บทที่ 97
ได้ยินแบบนี้พวกทหารก็เริ่มลุกขึ้นและมองพวกเขา “เจ้าหมายความว่าไงกัน ?”
“พวกเจ้าไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ ?” ระหว่างที่พูด สายตาของคนผู้นี้ยังคงมองไปยังจอกเหล้าในมือตัวเอง
มีทหาร 2 คนทนไม่ไหว พวกเขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกัดฟันพูด “ข้าว่าเจ้าต้องเป็นสายลับจากพวกมอร์ฟีสแน่ ๆ จับมันไว้ !” จากนั้นก็มีคนเข้ามาจับบ่าของชายคนนี้เอาไว้
ทหาร 2 นายนั้นเดินเข้ามาเหยียดหยามเขา หนึ่งในนั้นพูดขึ้นมา “ไอ้กร๊วก เจ้ารนหาที่เองนะ ลุกขึ้นมา !” เขาบีบไหล่ชายคนนี้
พละกำลังของทหารนายนั้นไม่ได้น้อยเลย แต่ชายคนนั้นก็ยังคงนั่งอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หา ?” พวกทหารมองหน้ากัน ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพยายามดึงร่างของชายคนนี้ให้ขึ้นมา แต่ก็ยังไม่ขยับอยู่ดี
เห็นแบบนี้ ทั้งหยวนอู่และหยวนเปียวเองก็ประหลาดใจ ชัดเจนเลยว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ แต่คงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เสียมากกว่า ทว่าด้วยตัวตนที่ดูน่าสงสัยของอีกฝ่าย พวกเขาจึงลุกขึ้นพร้อมกัน
ถังหยินดึงแขนพวกเขาเอาไว้ “รอดูกันก่อนเถอะ” เขาเองก็สงสัยในตัวตนของชายคนนี้เหมือนกัน แต่ก็เลือกที่จะดูสถานการณ์ไปก่อน
ทหาร 2 นายนั้นดูจะโกรธขึ้นมากกว่าเดิม พวกเขาชักดาบออกมา และยืนล้อมชายนักดื่มคนนั้นเอาไว้
“เจ้าคิดจะตามพวกเราไปดี ๆ หรือว่าจะให้ใช้กำลังกัน ?” นายทหารที่น่าจะเป็นหัวหน้ากองพูดขึ้นอย่างเย็นชา “แต่ข้าจะเตือนเจ้าไว้อย่างหนึ่งนะ ถ้าเจ้าคิดอะไรแผลง ๆ ละก็เจ้าตายแน่”
ชายคนนั้นวางจอกเหล้าลงและหัวเราะออกมา “กับพวกมอร์ฟีสจริง ๆ พวกเจ้ากลับไม่มีความกล้าเช่นนี้ แต่พอเป็นพวกเดียวกัน กลับทำเป็นเก่งเชียว ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเวลาพวกเราโดนโจมตีทีไรถึงได้แพ้พวกมันทุกที”
พวกทหารโกรธจัดที่ได้ยินคำพูดนี้ แต่ทว่าคำพูดนั้นมันก็ทำให้ถังหยินเริ่มครุ่นคิด
หัวหน้าทหารตะโกนออกมา “ไร้สาระเว้ย !” เขาส่ายหัว “สหาย รีบจับกุมไอ้หมอนี่เร็วเข้า ไม่ต้องสนใจมันแล้ว” ระหว่างที่พูด พวกทหารก็กรูกันเข้าไปจับชายคนนั้นพร้อมกัน 6 คน
พวกเขาเข้าโจมตีพร้อมกัน ด้วยหมายจะสยบชายผู้นี้
ถ้าชายคนนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ละก็ เขาคงปล่อยพลังออกมาจัดการพวกทหารไปหมดแล้ว แต่เขาไม่ได้ทำแบบนั้น
เจ้าของร้านที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ก้มหัวไม่กล้าดู ส่วนถังหยินกับคนของเขาเองก็ประหลาดใจ
เมื่อเห็นว่ากำลังจะได้ชัย พวกทหารก็พากันแสดงสีหน้าดีใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความเหิมเกริม
ทว่าในวินาทีสุดท้าย ชายนักดื่มกลับหายตัวไปเสียดื้อ ๆ ทำให้ดาบของพวกทหารนั้นฟันเข้าไปที่โต๊ะไม้แทน
“หา ?”
พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง หายไปไหนกัน ? หรือว่าอีกฝ่ายจะมีวิชายุทธ์งั้นหรือ ? ระหว่างที่ทั้งหกกำลังตะลึง มันก็ได้มีใครบางคนหัวเราะออกมา “พวกเจ้าควรจะดีใจนะที่ข้าไม่ลงมือ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าคงตายไปแล้ว”
เมื่อทั้ง 6 คนได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยหวาดกลัว ส่วนชายคนนั้นก็ยื่นอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เสื้อผ้าของเขาไม่มีแม้แต่ริ้วรอย และใบไผ่เองก็ยังคาบอยู่ในปาก
พวกทหารที่ไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนเริ่มกลัว ลังเล และหน้าถอดสี
ไม่ใช่แค่นั้น พวกฉางกวงเองก็ตะลึงเหมือนกัน พวกเขาหันมองหน้าถังหยินพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ชายคนนั้นไม่ได้ร่ายเวทอะไรเลย หากแต่มันก็ดูคุ้นตายิ่งนัก เพราะมันคือหนึ่งในศาสตร์มืดที่ถังหยินมี ซึ่งเขาก็แทบไม่เคยจะใช้มันเลย
ชายคนนี้เป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อรู้ดังนั้น ถังหยินก็เริ่มจะสนใจชายคนนี้ขึ้นมา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบผู้ใช้ศาสตร์มืดคนอื่นนอกจากเขาเอง
“การฆ่าพวกเจ้ามันง่ายเพียงแค่ขยับนิ้วเดียวก็เท่านั้น พวกเจ้าควรจะหนีไปเสียดีกว่า อย่าคิดจะเผชิญหน้าข้าอีก !”
ทหารทั้ง 6 คนมองหน้ากันและรีบวิ่งหนีหายไป ทว่าก่อนที่จะไป นายกองก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ไอ้หนู รอข้าก่อนเถอะ ข้าจะกลับมาแน่ !” พูดจบก็รีบวิ่งหนีออกไปพร้อมกับทหารอีก 5 คน
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ชายหนุ่มนักดื่มก็หัวเราะออกมา
“เจ้านี่มันน่าสนใจยิ่งนัก” ถังหยินลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และปรากฏตัวด้านหลังชายคนนั้น “แต่ก็นะ ถึงเจ้าจะเก่งแค่ไหน แต่ถ้าใช้พลังในทางที่ไม่ดีก็คงไม่อาจเฉิดฉายได้หรอก สนใจจะมาอยู่แนวหน้ากับพวกข้าไหมล่ะ ?”
ครั้งนี้เป็นทีชายคนนั้นตะลึงบ้างแล้ว มุมปากของเขาบิดเบี้ยว ก่อนที่ในเวลาเดียวกันนั้น อีก 3 คนที่เหลืออยู่จะพากันหันมองยังถังหยินพร้อมกับปล่อยหมอกสีดำออกมา
ไม่ได้มีแค่ 1 แต่มีถึง 4 เลยทีเดียว ถังหยินตะลึงจนมุมปากยิ้มขึ้นมา
พวกนั้นทำทีเป็นดื่มกันต่อ ก่อนจะเหวี่ยงแขนตัวเองไปด้านหลังด้วยความรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันนั้น ถังหยินเองก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาคว้าศอกของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วพุ่งเข้าไปด้านหลัง เพื่อพลิกร่างของชายนักดื่มให้เสียหลักจนกระแทกกำแพงด้านหลัง
นี่เป็นกระบวรท่าที่ง่ายมาก เพียงแค่ใช้พลังปราณนิดหน่อย และทักษะการต่อสู้จากโลกเดิมก็สามารถทำได้แล้ว
ชายคนนั้นไม่คิดว่าถังหยินจะเก่งกาจได้ขนาดนี้ เขารีบใช้วิชาสับเปลี่ยนเงาอีกครั้งและไปโผล่ที่ด้านหลังถังหยิน
เขาไม่ได้ใช้อาวุธหรือเกราะปราณเลย แต่เป็นหมัดล้วน ๆ
ถังหยินไม่แปลกใจเท่าไหร่และหลบไปด้านข้างอย่างง่ายดาย ก่อนจะเตะซ้ำเข้าไป
ชายนักดื่มหลบไม่ทันและโดนแรกกระแทกเข้าไปจนล้มลงบนพื้น
เห็นแบบนี้ อีก 3 คนก็กลัวว่าถังหยินจะจัดการชายนักดื่ม ดังนั้นพวกที่เหลือจึงพากันลุกขึ้นมาปกป้องเขาไว้พร้อมกับหมอกสีดำที่กลายเป็นเกราะปราณ
สองพี่น้องฉางกวงเองก็ลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมสู้กันเต็มที่
เมื่อเห็นว่ากำลังจะเกิดศึกใหญ่ขึ้นที่นี่ พวกลูกค้าคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งเจ้าของร้านเองก็พากันหนีเตลิดไปกันหมดแล้ว
“ฆ่ามัน !”
1 ใน 3 คนนั้นตะโกนออกมาและพุ่งเข้าใส่ถังหยิน แต่ทว่ามันก็ได้มีเสียงหนึ่งตะโกนขัดขึ้นมาเสียก่อน “ช้าก่อน”
ทั้งสามจึงหยุดมือทันที
ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาถังหยิน “ประทานโทษนะ ข้าขอทราบนามของเจ้าได้หรือไม่ ?”
หลังจากที่หมวกไผ่บนหัวของชายนักดื่มร่วงหล่นลงไป ถังหยินก็เห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ชายคนนั้นหล่อเหลาเอาการและน่าจะมีอายุราว ๆ 30 ปี
ถังหยินยิ้มออกมา “ถังหยิน !”
“เจ้า ? คือถังหยิน ?” ชายคนนั้นตะลึง รวมไปถึงทั้งสามที่เหลือนั้นด้วย