ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] – บทที่ 68

บทที่ 68

ใช่แล้ว! ใครกันที่อยากจะสังหารองค์หญิงผู้ใช้ชีวิตอยู่ในวังมาโดยตลอดกัน ? ถังหยินเองก็สงสัยในข้อนี้เช่นกัน

เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของหยินโรว เขาก็อยากจะเข้าไปกอดนางเสียเหลือเกิน หากแต่ด้วยฐานะที่ต่างกัน มันจึงทำให้เขาต้องยั้งตัวเอาไว้

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หยานหลี่ก็มีคริสตัลในใจแล้ว อีกอย่าง พวกเขานั้นก็เป็นคนที่มาจากต่างโลกกันโดยสิ้นเชิง

“แม่ทัพถัง!”

หยินโรวตะโกนเรียกให้เขาตื่นจากภวังค์ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเงยหน้ามองนางแล้วถาม “ฝ่าบาทมีบัญชาอะไรหรือ?”

“พวกนักฆ่าจะมาอีกเมื่อไหร่?”

ชายหนุ่มส่ายหัวแล้วพูดออกไปตรง ๆ “ข้าไม่มั่นใจ แต่ถ้าพวกมันจะมาอีก ถ้างั้นก็เท่ากับว่าพวกมันได้เตรียมใจที่จะทิ้งชีวิตเอาไว้แล้ว”

หยินโรวชี้ไปที่เขาแล้วถามอย่างสงสัย “ถ้างั้น แล้วทำไมเจ้าถึงยังใส่ชุดเกราะปราณอยู่อีกล่ะ?”

ถ้านางไม่พูดถึง ถังหยินเองก็คงลืมมันไปแล้ว เกราะปราณนั้นกินพลังงานมากทีเดียว แต่เพราะการดูดกินพลังปราณจากนักฆ่าถึง 2 น มันเลยทำให้พลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นจึงไม่รู้สึกถึงความอ่อนล้าเหมือนแต่ก่อนอีก

เขาหัวเราะแห้ง ๆ แล้วลูบหัวตัวเอง “ข้าลืมปลดมันออกน่ะ” ว่าแล้วเขาก็ปลดเกราะปราณออกในทันที

ทำไมล่ะ ? เมื่อมองร่างกายตัวเองแล้วชายหนุ่มก็ถึงกับต้องตะลึง เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาในตอนนี้นั้นแดงเถือกไปด้วยเลือด !

เป็นไปได้ยังไง ?! ถังหยินไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“แม่ทัพถังได้รับบาดเจ็บหรือ?” หยินโรวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บจากดาบที่แทงเข้ามา ถึงจะได้รับการฟื้นฟูบาดแผลไปแล้ว หากแต่เลือดที่ไหลออกมานั้นก็ยังมากอยู่ดี

ถ้าเขามีกระจกอยู่ตรงหน้าก็คงจะตกตะลึงกับภาพของตัวเองเช่นกัน ไม่ใช่แค่เพราะตัวของเขาที่เต็มไปด้วยเลือด หากแต่กลับเป็นใบหน้าของเขา ที่ในตอนนี้นั้นกลายเป็นแดงเถือกด้วยเลือดที่สูบฉีด

จริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะเขาได้รับพลังปราณมากเกินไป จนทำให้ร่างกายไม่อาจทนเอาไว้ได้ และทำให้เลือดไหลออกมานั่นเอง ถึงจะไม่เจ็บอะไรเลยก็ตาม หากแต่มันก็ยังดูแปลกอยู่ดี

เขาส่ายหัวแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย “ถ้างั้นข้าน้อยคงต้องขอตัวไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คงไม่น่าจะเกิดเหตุอะไรอีกแล้วในคืนนี้”

“ก็ได้…”

แม้ว่าถังหยินในตอนนี้จะดูน่ากลัว แต่เมื่ออยู่ใกล้เขามันก็ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างแปลก ๆ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าถังหยินกำลังจะออกไป นางก็อยากจะยื้อเขาเอาไว้ ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงก็ตาม

“ฝ่าบาทมีอะไรหรือ?” ถึงแม้ชายหนุ่มจะไม่ใช่คนรักสะอาด แต่การที่ร่างกายของเขาเปื้อนแบบนี้ มันก็คงยากที่จะปล่อยเลยตามเลย

“ข้ารู้สึก… กลัวน่ะ” เสียงของหยินโรวสั่นเครือ

“พวกมันจะไม่มีทางเข้าถึงตัวท่านได้อีกต่อไป เรื่องนี้ข้ารับประกันได้เลย !” ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง

“แต่ข้ากังวลนี่นา!” หญิงสาวมองเขาด้วยแววตาที่น่าสงสาร

“ถ้างั้น ฝ่าบาทไม่ลองเลิกคิดมากดูล่ะ ?” เมื่อถังหยินได้ยินถึงคำพูดของตัวเอง เขาก็พลันรู้สึกว่าคำถามของเขานั้นมันโง่มาก

“แม่ทัพถังช่วยอยู่กับข้าได้หรือไม่ ? ” เสียงหยินโรวเริ่มเบาลง ก่อนที่ใบหน้าของนางจะเริ่มแดง

ชายหนุ่มแทบจะกลืนน้ำลายตัวเอง อยู่ด้วยกัน ? อย่าพูดถึงเรื่องฐานะบรรดาศักดิ์เลย ต่อให้เป็นหญิงธรรมดาเขาก็ไม่คิดจะอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 ในยามค่ำคืนเช่นนี้หรอก

ถังหยินครุ่นคิดอยู่สักพัก กลอกตาไปมาแล้วพูดขึ้นว่า “ข้าขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเดี๋ยวจะกลับมาทันที คืนนี้ข้าจะคอยป้องกันประตูทางเข้าให้เอง ดังนั้นองค์หญิงโปรดทรงวางใจ!”

ตามปกติแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่ถูกที่ควรสักเท่าไหร่ ที่จะต้องใช้เวลาในคืนนี้ร่วมกันกับนาง อันที่จริง มันไม่ถูกต้องเอามาก ๆ เสียด้วย แต่เมื่อได้ยินว่าเขาจะคอยคุ้มครองตรงประตูให้ มันก็ทำให้นางรู้สึกสบายใจขึ้นบ้างและพยักหน้าให้ “ต้องรบกวนท่านแม่ทัพถังแล้ว ”

“องค์หญิงเกรงใจเกินไปแล้ว !”

ออกจากห้องนี้มา ถังหยินก็เดินออกมาจากตัวโรงเตี๊ยม และเมื่อเดินเข้าไปในสวน ชายหนุ่มก็ได้สวนทางเข้ากับลูกน้องของเขา คนพวกนั้นพากันมองมาที่ถังหยินด้วยความตกตะลึง พวกเขาเหมือนกับลูกไก่ที่ตกอยู่ในอาการตกตะลึงจนลืมวิธีที่จะพูดจา

เมื่อเห็นว่าตัวเขานั้นดูน่ากลัวมากในตอนนี้ ถังหยินจึงรีบเดินกลับไปที่ห้องแล้วจัดการอาบน้ำล้างตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย

และเมื่อเขากำลังออกจากห้องพัก ชิวเจิ้นก็วิ่งเข้ามาพอดี

เด็กหนุ่มลากเขากลับเข้าไปในห้องแล้วรินน้ำให้ดื่มหนึ่งแก้ว ก่อนที่จะพูดว่า “ดูเหมือนว่าหลีเฉียนจะถูกหลอกใช้จากใครบางคน”

เขากลืนน้ำลายก่อนที่จะเริ่มพูด “จริง ๆ แล้ว หลีเฉียนไม่ได้คิดจะจัดงานในคืนนี้หรอก มีบางคนขอร้องมา ตามคำพูดของเขา คนที่มาขอร้องคือพ่อค้าที่ผ่านทางมา คนผู้นั้นอ้างว่าตนอยากจะยลโฉมองค์หญิง จึงติดสินบนให้หลีเฉียนจัดงานเลี้ยง และบอกให้เขาไปเชิญฝ่าบาทมาให้ได้ แต่ทว่าแผนการก็ถูกสหายถังขัดขวางไว้อย่างที่เห็นนั่นแหละ”

ถูกต้อง นี่แหละถึงจะเข้าประเด็นที่สุดแล้ว ถังหยินถาม “แล้วพ่อค้านั่นอยู่ไหนแล้ว?”

ชิวเจิ้นหัวเราะอย่างขมขื่น “ข้าส่งคนออกไปสำรวจแล้ว แต่ก็หาตัวไม่พบ คาดว่าน่าจะหนีออกไปนานแล้ว”

ชายหนุ่มยืดแขนออกมา “นั่นหมายความว่าเราไม่มีร่องรอยอะไรเลยสินะ?”

“ใช่แล้ว แล้วสหายถังคิดว่าพวกมันเป็นใครกัน?” ชิวเจิ้นถาม

“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? พวกนักฆ่ามีพลังปราณที่สูงมาก การที่จะรวบรวมคนมีฝีมือแบบนี้มาได้มากมาย คนที่อยู่เบื้องหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่” ถังหยินคาดเดาและเดินไปมาในห้อง

“ถูกต้อง! จริง ๆ แล้วอำนาจของราชวงศ์นั้นไม่ได้เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นองค์หญิงจึงไม่อาจเป็นภัยกับใครได้เลย ดังนั้นจึงมีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่เป็นไปได้ ! ” ชิวเจิ้นพยักหน้าให้

“นั่นก็คือ?”

“ฝ่าบาทมาที่นี่ทำไมกันล่ะ?”

ถังหยินถามด้วยความสงสัย “มีใครบางคนพยายามจะทำให้เกิดสงครามระหว่างพวกเรากับพวกโมสินะ?”

ชิวเจิ้นพยักหน้าอีกครั้ง “ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ข้าว่าพวกมันคงไม่คิดที่จะเสี่ยงทำแบบนี้หรอก”

“ถ้างั้นพวกนักฆ่าก็ไม่ใช่คนจากแคว้นเฟิงสินะ?”

“ก็ไม่เสมอไป บางทีอาจจะมีสายลับในราชสำนักที่ไม่ต้องการให้สงครามยุติก็ได้ สหายถังจำที่ข้าพูดได้ไหม ? ถ้าเกิดว่ามีแบบนั้นอยู่จริง ๆ ละก็ ข้าว่าการลอบสังหารองค์หญิงจะต้องเกี่ยวเนื่องกับคนพวกนั้นแน่”

ถังหยินบ่นพึมพำ “สายลับนั่น… จะเป็นใครกันนะ?”

ชิวเจิ้นส่ายหัว “เป็นใครก็ได้ จะเป็นพวกเหลียง พวกอู่ พวกซ่ง หรือพวกจีหยาง”

หลังจากได้ยินคำคาดเดา ในหัวของถังหยินก็ยิ่งคิดเตลิดไปไกล

เขาลูบหน้าผากตัวเองแล้วโบกมือ “นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจัดการได้อีกต่อไป พวกเราต้องคุ้มครองฝ่าบาทให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามประมาทเด็ดขาด ส่วนเจ้าหลีเฉียน คนผู้นี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารในครั้งนี้ พวกเราต้องพาเขากลับไปยังเมืองหลวงเพื่อส่งตัวให้กับท่านอ๋อง”

ชิวเจิ้นฉลาด เขาสามารถเข้าใจในทันที ว่าถังหยินคิดที่จะให้หลีเฉียนเป็นผู้รับผิดกับเรื่องการลอบสังหารที่เกิดขึ้น

เขาไม่คัดค้าน ต่อให้ชิวเจิ้นจะเป็นคนดีแค่ไหนก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็เป็นเช่นเดียวกับถังหยินที่ไม่คิดจะสนใจคนทำผิด

“คืนนี้ข้าจะคุ้มครององค์หญิง ส่วนเรื่องอื่น ๆ ข้าขอฝากเจ้าไปจัดการด้วย แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเดินทางไปเมืองหยานกัน!”

“ได้เลยสหายถัง!” ชิวเจิ้นก้มหัวรับคำสั่ง

พวกนักฆ่าลอบสังหารหยินโรวไม่สำเร็จก็จริง แต่พวกมันก็ทำให้พวกองครักษ์กว่า 60 นายตายในหน้าที่ และบาดเจ็บอีกนับร้อยนาย

คืนนั้น การที่ถังหยินยืนอยู่หน้าประตูห้อง ทำให้หยินโรวรู้สึกสบายใจและไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

ความสัมพันธ์ของมนุษย์นี่ช่างน่ากลัวยิ่ง นางไม่เข้าใจเหมือนกัน หากแต่นางก็รู้สึกได้ว่าตัวเองจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับถังหยิน

ในความมืดมิด ถังหยินนั่งอยู่หน้าห้องหยินโรวโดยไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังใช้พลังศาสตร์มืดอยู่

เขาถอนหายใจเบา ๆ

การต่อสู้ในคืนนี้มันทำให้เขารู้สึกตลก

แม้ว่าเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับพวกที่ใช้วิชาแสง ทว่าศาสตร์มืดมันก็มีอาวุธปราณและทางเลือกมากมายให้เขาใช้ ต่อไปถ้าชายหนุ่มได้เจอเข้ากับผู้ใช้วิชาแสงที่เก่งกว่านี้ บางทีเขาก็อาจจะเข้าใจและลอกเลียนวิชาพวกนั้นมาปรับใช้อีกก็เป็นได้

นี่คือจุดแตกต่างระหว่างชายหนุ่มกับหยานหลี่ ถ้าเป็นตัวเขาในตอนนี้ละก็ บางทีถ้าใช้พลังทั้งหมด แม้แต่หยานหลี่ก็คงรับมือไม่ไหว !

จากจุดนี้ มันก็ยืนยันได้เลยว่าพวกที่ใช้ศาสตร์มืดนั้นสามารถเติบโตได้ผ่านการศึกสงคราม และสถานการณ์ในตอนนี้นั้น มันคือสรวงสวรรค์ของผู้ใช้ศาสตร์มืดอย่างแท้จริง !

ความคิดดังกล่าวมันทำให้เขาเริ่มตื่นเต้น

“แม่ทัพถัง เจ้าหลับหรือยัง?” เสียงของหยินโรวดังออกมาจากด้านในอย่างแผ่วเบา

ร่างของถังหยินที่พิงกำแพงอยู่พลันตั้งตัวตรง เขาตอบกลับไปว่า “ไม่ ยังไม่หลับ องค์หญิงเถอะ ทำไมท่านยังไม่นอนอีก ? ”

ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย ทว่าประตูกลับเปิดออก ก่อนที่จะมีผ้าห่มยื่นออกมาให้ หยินโรวยื่นหน้าออกมาพูดกับเขาว่า “แม่ทัพถัง ใช้นี่ห่มตัวเจ้าเถอะ”

ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]

ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]

ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]
Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]สุดยอดนักฆ่าผู้แสนเย็นชานามว่า ถังหยิน เขาได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับร่างที่เปลืองเปล่า ณ ต่างโลก ก่อนจะจับพลัดจับผลูเข้าร่วมกับสงครามแบบงง ๆ และนี่ก็คือก้าวแรกของราชันเทพสงครามผู้ที่กำลังขึ้นผงาดและเปลี่ยนโลกใบใหม่นี้ไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset