บทที่ 87
“เจ้าคิดจะให้พวกเราเป็นองครักษ์ของเจ้างั้นหรือ ?” หยวนอู่อยากหันไปมองใบหน้าของถังหยิน ทว่าความเจ็บปวดกลับห้ามเขาเอาไว้
“ทำไมจะไม่คิดล่ะ ?” รอยยิ้มของถังหยินหายไป แต่ดวงตาของเขากลับโตมากขึ้น
“ไม่คิดว่าพวกเราจะแว้งกัดเจ้าหรือไง ?” หยวนอู่ถาม
“พวกเจ้ากล้าไหมล่ะ ?”
“เจ้าทั้งสองมีพลังที่เก่งกาจ เมื่อดูจากเรื่องที่เคยทำมา ก็นับได้ว่าพวกเจ้านั้นมีฝีมือพอสมควร …ตอนนี้มีศัตรูอยู่นอกด่านมากมาย แล้วแบบนี้พวกเจ้ายังคิดจะเป็นโจรอยู่อีกหรือ ไม่คิดยอมเป็นคนของข้าเพื่อต่อสู้กับพวกมันบ้างหรือ ?”
“ถ้าพวกเจ้ายอมติดตามข้า แม้ข้าจะไม่อาจรับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะได้รับยศลาภตำแหน่ง แต่พวกเจ้าไม่อยากทำหน้าที่เพื่อปกป้องพื้นแผ่นดินแห่งนี้จากการรุกรานของพวกคนเถื่อนหรือไงกัน ! เจ้าจะเรียกข้าว่าคนทรยศก็ได้ แต่ถ้าให้พูดกันระหว่างเจ้ากับข้าใครเป็นคนทรยศ เจ้ากล้าพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่าเป็นข้า ?”
คำพูดของเขาทำเอาพี่น้องคู่นี้รู้สึกอับอาย
หยวนเปียวพึมพำ “เหตุผลที่ไม่เข้าร่วมกองทัพ นั่นเพราะพวกเราไม่อยากไปตายในสนามรบจากการบัญชาการของแม่ทัพโง่ ๆ พวกนั้น !”
ถังหยินถามอย่างจริงจัง “พวกเจ้าคิดว่าข้าไร้ฝีมืองั้นหรือ ?”
“แน่นอนว่าไม่” ทั้งสองพูดพร้อมกัน ถ้าถังหยินไม่เก่งกาจแล้วจะจับพวกเขาได้สองครั้งแบบนี้หรือ ?
“ถ้างั้นแล้วจะลังเลอะไรอยู่อีกเล่า ?”
“ถ้าเลือกติดตามเจ้า แล้วพวกเราจะได้อะไร ?”
“ฮืมมม ?” ถังหยินเงียบแล้วมองทุกคน “ข้าไม่รับประกันหรอกว่าพวกเจ้าจะอยู่ต่อได้ถึงร้อยปีไหม แต่ถ้าพวกเจ้าตายในสนามรบข้าจะห่อศพพวกเจ้า ข้ารับประกันได้เลยว่าพวกเจ้าจะตายอย่างคนห้าวหาญไม่ใช่คนขี้ขลาด”
“ข้าไม่รับประกันว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตที่ร่ำรวย แต่ข้ารับประกันได้ว่าพวกเจ้าจะอิ่มท้องตลอดเวลา !! พวกเจ้าจะกลายเป็นความรับผิดชอบของข้า และที่ข้าต้องการ มันก็เพียงแค่ไม่กี่คำจากเจ้าเท่านั้น ขอแค่เชื่อมั่นและภักดีต่อข้า ข้าจะดูแลพวกเจ้าเยี่ยงสหายรัก ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกันกับพวกเจ้าทุกคน !”
คำพูดพวกนั้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจชายหนุ่ม และเขาก็ไม่ได้พูดให้เฉพาะสองคนนี้ฟังเท่านั้น หากแต่เป็นทุกคน
ถังหยินที่พูดแบบนี้มันไม่ใช่ถังหยินที่พวกเขารู้จัก ทุกคนก้มหัวด้วยหัวใจที่สั่นเครือ
ในสนามรบ ไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาจะกลับมาได้หรือไม่ และไม่มีใครรับประกันได้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตที่ดี ทว่าที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น มันก็คือแม่ทัพที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกน้องทุกคน !!!
ทั้งสองไม่ได้ถูกใจถังหยินสักเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับในคำพูดนี้
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ หยวนอู่ก็ตัดสินใจได้ “ถ้า… ท่านไม่ว่าอะไร พวกเราสองพี่น้องยินดีที่จะรับใช้ท่าน !”
บางทีนี่อาจจะเป็นแค่การยอมรับปลอม ๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้กัน ?
หยวนเปียวเองก็พยักหน้าให้ “ข้ายอมรับ !”
ถังหยินตะลึงที่ได้ยินคำพูดจากสองพี่น้องนี้และดีใจมาก หยวนอู่และหยวนเปียวเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง ถ้าทั้งสองยอมอยู่กับเขา กองทัพของชายหนุ่มก็จะกลายเป็นดั่งพยัคฆ์ติดปีก ! ทั้งยังสามารถใช้พวกเขาสองพี่น้องในการควบคุมหยวนจี้ได้อีกด้วย !
เขาเงยหน้าและหัวเราะ จากนั้นก็โบกมือ “ปล่อยพวกเขาซะ จากวันนี้เป็นต้นไปพวกเขาคือองครักษ์ซ้ายและขวาของข้า พวกเราคือสหายกัน !” ด้วยประโยคนี้เพียงประโยคเดียว มันก็ทำให้หยวนอู่และหยวนเปียวเปลี่ยนแปลงจากหัวหน้ากองโจรเป็นแม่ทัพของแคว้นเฟิงทันที !
“เป็นพระคุณอย่างยิ่ง นายท่าน !” ทั้งสองตอบพร้อมกัน
พวกเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ทั้งสองพี่น้องยังอยากที่จะฉีกถังหยินเป็นชิ้น ๆ แท้ ๆ
ถ้าทั้งสองลืมตาขึ้นมาได้ พวกเขาก็คงจะเห็นรอยยิ้มของถังหยินที่ฉีกกว้างเพราะรู้สึกภูมิใจที่ทำให้ทั้งสองเข้ามาเป็นพวกได้ !
แม้ว่าทั้งสองจะใส่เกราะปราณอยู่ แต่ดวงตาของพวกเขาก็ได้รับผลกระทบจากควันไฟ ดังนั้นถังหยินจึงสั่งให้ทั้งคู่ไปพักและรับการปฐมพยาบาลในทันที ส่วนตัวเขาจะไปเรียกจางโจวให้มาจัดการเรื่องที่บ้านของพวกเขาสองพี่น้องเอง โดยจะให้จางโจวนั้นไปบอกพวกคนบ้านนั้นว่าทั้งหยวนอู่และหยวนเปียวถูกจับได้ในค่ำคืนนี้อีกครั้ง
จางโจวรับคำสั่งและจากไป
คืนนั้น หยวนจี้กำลังหลับอย่างสบายใจ ทว่าจู่ ๆ เขาก็ได้ยินว่าจางโจวมาหาเขา ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาดึกดื่นแบบนี้ แต่ทว่าหยวนจี้ก็ยอมออกไปพูดคุยด้วย ซึ่งมันก็ทำให้ได้รู้ว่าน้องชายทั้งสองของเขานั้นถูกจับอีกครั้งแล้ว เพราะพยายามลอบสังหารถังหยิน !
หลังจากหยวนจี้ทราบเรื่อง เขาก็เหมือนกับถูกฟ้าผ่า ! ได้แต่ยืนนิ่ง ตะลึงงันจนคำพูดอื่นใดที่ตามมาของจางโจวไม่เข้าหัวอีกต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้สติและคิดว่ามันยากที่จะเชื่อ ดังนั้นจึงเรียกให้ข้ารับใช้ไปยังห้องของสองพี่น้องเพื่อยืนยัน ทว่าเขาก็ต้องพบว่าทั้งสองได้หายตัวไปพร้อมกับอาวุธของพวกเขา !
ได้ยินแบบนี้หยวนจี้ก็แทบจะเป็นลม ทั้งสองคนนี้มันช่างเป็นยอดนักแหกกฎโดยแท้ ไม่ใช่แค่เป็นโจร หากแต่ตอนนี้กลับจะไปลอบสังหารผู้ว่าเขตเลยทีเดียว นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ !
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เขาก็ไม่อาจชักช้าได้อีกต่อไป รีบตามจางโจวไปหาถังหยินเพื่อขอขมาลาโทษในทันที
เมื่อชายหนุ่มเห็นหยวนจี้ เขาก็แทบจะหัวเราะออกมา
หยวนจี้ที่ดูสุภาพและแต่งตัวเนี้ยบตลอดเวลา ในคราวนี้ผมของเขากลับยุ่งเหยิง และอยู่ในชุดนอน แตกต่างจากที่เจอกันในครั้งก่อนเป็นอย่างมาก
“หยวนจี้ ไม่คิดว่าพวกเราจะได้เจอกันเร็วเช่นนี้” ถังหยินในชุดลำลองนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยที่มีแม่ทัพและทหารมากมายยืนถือดาบกับขวานอยู่ข้างหลัง
ทั้งห้องเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ภาพตรงหน้า ทำให้หัวใจของหยวนจี้เต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุม ! เพราะเมื่อตอนเที่ยงเขาเพิ่งเป็นคนรับประกันเองว่าน้องชายทั้งสองจะไม่ทำอะไรแบบนี้ ทว่าเมื่อตกกลางคืน มันกลับเป็นคนละเรื่องอย่างสิ้นเชิง !
“ท่านถัง ข้ามาเพื่อขอขมา!” ใบหน้าของหยวนจี้เต็มไปด้วยความละอาย
ถังหยินตีหน้ามึนงงและถาม “หยวนจี้ นี่เจ้าทำผิดอะไรมากัน เหตุใดต้องมาขอโทษข้า ?”
“ข้า… ปล่อยให้พวกเขาหลุดออกมา… หมิ่นเกียรติท่าน ข้ามันทำให้ท่านผิดหวัง…”
ถังหยินหัวเราะ “เจ้าคิดมากไปแล้วหยวนจี้ หยวนอู่และหยวนเปียวทำผิดก็จริง แต่ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าหรอกนะ”
ได้ยินแบบนี้หยวนจี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากแต่ในใจของเขากลับคิดอีกแบบ ถ้าในเมื่อน้องของเขาทำแบบนี้อีกแล้ว แล้วแบบนี้เขาจะยังขอให้ถังหยินปล่อยตัวพวกเขาได้อีกงั้นหรือ ?
ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง มันก็ไม่เห็นหนทางที่ถังหยินจะปล่อยทั้งสองออกมาได้เลย หยวนจี้ขยี้หัวตัวเองอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถคิดออกได้
ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น กลับกัน ถังหยินเพียงจิบชาและหัวเราะใส่หยวนจี้ที่กำลังสับสน
หลังจากนั้นหยวนจี้ก็รีบตั้งสติ เขาเงยหน้าขึ้น และพูดว่า “ท่านถัง…”
เขาพูดได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่จะถูกถังหยินตัดบท “ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ การที่เจ้ามาแบบนี้ แสดงว่าเจ้าตัดสินใจเรื่องที่ข้าขอร้องได้แล้วสินะ ?”
คำถามดังกล่าวถูกยกออกมาในช่วงเวลาแบบนี้ มันย่อมบีบให้หยวนจี้เหลือเพียงทางออกเดียวเท่านั้น
ว่าแล้วหยวนจี้ก็พลันพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล
เขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ถังหยินต้องการจะสื่อได้อย่างไร ?
ถ้าเขารับข้อเสนอ มันก็อาจจะยังมีส่วนช่วยให้น้องของเขารอดก็เป็นได้ แต่ถ้าปฏิเสธละก็ ผลที่ออกมาก็คงจะเป็นตรงข้ามอย่างแน่นอน !
หยวนจี้กำลังสับสนอยู่ก็จริง แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรเขาก็ยอมตกลงทั้งนั้น ขอเพียงแค่น้องเขารอดก็พอแล้ว !
หยวนจี้กุมขมับตัวเองและพูดอย่างอับอาย “ข้ายอมรับคำของท่านถัง แต่ข้าหวังว่าท่านถังจะให้โอกาสไว้ชีวิตพวกเขาทั้งสองอีกครั้ง…” ท่อนท้ายเขาเสียงเบาลงเป็นอย่างมาก
ถังหยินจดจ้องไปยังหยวนจี้
เขาไม่เคยเห็นใครมีดวงตาน่ากลัวดุจปีศาจแบบนี้มาก่อน ราวกับมันสามารถมองทะลุเข้าไปในหัวของเขาได้ ทำให้หยวนจี้เผลอก้มหัวหลบสายตา
ถังหยินพูดขึ้น “เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาเพราะข้าหวังว่าเจ้ายินดีที่จะช่วยข้า หาใช่การบังคับไม่”
ร่างของหยวนจี้สั่น “ข้า… ข้ามาอย่างจริงใจ…”
ถังหยินโบกมือ “ข้าจะบอกความจริงให้ เรื่องที่หยวนอู่และหยวนเปียวมาเพื่อลอบสังหารข้าและถูกจับได้นั้นเป็นเรื่องจริง ทว่าตอนนี้ทั้งสองก็ได้ยินยอมที่จะรับใช้ และกลายเป็นทหารของข้าแล้ว ดังนั้นไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าก็จะไม่ฆ่าพวกเขาหรอก”