บทที่ 65
ถังหยินใช้ทั้งสองแขนเพื่อปักดาบของเขาลงไปบนพื้นราวกับว่าต้องการที่จะยอมแพ้
ดาบทั้ง 7 พุ่งเข้ามาจากมุมที่ต่างกัน ก่อนที่ดาบ 6 เล่มจะพุ่งทะลวงร่างของเขา หากแต่ว่านั่นกลับเป็นภาพลวง ส่วนดาบที่แท้จริงนั้นก็ได้พุ่งเข้าใส่หัวใจของชายหนุ่ม
ความแหลมคมของมันแทงทะลุผ่านเกราะ หากแต่มันไม่อาจทะลุหน้าอกของเขาไปได้ ปลายดาบเพียงแค่ปักอยู่ที่หน้าอก ทำให้เลือดไหลออกมาเล็กน้อย
อ๊า!
เมื่อเห็นว่าถังหยินถูกดาบแทงทะลุ พวกพลทหารของเขาที่ขยับไม่ได้เพราะโดนปราณกดดันก็พากันตกตะลึง พวกเขาไม่อยากจะเลยเชื่อว่าแม่ทัพของพวกเขาจะตายจากการลอบสังหารเยี่ยงนี้
ชายชุดดำคลุมทั้งร่างของเขาด้วยเกราะปราณ ทำให้ไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อดูจากสายตาก็บอกได้เลยว่าเขากำลังยิ้มอยู่ หากแต่อีกฝ่ายก็ยิ้มได้มากสุดแค่เพียงชั่วขณะเท่านั้น
แท้จริงแล้วถังหยินไม่ได้ตาย อย่างน้อยก็ไม่ทันที ความแข็งแกร่งของเขานั้นมากกว่าที่อีกฝ่ายคิดนัก
เมื่อไม่มีดาบในมือ เพลิงแห่งความมืดของเขาก็ถูกจุดติดขึ้นบนฝ่ามือ ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาอาศัยจังหวะดังกล่าวเอื้อมเข้าไปจับคอของชายชุดดำอย่างไม่ทันให้อีกฝ่ายทันตั้งตัว
ถังหยินวางแผนจะใช้ไฟเผาเกราะของอีกฝ่าย แต่เขานั้นดูถูกเกราะปราณของอีกฝ่ายมากเกินไป
เมื่อไฟของเขาแตะกับเกราะของอีกฝ่าย อย่าว่าแต่เกิดประกายไฟเลย แม้แต่ความเสียหายสักนิดก็ไม่มี !
ชายชุดดำไม่ได้คาดคิดว่าถังหยินจะใช้มุกนี้ในการโจมตี เขาคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะยังเคลื่อนไหวได้หลังจากโดนดาบปราณเข้าไป หรือแม้กระทั่งจะมีเรี่ยวแรงปล่อยพลังไฟออกมาได้ โชคยังดีที่พลังของเขานั้นสูงมากพอที่จะป้องกันตัวเองได้
“ฮ่าๆๆ”
เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนตั้งท่าจะดึงดาบออกมาจากอกของอีกฝ่ายเพื่อจะได้แทงซ้ำเข้าไป
แต่ในตอนนั้นเองที่นิ้วของถังหยินงอ และขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเป็นลูกตาของชายชุดดำ
นี่คือท่าที่เรียกกันว่า ‘กรงเล็บพญาเหยี่ยว’
เป็นท่าที่ชายชุดดำไม่คาดคิด เขาคิดว่าถังหยินใช้ไม้ตายสุดท้ายไปแล้วและไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้ลูกไม้สกปรกแบบนี้
ทว่าจะมาป้องกันตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว ชายชุดดำมีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น เขาจะต้องทิ้งดาบเอาไว้และถอยหนีออกมา
แต่เขาลืมไปหนึ่งอย่าง ถังหยินได้จับลำคอของเขาเอาไว้ ชายชุดดำพยายามจะหนี หากแต่ถังหยินกลับไม่ยอม ยังไม่ทันที่ชายชุดดำจะได้ขยับหลบ นิ้วมือของถังหยินก็ได้พุ่งตรงเข้าไปในลูกตาของเขาเป็นที่เรียบร้อย
“อ๊า!” ชายชุดดำกรีดร้องออกมาอย่างดัง
นิ้วของถังหยินทิ่มเข้าไปในเนื้อเยื่อลูกตาของชายชุดดำ ทิ่มเข้าไปลึกจนถึงในสมอง ก่อนที่เพลิงแห่งความมืดจะเผาผลาญจากภายในร่างกายอีกฝ่าย
นี่แหละคือการแผดเผาจากภายในที่แท้จริง
ไฟสีดำเผาร่างของชายชุดดำจนไหม้เป็นจุณ
เขาไม่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงอะไรออกมา ก่อนที่ร่างจะถูกเผาผลาญจนกลายเป็นขี้เถ้าที่ปลิวไปตามสายลม
ถังหยินยื่นมือมาจับดาบยาวตรงอกแล้วดึงมันออกไป
จังหวะที่เขาดึงมันออกมา หยาดโลหิตมากมายก็ได้ทะลักตามมาด้วย ความเจ็บปวดดังกล่าวทำเอาถังหยินต้องกรีดร้องออกมา
คนรอบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นทหารเฟิงหรือพวกนักฆ่าต่างก็ตะลึงงุนงง พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เจ้าหมอนี่มันอะไรกัน นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่จริงงั้นหรือ ?
เคร้ง!
ดาบถูกดึงออกมาแล้วเขวี้ยงลงไปบนพื้น ชายหนุ่มกำหมัดแน่น ก่อนที่ควันสีดำในอากาศจะไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านทุกช่องทาง ทำให้ร่างกายของถังหยินแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
พลังในคราวนี้มันมากเกินไปสำหรับชายหนุ่มในตอนนี้ มันทำให้เขาต้องงอตัวลงด้วยความอึดอัด
ถ้าถังหยินไม่ใช้เกราะปราณไว้ละก็ ทุกคนที่เห็นเขาในตอนนี้คงจะกลัวจนหนีกันป่าราบไปแล้ว
ร่างของถังหยินในตอนนี้เต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดนูนออกมาราวกับรากไม้ ทั่วร่างของเขานั้นแดงก่ำด้วยเลือดที่สูบฉีด ก่อนที่จะตามมาด้วยอาการเจ็บปวดราวกับถูกมดนับพันกัด
อ๊า!
ถังหยินคุกเข่าลงบนพื้น ก่อนจะคำรามด้วยความเจ็บปวดออกมาและสลบไป
“เหวออออ !” ทุกคนตื่นตระหนก ดวงตาเบิกโพลงและมองไปที่ถังหยินด้วยความตกใจ
หรือว่าเขาเองก็จะตายด้วย?
ไม่ว่าจะเป็นใคร หากแต่ถ้าโดนแทงไปที่อกก็ควรที่จะตายกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม พวกทหารก็หวังว่าแม่ทัพของพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อได้และสร้างปาฏิหาริย์เหมือนเมื่อครู่
เวลาคือสิ่งสำคัญ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ บางทีอาจจะเป็นแค่เพียงชั่วพริบตา หากแต่มันก็เหมือนนานนับปี ในที่สุดถังหยินก็ได้สติ เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่ปกคลุมไว้ด้วยเกราะหนา ส่วนบาดแผลก็ได้รับการฟื้นฟูเรียบร้อยแล้วราวกับว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองชายชุดดำทั้งสอง พร้อมกันกับที่หมอกสีดำได้ไหลพรั่งพรูออกมาจากทั่วร่างของถังหยิน
ดวงตาของชายหนุ่มในตอนนี้นั้นคมกริบและเย็นชา เพียงแค่สบตาก็ทำให้ทั้งสามคนที่เหลืออยู่ต้องตัวสั่นกลัว หัวใจเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม
“ข้าก็ใช้วิชานั้นได้เช่นกัน !!!”
เสียงของถังหยินเย็นชาขึ้นกว่าเดิม
เพียงชั่วพริบตา เงาร่างที่ดูคล้ายกับถังหยินก็ได้ปรากฏข้างตัวเขาในสภาพแบบเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน ดวงตาของร่างเงาพวกนั้นดูน่าหวาดกลัวเช่นเดียวกัน แถมยังปลดปล่อยรัศมีแบบเดียวกันออกมาอีกด้วย
นี่คือหนึ่งในวิชาศาสตร์มืด ‘แยกเงา’
แยกเงา สับเปลี่ยนเงา วิชามืดทั้ง 2 ที่ว่ามาคือส่วนหนึ่งศาสตร์มืด
ถังหยินยืนนิ่งไม่ขยับ และดึงดาบของเขาขึ้นมาจากพื้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะเดินไปหาชายชุดดำทั้งสามคนนั้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้ศาสตร์มืดสามารถสร้างร่างเงาของตัวเองได้ พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย
เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา ทั้งสามก็เริ่มหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ร่างแยกนั้นเป็นของปลอม มันเอาไว้ใช้เพียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น ไม่สามารถทำร้ายผู้คนได้
ร่างเงาเดินเข้าไปหาชายชุดดำทั้งสามคนและยืดแขนออกไป ก่อนที่เปลวไฟสีดำจะถูกจุดขึ้นกลางฝ่ามือของร่างเงาเหล่านั้น
เห็นแบบนี้หนึ่งในนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดเย้ยหยันออกมา “เจ้าคิดจะใช้ร่างแยกทำให้พวกเรากลัวหรือไง ? นี่เจ้าโง่หรือเปล่า ?”
ชายชุดดำหัวเราะและเผยรอยยิ้มออกมาภายใต้หน้ากาก
ในจังหวะที่อีกฝ่ายพูดจบ ร่างเงาของถังหยินก็จับลำคอของอีกฝ่ายไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
ในจังหวะที่สัมผัสกัน ชายชุดดำก็ระลึกได้ว่ามันไม่ใช่ปกติแล้ว นี่ไม่ใช่ร่างเงา แต่เป็นร่างแยก
ทว่าเมื่อเขาระลึกได้ มันก็สายเกินไปแล้ว
เพลิงสีดำได้เผาร่างของอีกฝ่ายจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
จนกระทั่งวินาทีที่เขาตาย ชายชุดดำก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมร่างเงาของถังหยินถึงสามารถทำร้ายเขาได้ ?
จริง ๆ แล้วมันมีความแตกต่างระหว่างแสงและความมืด
แน่นอนว่าวิชาที่ทรงพลังเช่นนี้ต้องใช้ปราณที่มากกว่า การที่จะสร้างร่างแยกออกมาให้เหมือนกับร่างเงาของวิชาผ่าสายลมนั้น ผู้ที่ใช้ก็คงแทบจะปราณหมดทั้งร่างแล้ว
‘แยกเงา’ กับ ‘ผ่าสายลม’ นั้นแตกต่างกันมาก วิชาอย่างหลังสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้ หากแต่อันแรกไม่สามารถทำได้ ส่วนร่างแยกเงานั้นสามารถทำการโจมตีได้จริง ทว่าหลังจากที่สู้ไปเรื่อย ๆ พลังของมันก็จะหายไป ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ได้นานมากนัก ผู้ร่ายมักจะใช้ร่างเงาในการทำอะไรที่มันอันตรายเกินไปสำหรับตัวเอง เพราะต่อให้มันตายก็จะมีแค่ร่างแยกเท่านั้นที่หายไป
หลังจากที่ร่างแยกตาย สำหรับผู้ใช้ศาสตร์มืดแล้วนั้นจะเกิดผลลัพธ์อยู่ 2 ประเภท แบบแรกคือเมื่อร่างแยกตาย พลังปราณภายในนั้นก็จะหายไปด้วย ส่วนอีกแบบ เมื่อร่างแยกตาย พลังปราณก็ย้อนกลับหาตัวพวกเขาในทันที ทว่าก็มีน้อยคนนักที่จะดึงพลังปราณกลับเช่นนั้นได้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นต่างก็ถูกไฟสีดำกลืนกินไปจนหมดแล้ว
ร่างแยกของถังหยินใช้ไฟสีดำในการฆ่าพวกชุดดำ จากนั้นก็ดูดเอาปราณทั้งหมดเข้ามา หลังจากดูดกลืนจนหมดแล้ว เงาดำทั้งหมดก็จะปลดปล่อยคลื่นพลังปราณออกมา ทำให้เกราะปราณบนตัวของเขานั้นเกิดการเปลี่ยนแปลง ตรงบริเวณแขนทั้งของข้างของชายหนุ่ม มันค่อย ๆ งอกยาวกลายเป็นกรงเล็บแหลมคม
ชายชุดดำอีก 2 คนถึงกับตะลึงงัน สำหรับพวกเขาทั้ง 2 แล้ว ภาพตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ และเกินกว่าที่พวกเขาจะเข้าใจได้
ร่างแยกจะใช้วิชาได้ยังไง ? เขาใช้วิธียังไงในการฆ่าคน? ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย !
เมื่อร่างแยกหันมาหาพวกเขาทั้งสอง ทั้งคู่ก็ทำราวกับว่าเห็นปีศาจ พวกเขากรีดร้องออกมา ก่อนจะรีบคลายปราณกดดันและถอยร่นอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองวิ่งเร็วมาก เพียงชั่ววินาทีพวกเขาก็หายลับไปแล้ว
“แม่ทัพถัง!”
หลังจากที่ทั้งสองกลับไปแล้ว ก็ไม่มีปราณกดดันอีกต่อไป พวกทหารก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ พวกเขารีบวิ่งเข้าไปหาถังหยินในทันที
ชายหนุ่มมองคนของเขา และถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ได้พูดอะไร หากแต่แท้จริงแล้วนั้นในใจของเขากลับรู้สึกโล่งอก
ชายหนุ่มมองร่างแยกของเขา และโดยไม่ต้องบอกกล่าว ร่างแยกของเขาที่เชื่อมจิตใจไว้ด้วยกันก็พลันกลับเข้าร่างในทันที
สิ่งที่ไม่มีทางเข้าใจยอมดูน่ากลัวเสมอ
พวกทหารเองก็ไม่รู้ว่าปีศาจตนใดที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาในขณะนี้
ร่างแยกของเขากลายเป็นหมอกสีดำ ก่อนจะไหลกลับเข้าร่างของถังหยินไป
หลังจากที่เก็บหมอกสีดำเข้ามาแล้วเขาก็ตะโกน “บอกพี่น้องของเราให้ปิดเมืองว่านเอาไว้ ห้ามใครเข้าหรือออกโดยเด็ดขาด!”