บทที่ 62
ตลอดการเดินทางภายใต้การดูแลของถังหยินสงบเรียบร้อยเป็นอย่างมาก จึงทำให้ชายหนุ่มสามารถทำภารกิจคุ้มกันหยินโรวได้อย่างสะดวกราบรื่น
ผลจากการปราบพวกโจรภูเขามันทำให้เขาพึงพอใจมาก และไม่คิดจะทำอะไรให้มันมากความอีก
ในวันนี้พวกเขาได้เดินทางมาถึงเมืองว่าน
เมืองว่านอยู่ใกล้กับเมืองหยานที่เป็นเมืองหลวงมาก ทั้งยังใช้เวลาในการเดินทางน้อยนิด ในจุดนี้บอกได้เลยว่าการเดินทางของพวกเขาใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
แต่ด้วยความที่ในขณะนี้ดวงอาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้าอยู่แล้ว ดังนั้นถังหยินจึงออกคำสั่งให้ทหารของเขาประจำการด้านนอกเมือง โดยมีเพียงแค่ตัวเขา ชิวเจิ้น กู่เยว่ หลีเทียน หลีเหว่ย เติงหมิงหยาง และทหารมากฝีมือจำนวนหนึ่งที่แยกออกมาเพื่อคุ้มครององค์หญิงเข้าเมือง
ผู้ว่าเมืองว่านเองก็ออกมาต้อนรับพวกเขาพร้อมด้วยคณะ
ไม่ไกลออกไปนัก หลีเฉียนได้เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าถังหยินและก้มหัวให้ ก่อนจะหัวเราะออกมา “แม่ทัพถังคงจะเหนื่อยล้ามากแล้ว และข้าคนนี้ก็ต้อนรับท่านไม่ได้ดีนัก ข้าหวังว่าท่านจะไม่เอาความข้า !”
ถังหยินและทุกคนลงจากหลังม้า “ท่านหลีเองก็พูดเกินไป” ไม่ว่าชายหนุ่มจะต้องการหรือไม่ แต่เขาก็อยากจะพูดคุยให้เป็นกันเองมากที่สุด
ระหว่างที่หลีเฉียนพูดไป สายตาของเขาก็มองไปยังรถม้าขององค์หญิงด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย “แม่ทัพถัง นั่นคือรถม้าขององค์หญิงสินะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกต้อง ! ฝ่าบาทกำลังพักผ่อนอยู่”
“ถ้างั้นก็รีบเชิญท่านเข้ามาในเมืองสิแม่ทัพถัง เข้ามาได้เลย !” หลีเฉียนหลีกทางให้แล้วมองลูกน้องตัวเองพร้อมกันแล้วบอกให้พวกเขานำพาคณะเดินทางเข้าไป
เมื่อเข้าไปในเมือง ตอนแรกหลีเฉียนวางแผนจะให้พวกถังหยินพักในจวนผู้ว่า แต่ด้วยมีข้ารับใช้ติดตามมากับหยินโรวมากเกินไป จึงทำให้มีที่ว่างไม่พอที่จะจุคนจำนวนนับหมื่นนี้ได้
ดังนั้นหลีเฉียนและขุนนางคนอื่น ๆ จึงเสนอให้หยินโรวเข้าพักในโรงเตี๊ยมที่ร้างผู้คนเพราะพวกเขาได้ซื้อเอาไว้ให้เป็นที่พักขององค์หญิงก่อนหน้านี้แล้ว
มีข่าวลือว่าหยินโรวนั้นสวยและงดงามมากราวกับเทพธิดา ทำให้ทุกคนอยากจะเข้ายลโฉมให้ได้ แต่เนื่องจากมีคนมากไป ทำให้นางเอาแต่อยู่บนชั้น 3 แม้แต่รอบตัวนางก็มีแต่ข้ารับใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง จึงทำให้ไม่มีใครมองเห็นนางได้ชัด
ถังหยินออกคำสั่งให้กู่เยว่ หลีเทียน หลีเหว่ย และเติงหมิงหยางให้จัดทหารคุ้มกันสถานที่นี้ทั้ง 4 ทิศ และด้วยเพศสภาพหญิงของอัยเจีย นางจึงถูกสั่งให้ไปอยู่ข้างตัวเพื่อคอยคุ้มกันองค์หญิง
เขาจัดการวางกำลังป้องกันรอบโรงเตี๊ยมและกลับไปตรวจตราอีกครั้ง
หญิงสาวที่อยู่ข้างหยินโรวคือคนที่รับหน้าที่ป้องกันภายในโรงเตี๊ยม เมื่อเห็นถังหยินเดินเข้ามา นางก็รีบเข้าไปเตือนทันทีแล้วพูดด้วยเสียงที่ไม่หวังดี “ข้าเป็นคนจัดการดูแลภายในเอง เจ้าไม่ต้องกังวลไป !”
ชายหนุ่นมองหน้าเขาแล้วพูดกลับ “แม้แต่ข้าก็ไม่ได้หรือ ?”
ชายหนุ่มทำให้เสี่ยวมินไม่พอใจ นางพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “ข้าคุ้มครองฝ่าบาทมานานหลายสิบปี เจ้าไม่เชื่อในฝีมือของข้าหรือไง ?”
ถังหยินยักไหล่และหัวเราะ “ถ้าพูดถึงเรื่องการคุ้มครองละก็ ไม่มีใครเก่งเกินไปกว่าข้าหรอก”
เขาไม่ได้พูดเกินจริงไป ด้วยความที่เขาเป็นมือสังหารมาก่อน จึงทำให้เขาสามารถรับรู้จุดบอดมากมายได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงอยากสำรวจโดยรอบเพื่ออุดช่องโหว่พวกนั้นเพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวมินจึงได้แต่ยอมทำตามคำพูดของถังหยินและเดินตามเขาไป
หลังจากเดินตรวจตรากันไป 2 รอบ ถังหยินก็รู้สึกพึงพอใจ เขาหันมายิ้มให้กับเสี่ยวมิน “การจัดการของเจ้าก็ไม่แย่นะ”
ได้ยินแบบนี้เสี่ยวมินก็โกรธจัดจนกัดฟันพูด “เจ้าไม่ต้องพูดมากก็ได้ ?!”
จากนั้นไม่นานนัก หัวหน้ากองคนหนึ่งก็ได้เข้ามาหาถังหยินแล้วทำความเคารพ “แม่ทัพถัง ท่านหลีอยากจะขอพบท่าน !”
“นี่เขายังไม่ไปอีกหรือ ? ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่กัน ?” ถังหยินไม่ค่อยชอบหลีเฉียนเท่าไหร่ เขารู้ดีว่าชายคนนี้เป็นคนขี้ประจบสอพลอและมีเล่ห์เหลี่ยมมากแค่ไหน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจัดการคนพวกนี้ไปแล้ว แต่ในตอนนี้เขามีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพ จะให้จัดการแบบเดิมก็คงจะลำบากน่าดู
ว่าแล้วชายหนุ่มและชิวเจิ้นก็เดินออกมาพบหลีเฉียน
“แม่ทัพถัง” ทันทีที่ชายหนุ่มเดินออกมา สีหน้าของหลีเฉียนก็แสดงออกถึงความรู้สึกผิด “วันนี้ฝ่าบาทมายังเมืองว่าน จึงทำให้ที่แห่งนี้เปล่งประกายยิ่ง มีผู้คนมากอยากที่จะยลโฉมพระนาง คืนนี้ข้าจัดงานเลี้ยงในจวน ข้าหวังว่าฝ่าบาทจะมาเข้าร่วมได้หรือไม่ ?”
“นี่มันอาจจะยากลำบากมาทีเดียว” ชิวเจิ้นพูดขึ้น
เขาอยากจะปฏิเสธอ้อม ๆ ไป แต่ไม่ทันไรถังหยินก็ขัดคอเขาขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่ได้ ! องค์หญิงเหนื่อยล้าจากการเดินทางและข้าไม่อนุญาตให้นางเข้าร่วมงานเลี้ยงเด็ดขาด”
“นี่มัน…” สีหน้าของหลีเฉียนมีความผิดหวังออกมา เขาหัวเราะและพูดข้อเสนอใหม่แทน “ในเมื่อฝ่าบาทกำลังพักผ่อน ก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่จะขอร้องต่อ ถ้างั้นรบกวนท่านแม่ทัพไปแทนได้หรือไม่ ?”
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นไปแล้ว ถ้าหยินโรวและถังหยินไม่เข้าร่วมก็คงจะทำให้ผู้ว่าเสียหน้าน่าดู
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรงานเลี้ยงนี้เลย เขาอยากจะปฏิเสธไป หากแต่ชิวเจิ้นกลับกระตุกแขนเสื้อเขาแล้วพูดไปว่า “ท่านหลีไม่ต้องกังวลไป แม่ทัพถังจะต้องไปที่นั่นอย่างแน่นอน”
สุดท้ายบนหน้าของผู้ว่าคนนี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นข้าขอกล่าวต้อนรับแม่ทัพถังตั้งแต่ตอนนี้เลย ข้าไปก่อนล่ะ !”
หลีเฉียนหัวเราะอย่างงดีใจและเดินกลับออกไป ถังหยินมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความไม่พอใจ “ใครขอให้เจ้าช่วยข้าตัดสินใจกันหา ?”
ชิวเจิ้นหัวเราะ “ถึงแม้ตำแหน่งของเขาจะไม่สูงมากนัก แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองนี้อยู่ สหายถังต้องรับมือเขาอย่างรอบคอบ ไม่งั้นมันอาจกลายเป็นการดูหมิ่นอีกฝ่ายได้”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนจะพยักหน้าให้ “เอาล่ะ ข้าจะยอมไปก็แล้วกัน !”
ห้องพักของถังหยินก็อยู่ในโรงเตี๊ยมเช่นกัน หลังจากกลับมาที่ห้องเขาก็ถอดเกราะออกแล้วใส่ชุดลำลองแทน
ถึงจะไม่ใช่หน้าร้อนแต่อากาศที่นี่ก็ร้อนมาก เกราะเหล็กที่บดบังลมเช่นนี้ คงไม่มีใครอยากจะใส่มันเดินไปไหนมากนัก
เขาอาบน้ำล้างตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา !” ถังหยินตอบกลับตามปกติ
ประตูเปิดออกและเสี่ยวมินก็เข้ามา
เมื่อมองไปยังนาง ถังหยินก็ถาม “เกิดอะไรขึ้น ?”
“ฝ่าบาทอยากพบเจ้า” เสี่ยวมินพูดพร้อมมองไปรอบ ๆ ห้อง
หยินโรวตามหาเขาอยู่ ถังหยินรู้สึกว่ามันแปลกเกินไป “องค์หญิงงั้นเหรอ ? มีอะไรกัน ?”
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงเล่า ?” สุดท้ายแล้วเสี่ยวมินก็หันมามองถังหยินแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เร็วเข้า ฝ่าบาทกำลังรอเจ้าอยู่นะ !”
ถังหยินเลิกคิ้วขึ้นแล้วดึงสติกลับมาได้ “ไปกันเถอะ !”
เสี่ยวมินสูดหายใจแล้วเดินออกไป
ถังหยินเดินตามออกไป และในขณะที่นางกำลังจะออกจากห้อง เขาก็ได้แอบเหยียดขาเตะตัดเข่า จนทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องร่วงล้มลงไป
ชายหนุ่มทำเป็นไม่ได้สนใจและไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ จนกระทั่งเขากำลังจะก้าวข้ามร่างของนางไป “เดินระวังหน่อยสิ”
“เจ้า…” เสี่ยวมินลุกขึ้นมานั่งด้วยสีหน้าที่โกรธจัด นางจ้องมาที่ถังหยินตาเบิกกว้างด้วยความโมโห นางไม่ได้โง่หรือตาบอดแต่อย่างใด หญิงสาวรู้ดีว่านางไม่ได้สะดุดล้มเพราะเดินจนขอบประตูแน่ ๆ ถังหยินต่างหากที่เป็นคนกลั่นแกล้งนาง
แต่มันก็น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานอะไรไปยืนยันเลย แต่ถึงมี คนอย่างถังหยินก็คงไม่มีทางยอมรับมันหรอก
จำไว้เลยนะ ! เสี่ยวมินกัดฟัน ก่อนที่จะลุกขึ้นมาด้วยความอับอาย
เมื่อไปถึงห้องของหยินโรว ถังหยินก็เคาะประตูก่อนจะเข้าไป
ในตอนนี้หยินโรวนั้นอยู่ในชุดสีขาวที่ดูธรรมดาเป็นอย่างมาก
และแม้ว่าชุดจะเรียบง่าย แต่การที่มันอยู่บนตัวนางก็ทำให้ดูเหมาะสมยิ่งนัก ราวกับว่าไม่มีชุดใดในโลกนี้จะปิดบังความงามนี้ได้
ถังหยินถอนหายใจ ทุกครั้งที่เขาเห็นหน้านางมันทำให้จิตใจของเขาปั่นป่วน มันทั้งเจ็บปวด และเกลียดชัง จนแม้แต่ในใจเขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร
“ข้าน้อยถวายบังคม !” ต่อให้หยินโรว ถังหยินก็จะไม่ก้มหัวให้มากกว่านี้แล้ว เขาทำมากสุดก็แค่ประกบมือเข้าหากันเท่านั้น
หยินโรวเองก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ตอนนี้นางแต่งตัวเยี่ยงคนธรรมดา และได้ถามเขาขึ้นมาว่า “แม่ทัพถัง คืนนี้ที่เมืองมีงานอะไรหรือ ?”
ชายหนุ่มประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าหยินโรวจะรู้เรื่องนี้ หลังจากครุ่นคิดเขาก็ตอบไป “ถูกต้องแล้ว ที่นี่มีงานเลี้ยงที่เจ้าเมืองหลีจัดขึ้นและท่านก็ได้รับเชิญด้วย”
หยินโรวทำท่าจะตอบกลับ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรนั้น ถังหยินก็ได้พูดต่อว่า “แต่ว่าข้าได้ตอบปฏิเสธแทนท่านไปแล้ว”
ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความดีใจ ทว่านางก็ยังถาม “ทำไมล่ะ ?”
ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง “ข้าคิดว่าท่านไม่ควรจะไปร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”