทร์ ทว่าทันใดนั้นถังหยินก็พลันกระซิบบอก “มันมาแล้ว !”
เพียงชั่วพริบตา ชัวน่าก็เห็นเงาคนอยู่ที่นอกหน้าต่าง เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วตรงเข้ามา ทำให้นางตะลึงจนพูดไม่ออก
ไม่รอช้า ถังหยินพลันหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวพวกเขาเอาไว้ และภายใต้ผ้านั่น ชัวน่าที่ถูกกดร่างกายเอาไว้โดยเขาก็เริ่มหน้าแดงขึ้นมาแล้ว “ถังหยินปล่อยข้านะ…”
“ถ้าอยากจะรอดออกไป อย่าพูดอะไรตอนนี้ !” ถังหยินกระซิบบอก
เคร้ง !
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากนอกหน้าต่าง ทำให้นางพยายามโผล่หน้าออกไปดู
ภาพที่เห็นคือชายชุดดำยืนอยู่ที่หน้าต่าง ร่างของเขาเต็มไปด้วยเกราะปราณสีดำ ทว่าดูแตกต่างจากเกราะของผู้ใช้ศาสสตร์มืดอย่างสิ้นเชิง อีกฝ่ายนั้นถือดาบยาว และใช้หน้าต่างเป็นช่องทางเข้ามาข้างใน
จากนั้นก็มีอีก 4 คนเข้ามาเพิ่มเติม พวกเขามีทั้งเกราะและหอกปราณในมือ
…นี่อาจจะเป็นแผนลอบสังหารถังหยินก็เป็นได้
ชัวน่าก็ดูจะประหลาดใจมากทีเดียว เพราะนางนั้นไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ว่าใครกันที่คิดจะฆ่าชายคนนี้ ?
ทว่าหญิงสาวก็มันใจอย่างหนึ่ง ว่านี้ไม่ใช่ฝีมือของบิดานางแน่ ด้วยไม่มีใครได้ประโยชน์อะไรทั้งนั้นจากการกระทำนี้ ดังนั้นซานเชสจึงไม่มีทางทำแบบนี้อยู่แล้ว เพราะเขาเองก็หวังพึ่งพาถังหยินเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างดินแดนขึ้นมาเช่นกัน
ระหว่างที่คิด ชายทั้ง 5 คนนั้นก็พลันหันมองหน้ากัน ก่อนที่จะเดินเข้ามาประชิดเป้าหมาย
ถังหยินที่เห็นดังนั้นก็พลันโยนผ้าห่มออกมา เขายืนขึ้นมาแล้วจึงพุ่งเข้าไป ก่อนยกชูกำปั้นชกเข้าที่หน้าอกชายชุดดำที่สวมเกราะปราณอยู่ พร้อม ๆ กับที่อีกฝ่ายใช้ดาบฟันสวนกลับมา