บทที่ 63
หลังจากพูดคุยกันมา ถังหยินจึงเข้าใจถึงนิสัยของหยินโรว นางดูเป็นคนใจเย็นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหา หากแต่แท้ที่จริง ๆ แล้วนั้นกลับตรงกันข้าม อันที่จริงแล้วองค์หญิงหยินโรวนั้นเป็นคนที่ขี้กลัวคนแปลกหน้าเป็นอันมาก ตลอดการเดินทาง มีน้อยครั้งนักที่นางจะโผล่หัวออกมาสูดอากาศ
มีแขกมากมายในงานเลี้ยงของหลีเฉียน ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งมีแต่คนที่อยากจะยลโฉมขององค์หญิงมากจนกลายเป็นเป้าสายตาของงานเลี้ยง แน่นอนว่านั่นย่อมทำให้องค์หญิงรู้สึกไม่สบายใจ นอกจากนี้แล้ว ด้วยจำนวนคนที่มาก นั่นก็จะกลายเป็นปัญหาเรื่องความปลอดภัยด้วยเช่นกัน
หยินโรวมองถังหยินอย่างสงสัย “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้?”
“ข้าเดาเอา”
“แล้วถ้าเจ้าเดาผิดล่ะ ?” ถังหยินมีท่าทีมั่นใจทุกครั้งที่เขาพูด ไม่เหมือนกับพวกที่ต้องให้ความเคารพกับนางตลอดเวลา นางคือองค์หญิงและมีฐานันดรศักดิ์ที่สูงส่ง ส่วนเขานั้นมาจากคนต่ำต้อย แม้ว่านางจะเข้าใจเรื่องราวมากมาย หากแต่นางนั้นก็ยังไร้ซึ่งประสบการณ์ที่หลากหลาย ด้วยอายุไม่ถึง 20 ขวบปี
หลังจากตะลึงสักเล็กน้อย เขาก็พูดขึ้น “ถ้าฝ่าบาทไม่พอใจกับสิ่งข้าเสนอ ข้าจะไปบอกเจ้าเมืองหลีให้ว่าท่านประสงค์จะเข้าร่วมงานเลี้ยง” พูดจบเขาก็อยากจะเดินออกไปจริง ๆ
หยินโรวตะลึง นางจะเข้าร่วมงานได้อย่างไร? นางยื่นมือออกมาจะหยุดชายหนุ่มเอาไว้แล้วยิ้มให้ “แม่ทัพถัง ข้า… เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าทำลงไป”
ถังหยินแอบขำในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า “ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าน้อยก็คงต้องไป”
“ช้าก่อน!” หยินโรวเรียกอีกครั้ง
นางร้องเรียกทั้ง ๆ ที่นางยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ และกำลังเอาคางเกยไปกับโต๊ะ ทว่าหลังจากนั้น ราวกับรู้สึกเมื่อยล้า องค์หญิงพลันเหยียดตัวขึ้นด้วยความขี้เกียจ
ทั้งวันนี้หรือมากกว่านั้น ตั้งแต่ที่นางออกจากเมืองหลวงมายังที่นี่ นางใช้ชีวิตอยู่ด้วยความเบื่อหน่ายและการต้องพบปะกับผู้คนในราชสำนักบางคน ถังหยินต่างจากคนอื่นที่นางเคยเจอ ดังนั้นชายผู้นี้จึงเป็นที่แปลกตาสำหรับนางมากทีเดียว
“ฝ่าบาทว่างหรือ?” ชายหนุ่มถามด้วยความงุนงง
“ไม่มีอะไร ข้า…” นางรู้สึกเขินอายที่จะต้องบอกออกไปด้วยความลังเล
“แต่อะไรหรือ?” เขาต้องเล่นตามน้ำไปก่อน
“ข้าเริ่มเบื่อแล้ว!” หยินโรวกลอกตาไปหาถังหยินด้วยความไม่พอใจราวกับเด็กที่โดนพ่อแม่ตามใจจนเกินไป
“โอ้” ในที่สุดถังหยินก็เข้าใจเสียที เขาพยักหน้าให้ นางยังอายุไม่ถึง 20 ดังนั้นจึงอยากจะใช้ชีวิตสนุกโดยไร้ความกังวล แม้ว่านางจะเป็นตัวแทนที่มาเพื่อทำการยุติสงครามระหว่างแคว้นก็ตาม
ถังหยินอยากจะกลับออกไป แต่เมื่อได้ยินแบบนี้เขาก็เดินหยิบเก้าอี้เข้ามานั่งตรงข้ามกับนาง
ข้ารับใช้ในห้องต่างก็ตะลึงกับท่าทีนี้ แต่เมื่อเห็นหยินโรวไม่ได้มีท่าทีอะไร พวกเขาก็พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แม่ทัพถังอยู่ในกองทัพมานานแค่ไหน?” องค์หญิงเริ่มเปิดคำถามพร้อมจิบชาในถ้วย
“ไม่นานหรอก ประมาณสองเดือน”
นางตะลึงเล็กน้อย ถึงนางจะไม่คุ้นชินกับงานในกองทัพแต่ก็รู้ได้ว่าตำแหน่งแม่ทัพนั้นไม่ใช่ตำแหน่งต่ำ ๆ “แล้วเจ้าเป็นแม่ทัพได้ภายในเวลาสองเดือนได้ยังไง?”
ถังหยินไม่ได้ตอบตรง ๆ แต่ยิ้มให้ “ฝ่าบาทไม่เชื่อในฝีมือข้าหรือ?”
นางส่ายหัวอย่างรวดเร็ว นางจำได้ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอกับถังหยินเป็นอย่างดี ร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังปราณสีดำ และถึงแม้เขาจะไม่ได้โจมตี หากแต่ภาพในตอนนั้นก็น่ากลัวมากทีเดียว
ภาพนั้นถึงกลับทำให้องค์หญิงคิดมากอยู่นานหลายวัน
จนสุดท้ายก็ถาม “วันนั้น เจ้าราวกับถูกสาป ตอนนั้นเจ้าจำข้าผิดเป็นคนอื่นใช่ไหม?”
ถังหยินเริ่มประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าองค์หญิงหยินโรวจะถามลึกเรื่องนี้ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะตอบยังไงไป หลังจากคิดอยู่สักครู่ เขาก็ตัดสินใจพูดตอบไปว่า “จะว่างั้นก็ได้”
“เป็นหญิงที่ชื่อคริสตัลสินะ?”
ถังหยินหัวเราะอย่างขมขื่น มันแปลกมากที่ได้ยินชื่อคริสตัลจากปากของหยินโรว
“นางอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?” หยินโรวได้แต่ถามด้วยความสงสัย
“นางน่าจะตายไปนานแล้ว” ถังหยินยักไหล่
หลังจากที่ได้ฟัง ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดแต่นางรู้สึกโล่งอกในใจ บางทีอาจจะไม่อยากให้มีใครที่เหมือนกับนางมากเกินไปบนโลกนี้ก็ได้ หรืออาจจะเข้าใจผิดด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง
โดยไม่คิดจะพูดถึงเรื่องของคริสตัลอีก ถังหยินจึงเปลี่ยนหัวข้อ “องค์หญิงจะอยู่ที่แคว้นเฟิงอีกนานแค่ไหน?”
หยินโรวส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้หรอก ขึ้นอยู่กับอ๋องของแคว้นเจ้าแหละ ถ้าเขารับข้อเสนอข้าเร็ว ๆ ข้าก็คงไม่อยู่ที่นี่นานหรอก ถ้าไม่ก็อาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกนานเลย”
ถังหยินแอบขำในใจ ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ อ๋องของเขาจะไม่รับข้อเสนอได้ยังไงกัน? ชายหนุ่มยิ้มออกมา “ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลไป เวลาที่ท่านจะอยู่ที่นี่ไม่นานนักหรอก”
“หา?” หยินโรวเริ่มรู้สึกสนใจ นางอยากจะได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแคว้นเฟิงมากกว่านี้ “ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?”
“เมื่อฝ่าบาทไปยังเมืองหลวง ท่านจะเข้าใจเอง” ถังหยินไม่ใช่คนที่พูดมากนักหรอก ดังนั้นเขาจึงตัดบทไป
โดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มก็นั่งอยู่ในห้องขององค์หญิงนานเสียจนชิวเจิ้นมาตามเขา
หลังออกมาจากห้องของหยินโรว ถังหยินและชิวเจิ้นก็เดินกันออกไปข้างนอก
เมื่อเห็นร่องรอยยิ้มของอีกฝ่าย ชิวเจิ้นก็พลันกล่าวแซวขึ้นว่า “ฝ่าบาทเนี่ยสวยจังเลยเนอะ”
“ใช่แล้ว ไม่มีใครปฏิเสธได้เลย”
“สหายถังกับองค์หญิง…?”
โดยไม่ให้เขาได้พูดต่อ ถังหยินก็พลันรีบขัดคอขึ้นว่า “ข้าแค่ชื่นชมนะ”
การได้รับคำชมจากปากถังหยินไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้แต่อู่เหมยเขาก็ไม่เคยเอ่ยปากชมสักครั้ง
ด้วยความประหลาดใจราวกับได้พบทวีปใหม่ ชิวเจิ้นจึงถาม “องค์หญิงมีบางอย่างที่สหายชื่นชมสินะ?”
ชายหนุ่มมองเขาอย่างประหลาด “เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ? แม้ว่านางจะยังสาวแต่ก็ฉลาดมากทีเดียว”
“พูดตรง ๆ ข้าไม่เห็นจะสัมผัสได้เลย” ชิวเจิ้นพูดจริงจัง
ถังหยินถึงกับพูดไม่ออก
เขาปฏิเสธไม่ได้หรอกว่ามีความรู้สึกถูกใจหยินโรวมากทีเดียว ซึ่งความรู้สึกที่ว่ามันก็อยู่เหนือการควบคุมของเขาด้วย…
คืนนั้น
ถังหยินกับชิวเจิ้นกลับไปที่จวนผู้ว่าด้วยกัน
งานเลี้ยงที่เตรียมเอาไว้มันไม่ได้เล็กเลย จวนของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยของตกแต่งและโคมไฟมากมาย แขกหลายคนก็เข้ามาที่นี่แถมยังมีพวกพ่อค้าและชนชั้นสูงด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่องค์หญิงได้ออกมาตรวจตราแคว้นเฟิง และนางก็ได้ผ่านที่เมืองว่านแห่งนี้ นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากที่ประชาชนจะได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้ พวกเขาอยากจะรู้ว่านางหน้าตาเป็นเช่นไร แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะนางไม่ได้มาที่นี่ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยถังหยินก็ยังมาที่นี่เพื่อแจ้งข่าวนี้
ในงานเลี้ยง หลีเฉียนพาถังหยินนั่งเก้าอี้ตัวหลัก ซึ่งทุกคนที่ได้นั่งในนี้ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นสูงหรือคนรวยทั้งนั้น
ประชาชนทั้งหลายเริ่มถามคำถามไม่หยุดหย่อน
“องค์หญิงหน้าตาเป็นยังไง?”
“สูงศักดิ์และสูงส่ง”
“นางเป็นคนยังไง?”
“ก็เช่นเดียวกับผู้คนในโลกนี้แหละ”
“นางพูดแบบไหน?”
“รวดเร็ว”
“องค์หญิง…”
ทุกคนเริ่มถามคำถามมากมาย ถังหยินเองก็ตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เขาไม่ได้แสดงอะไรออกมามากมาย หากแต่ในใจก็กำลังบ่นอยู่ เขารู้สึกว่างานนี้มันน่ารำคาญมาก และไม่คิดว่าฝูงชนจะถามอะไรเยอะแยะเสียจนดูไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ นี่มันเหมือนกับพวกกลุ่มป้า ๆ ที่ชอบคุยจอแจเรื่องของคนอื่นชัด ๆ
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเหลืออด ชิวเจิ้นจึงกระซิบ “ทนอีกนิดหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวงานก็เลิกแล้ว”
ถังหยินมองเขาอย่างดุเดือด ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มเขาก็ไม่ต้องมาทรมานแบบนี้หรอก
สุดท้ายแล้วคำถามก็หมดลง แต่ก่อนที่ถังหยินจะทันได้ทำอะไร ชายวัยกลางคนร่างอ้วนก็ได้วิ่งเข้ามาหาถังหยินด้วยจอกเหล้า “แม่ทัพถัง จอกนี้เพื่อท่าน!”
หลีเฉียนรีบแนะนำ “แม่ทัพถัง เขาคือรองผู้ว่าเมืองว่าน จางหยวน!”
“โอ้ ขุนนางจางนี่เอง!” ถังหยินยกจอกเหล้าให้กับเขา
จางหยวนชนจอก ก่อนที่ทุกคนโดยรอบจะเริ่มชูจอกเหล้าในมือให้กับถังหยิน
เขาสามารถทนของมึนเมาได้ดีมาก หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่สามารถรับมือคนที่ดื่มให้กับเขาได้มากขนาดนี้ ถังหยินดื่มเข้าไปมากเสียจนใบหน้าของเขาในตอนนี้เริ่มแดง
เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเมา ชายหนุ่มจึงไม่ดื่มต่อ ไม่ว่าจะมาด้วยอะไรก็ตาม เขาก็จะปฏิเสธเสียงแข็งกลับไป
นี่เป็นนิสัยที่เขาเป็นอยู่มานานหลายปี ในฐานะของนักฆ่าที่สามารถเจอศัตรูได้ตลอดเวลา เขาจะต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา สติหลุดได้มากสุดแค่ 3 ใน 10 ส่วนเท่านั้น และนิสัยนี่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแม้ว่าจะมาที่โลกนี้ก็ตาม
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มไม่ดื่มต่อแล้ว ถังหยินก็โบกมือให้อย่างหงุดหงิด ในเวลาเดียวกันเขาก็เริ่มรู้สึกผิดในใจราวกับว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น
ว่าแล้วชายหนุ่มก็พลันดึงชิวเจิ้นเข้ามา ก่อนจะบอกให้อีกฝ่ายกันประตูเอาไว้ แล้วจึงวิ่งไปยังห้องน้ำ