บทที่ 111
ข้อตกลง
“มังกรเหินลอบคิดในใจว่า หากหลินเว่ยยังคงปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือคำขอของมัน เกรงว่ามันคงจะกระอักเลือดจนสิ้นชีพเป็นแน่ ท้ายที่สุดมังกรเหินยังคงงุนงงในท่าของหลินเว่ยว่า ตกลงแล้ว…เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมา ฟังจับใจความได้ว่า
“เจ้ามนุษย์ หากเจ้าหนีไปซะ ข้าจะไม่ถือสาหาความ “เมื่อรับรู้ถึงข้อตกลงของหลินเว่ยกับมังกรเหิน สัตว์อสูรวานรก็พูดโพล่งขึ้นมา และทันใดนั้นก็แสดงร่องรอยของความตื่นตระหนกบนใบหน้าของเขา และกล่าวด้วยท่าทางคุกคาม
“อย่ากังวลใจไป! ข้าเพิ่งทำข้อตกลงกับมังกรเหิน เอาล่ะตอนนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องผลประโยชน์ของเจ้า บางทีอาจจะทำให้ข้าตื่นเต้นมากขึ้น!” หลินเว่ยย่อตัวลง และพูดด้วยรอยยิ้ม
“พูดมาสิ! ข้าอยากจะรู้ว่าสัตว์อสูรวานรจะมีสมบัติล้ำค่ามากกว่าเผ่ามังกรหรือไม่?” เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเว่ย มังกรเหินไม่เข้าใจและคิดว่าสิ่งที่หลินเว่ยพูดนั้นคือความจริง ภายในครุ่นคิดว่ามนุษย์คนนี้ช่างกลับกลอกเสียจริง
มันจึงอ้าปากค้างอย่างรวดเร็ว และกล่าวดูแคลนสัตว์อสูรวานรว่าไม่สามารถสะสมสมบัติล้ำค่าเทียบเผ่ามังกรได้
“อย่าไปฟังที่มันพูด…..ข้ามีสิ่งดี ๆ ที่อยากจะพูดคุยกับเจ้ามนุษย์” สัตว์อสูรวานรขณะที่มันกลอกตาไปมา
“เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องกังวลใจเกินไป ข้าจะรออยู่ตรงนี้ เพื่อพูดคุยกับเจ้า เพื่อแสดงความจริงใจของข้า” เมื่อหลินเว่ยพูดจบ เขาก็หยุดและมองไปที่สัตว์อสูรวานรด้วยรอยยิ้ม
“ดี! เจ้ามนุษย์ เจ้าช่างเป็นคนจริงใจมาก เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยหยุดอยู่เฉย ๆ โดยไม่ได้ทำอะไรมัน สัตว์อสูรวานรก็ผ่อนคลาย และเขาเริ่มยกย่องหลินเว่ย อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ ๆ มันก็ไร้เสียงและแน่นิ่งไป
เนื่องจากจู่ ๆ สัตว์อสูรวานรหมดลมหายใจ โดยที่ศีรษะและลำตัวของมัน แยกขาดจากกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเพราะฝีมือของเสี่ยวไป๋ หลินเว่ยสั่งให้เสี่ยวไป๋ลอบโจมตีอย่างลับ ๆ เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของมังกรเหินก็วางลงได้เสียที
จากนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงรอยยิ้มแปลก ๆ และมองไปที่ดวงตาของหลินเว่ยด้วยความบ้าคลั่ง
“ทำไมเจ้าถึงไม่ระเบิดตัวเองล่ะ หลินเว่ยหัวเราะแปลก ๆ และเอ่ยขึ้น ข้าอยากรู้ว่ามังกรเหินขั้นแปดสภาพตอนระเบิดตนเองตายนั้นจะกลายเป็นอย่างไร” หลินเว่ยมองไปที่มังกรเหิน ดูเหมือนเขาจะคาดเอาไว้แล้วกับท่าทีของอีกฝ่ายและยังยิ้มอย่างสนุกสนาน
“ เจ้า…..หมายความว่าอย่างไร?” มังกรเหินขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวมันคิดว่า ตนเองนั้นเห็นภาพหลอนจึงลองเชื่อมจิตกับแก่นคริสตัลภายในร่าง
เมื่อหลินเว่ยเห็นดวงตาของมังกรเหิน เขาก็ลุกพรวดด้วยท่าทางประหม่า อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นดวงตาของอีกฝ่ายที่แสดงท่าทางที่ประหลาดใจ มันก็ทำให้เขารู้สึกโล่งอก
เรื่องนี้เป็นเพราะเสี่ยวไป๋ เนื่องจากเสี่ยวไป๋บอกเขาว่า ถ้าสัตว์อสูรที่ถูกผนึกไว้ แม้ผู้ผนึกจะสิ้นชีพแต่ผนึกก็จะไม่คลายออกไปในทันที ต้องใช้ระยะเวลา และมังกรเหินถูกพิษกัดเซาะ จนวิญญาณของเขาก็อ่อนแอมาก
จึงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่หลินเว่ยนั้นระมัดระวังตนเองเป็นอย่างดี เนื่องจากเขาเกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายแว้งกัดเอาได้ ดังนั้นเขาจึงต้องสังหารมันให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายฟื้นฟูร่างกายได้
“เกิดอะไรขึ้น?” มังกรเหินมองไปที่หลินเว่ยด้วยใบหน้าที่อดกลั้นและเอ่ยถามขึ้น
ดังนั้นหลินเว่ยจึงบอกเรื่องที่ตนเองรู้มาจากเสี่ยวไป๋ เขาหันหน้าไปพูดกับมังกรเหิน ทันใดนั้นมังกรเหินก็แสดงรอยยิ้มที่เศร้าสร้อย จากนั้นก็หลับตาลงพร้อมที่จะรอการมาถึงของความตายอย่างช้า ๆ
“เฮ้…! เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเจ้าซ่อนสมบัติไว้ที่ใด! เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์มังกร คงไม่ได้ไร้ยางอาย พูดแล้วคืนคำหรอกนะ? หลินเว่ยตะโกนใส่มังกรเหิน
“ ……” มังกรเหินลืมตาขึ้นทันที และมองไปที่หลินเว่ย อย่างเย็นชา แต่เขาไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
“ข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพานทิ้งงั้นหรือ ? เมื่อหลินเว่ยพูดจบ เขาก็ยื่นมือออกไปและเรียกโครงกระดูกและสัตว์ร้ายทั้งหมดออกมา เพื่อรวบรวมซากศพของสัตว์อสูร และตัวเขาเองก็เดินวนไปรอบ ๆ มังกรเหิน และในบางครั้งเขาแอบบสัมผัสร่างกายของมัน
“เจ้าต้องการอะไร?” เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้ความปรานีของหลินเว่ย ที่กำลังตรวจสอบร่างกายของมัน อย่างละเอียด และเห็นว่าหลินเว่ยเพิ่งเรียกโครงกระดูกสัตว์อสูรเหล่านั้นออกมา ใบหน้าที่เฉยเมยแต่เดิมของมังกรเหินก็กลายเป็นความตื่นตระหนก
“ข้ากำลังจะทำอะไรงั้นหรือ? พอเจ้าสิ้นใจ ข้าจะขังวิญญาณของเจ้าเอาไว้ในโครงกระดูกตลอดไป จนกว่าข้าจะสังหารหรือปลดปล่อยเจ้าออกไป” หลินเว่ยมองดูมังกรเหินและดูด้วยท่าทางละโมบ
“เจ้ากล้าทำกับข้าเช่นนี้…..เจ้าไม่กลัวที่จะถูกไล่ล่า โดยเผ่ามังกรของเราหรือ?” มังกรเหินกล่าวขึ้น
“เนื่องจากข้าตั้งใจจะทำเช่นนี้….ดังนั้นข้าจึงไม่กลัวการถูกไล่ล่า ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังเป็นเพียงเผ่ามังกรที่ต่ำต้อย ตราบใดที่เจ้าไม่ถูกสังหารต่อหน้ามังกรตนอื่น ใครจะล่วงรู้ว่าถูกข้าสังหาร?” หลินเว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาผินหน้าที่เรียบเฉย เอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เอาล่ะ ข้าจะบอกเจ้าว่า ข้าอาศัยอยู่ที่ใดและสมบัติทั้งหมดที่ข้าเก็บรวบรวมมาตลอดหลายศตวรรษขอมอบให้เจ้า” มังกรเหินกล่าวอย่างรีบร้อน มีความเจ็บปวดในดวงตาของเขา
“นั่นเป็นการชดใช้ครั้งก่อนหน้า และตอนนี้เจ้าเพิ่งละเมิดข้อตกลงของเรา” หลินเว่ยส่ายหัวและกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ
“เจ้าต้องการอะไร? ข้าไม่มีอะไรจะให้เจ้า….นอกจาก” มังกรเหินมองไปที่หลินเว่ย ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยและพูดเบา ๆ
“สังเวยวิญญาณ” หลินเว่ยหรี่ตาของเขา และยกปากขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ากลัว
มังกรเหินไม่ปฏิเสธคำขอของหลินเว่ย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการให้ข้าสังเวยวิญญาณทั้ง ๆ ที่ข้ากำลังจะสิ้นใจจากพิษที่สะสมในร่าง?
“ถ้าข้าพูดอย่างนั้น แปลว่า ข้าย่อมมีหนทางที่จะช่วยเหลือเจ้าได้ เจ้าอยากมารับใช้ข้าแบบมีชีวิตหรือ ไร้ชีวิตล่ะ เจ้าจะเลือกทางใด?” หลินเว่ยเงยหน้าขึ้นอย่างสงบและมองไปที่มังกรเหิน พูดด้วยเสียงเบา ๆ
“สองทางเลือกนี้ต่างกันอย่างไร?” มุมปากของมังกรเหินกระตุกอย่างช่วยไม่ได้
“มีแน่นอน ประการแรกเจ้ายังสามารถมีชีวิตต่อไปได้ และฝึกฝนกำลังของตนเอง ประการที่สอง หลังจากเปลี่ยนเป็นโครงกระดูกแล้ว ความสามารถในการบินได้ของเจ้าจะหายไป นั่นคือเหตุผลที่ข้าให้เจ้าเลือก มิเช่นนั้น ข้าคงจะสังหารเจ้าไปแล้ว
“หลินเว่ยกล่าวอย่างไม่อดทน
“ ……” มังกรเหินไร้ซึ่งคำพูด ขบคิดอยู่ภายในจิตใจ
“ข้ายินยอม!” หลังจากพูดสิ่งนี้ มังกรเหินก็รู้สึกโล่งใจ
“ดี! เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด ข้าจะขับพิษออกมาให้ เมื่อเห็นมังกรเหินเอ่ยรับปาก หัวใจของหลินเว่ยเต็มไปด้วยความสุข ใบหน้าของเขาแสดงรอยยิ้มที่ตื่นเต้นและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลินเว่ยเดินอย่างรวดเร็ว ไปยังร่างของสัตว์อสูรวานร กริชวิญญาณปรากฏขึ้นในมือของเขา จากนั้นแทงไปที่หน้าอกของสัตว์อสูรวานรด้วยจังหวะที่รุนแรง จากนั้นเขาก็เริ่มงานผ่าร่างของมัน