บทที่ 162
เลือกอุปกรณ์ซวนฉี
หลินเว่ยนำปีกเหล่านี้ออกมา ไม่ใช่เพียงแค่จ้องมองเพียงอย่างเดียว แต่เขาเตรียมพร้อมที่จะรวมเข้ากับร่างกายของเขา ยังมีเวลาอีกกว่าสองเดือนก่อนที่เขาจะเข้าร่วมการแข่งขันระดับสถานศึกษา อุปกรณ์ซวนฉีมีพลังมาก
เขาจึงต้องการที่จะทดสอบและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ทุกคนได้รับอุปกรณ์มาแล้ว ก็ต้องการที่ทดสอบกับร่างกายตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อใช้งานจะไม่มีอุปสรรคใด ๆ ในการต่อสู้
เช่นเดียวกับวิธีการกลั่นและควบคุมพลังปราณ อุปกรณ์ซวนฉีเองก็เช่นเดียวกัน ซวนฉีคืออุปกรณ์ลึกลับ ทั้งขั้นตอนการกลั่นและการประสานกันค่อนข้างเป็นไปได้อย่างช้า ๆ
สองชั่วโมงต่อมา ร่างของหลินเว่ยติดอยู่กับปีกทั้งคู่ก็มาบรรจบกันได้สำเร็จ และในขั้นต้นก็เสร็จสิ้นการควบรวม
“ปีกสายฟ้า! มันแปลกมาก” นี่คือชื่อของปีกสายฟ้าคู่ หลังจากที่หลินเว่ยผสานกับกับร่างกายของเขา ก็มีข้อความหลั่งไหลเข้ามาในใจของหลินเว่ยรวมถึงชื่อของปีก และการแนะนำหน้าที่ของพวกมัน
โดยทั่วไปข้อความนี้ถูกทิ้งไว้หลังจากการใช้งานของผู้อื่น ดังนั้นหลินเว่ยจึงคาดว่าชื่อของมันน่าจะแตกต่างจากเหลยเป่าบอกเขา หลินเว่ยอดไม่ได้ที่จะคิดว่าปีกสายฟ้านั้น เหลยเป่าตั้งชื่อตามตนเอง
เมื่อเทียบกับอาวุธวิญญาณแล้ว อุปกรณ์ซวนฉีไม่เพียงแต่มีทักษะเพิ่มเติม ที่ทำให้ผู้ที่สามารถครอบครองมัน แต่ยังมีความสามารถลึกลับอีกด้วย ความสามารถแตกต่างจากทักษะและมีความไม่มั่นคง
แม้แต่ความสามารถของซวนฉีชั้นยอดก็ยังไม่แตกต่างกับระดับต่ำกว่ามันมากเท่าใดนัก ความสามารถของปีกสายฟ้า คือการบินชนิดหนึ่ง และความสามารถที่สองคือการดูดซับพลังงานสายฟ้ารอบ ๆ ตัว กล่าวได้ว่า
อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอันใด แต่ถ้าใช้เป็นเวลานานและคล่องแคล่วก็จะเกิดผลลัพธ์ที่ดี
แน่นอนว่าความสามารถนั้นมีความแตกต่างในตัวเองนั่นคือ หลินเว่ยสามารถใช้มันด้วยตัวเอง หรือมอบให้กับผู้อื่นได้
แม้ว่ามันจะเป็นอุปกรณ์ซวนฉีชั้นยอด แต่หากไม่รวมถึงความสามารถในการบิน แต่ก็มีเพียงความสามารถเดียวเท่านั้น นอกจากความสามารถแล้ว ยังต้องการทักษะเพิ่มเติมตามธรรมชาติอีกด้วย มีทั้งหมดสามทักษะ ทักษะแรกคือสายฟ้า
มันใช้พลังธาตุเพื่อสร้างร่างกายที่เป็นอิสระ แน่นอนความสามารถนี้จะถูกยกเว้นไปบ้างบางส่วน กล่าวคือสายฟ้าเป็นเพียงพลังงาน มันไม่มีศิลปะการต่อสู้ และไม่ใช่อาวุธ ไร้ซึ่งความคิด มันต้องการคำสั่งจากผู้ใช้งาน
แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งของสายฟ้านี้คือมันสามารถรวมเข้ากับความสามารถของผู้ใช้งาน ตราบใดที่หลินเว่ยช่วยให้สายฟ้าสามารถรวบรวมและดูดซับพลังงานของสายฟ้าโดยรอบ มันสามารถดำรงอยู่ได้เป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องควบคุมจิตใจของหลินเว่ย ตลอดเวลา หากไม่ได้รับความสนใจมันก็จะสลายไป หลังจากนั้น หากจะสร้างมันขึ้นมาอีกครั้งต้องใช้พลังปราณมากกว่าครึ่งหนึ่งของหลินเว่ย
ทักษะที่สองโล่สายฟ้า เกิดจากการควบแน่นสายฟ้าสามเส้นและกลายเป็นโล่ แน่นอนทักษะนี้สามารถใช้ได้เฉพาะกับตัวเองเท่านั้น ตราบใดที่หลินเว่ยต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นระยะการป้องกันของโล่สายฟ้านั้นมีจำกัด อยู่เพียงรอบ ๆ ของหลินเว่ย
แต่ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากด้านล่างและด้านบนได้
ทักษะที่สาม การควบแน่นพลังธาตุของสายฟ้า มันจะระเบิดทันทีและช่วยเพิ่มความเร็วของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตามเหลยเป่ากล่าวว่ามีข้อบกพร่องบางประการ หลังจากใช้งานแล้วมันจะพุ่งเป็นเส้นตรงและพุ่งไปข้างหน้า ไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางได้
ยิ่งไปกว่านั้นต้องใช้พลังธาตุจำนวนมาก พลังธาตุที่ระเบิดแล้วจะไม่คงอยู่อีกต่อไป และไม่สามารถฟื้นฟูได้ และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
และความแข็งแกร่งของร่างกายก็มีข้อกำหนดบางประการเช่นกัน ยิ่งร่างกายแข็งแกร่งเท่าใดก็ยิ่งต้องใช้เวลาในการเรียกใช้งานมากขึ้นเท่านั้น ตรงกันข้ามหากร่างกายไม่แข็งแกร่งพออาจถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ
“ฮึบ!” หลินเว่ยเคลื่อนไหว พร้อมถ่ายพลังปราณของตนเองลงไปในปีกที่ลอยอยู่ข้างหน้าทันที จากนั้นหลินเว่ยก็พยายามทิ้งร่องรอยพลังปราณเข้าไปในปีกของเขา
“ …… !”
หลังจากนั้นไม่นาน ในช่วงแรกปีกสายฟ้าสั่นสะเทือนชั่วครู่ จากนั้นก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ปากของหลินเว่ยก็ กระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ระดมพลังปราณจำนวนมากจากร่างค่อย ๆ ถ่ายเข้าไปในปีกสายฟ้า
ด้วยการเพิ่มขึ้นของพลังปราณที่ถ่ายเทเข้าไป ในที่สุดปีกสายฟ้าก็ตอบสนองและเปล่งแสงออกมา หลังจากถ่ายเทพลังปราณอย่างต่อเนื่อง ปีกเบื้องหน้าก็สลายไปในทันที ขณะที่ด้านหลังของหลินเว่ยมีปีกลวงตาคู่หนึ่งซึ่งกระชับและเหมือนจริง
เช่นเดียวกับปีกคู่ติดอยู่บนหลังของหลินเว่ยซึ่งคล้ายกับปีกขนาดเล็กก่อนหน้านี้ ปีกนั้นขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า
ปีกด้านหลังของหลินเว่ย ยาวห้าเมตรกว้างหนึ่งเมตร พวกมันประสานกันด้วยพลังปราณสายฟ้าสีม่วงอ่อน ดูคล้ายกับงูสายฟ้านับไม่ถ้วน
ความคิดของเขาสว่างวาบ ปีกที่อยู่เบื้องหลังเขาค่อย ๆ ยืดลงและล้อมรอบตัวเขา จากนั้นหลินเว่ยก็ยื่นมือออกมาอย่างอยากรู้อยากเห็น และสัมผัสขนบนปีกของเขา เขาพบว่าขนที่ปีกนั้นแข็งมากราวกับมีใบมีดคมกริบติดอยู่บนปีก
อย่างไรก็ตาม บางทีอาจเป็นเพราะเขาเพิ่งผสานมันกับร่างของเขา และยังไม่คุ้นชินกับมัน แม้ว่าปีกจะทำให้เขารู้สึกว่าตนเองสามารถควบคุมได้ตามต้องการ แต่ก็รู้สึกเหมือนคนที่เคยชินกับการกินข้าวด้วยมือขวา แต่ต้องมาเปลี่ยนเป็นมือซ้ายซึ่งค่อนข้างไม่ถนัด
หลังจากนั้นหลินเว่ยก็ลุกจากเตียง และเดินเข้าไปในลานบ้าน ปีกที่อยู่ข้างหลังเขานั้นกางออกทันที หลินเว่ยวิ่งอกไปไกลว่าสิบเมตร ในระหว่างการวิ่งปีกหลังเขาเริ่มสยายและขยับอย่างช้า ๆ
จากนั้นหลินเว่ยก็รู้สึกได้ทันทีว่าเท้าของเขาลอยขึ้นจากพื้น และเมื่อมองลงไปเขาพบว่าเขาปรากฏตัวขึ้นในอากาศแล้ว และด้วยการกระพือปีกอย่างต่อเนื่อง ความสูงก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ
หลังจากถึงระดับความสูงหนึ่ง หลินเว่ยก็ชะลอความถี่และความเร็วของปีกของเขา และลอยตัวอยู่ในอากาศพร้อมปรับองศาของปีกตนเอง
หลินเว่ยรู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่น และจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าการลอยตัวไม่มั่นคงและทนอยู่ได้ไม่กี่อึดใจ มันเป็นการบินครั้งแรกของเขา เขาขยับปีกของเขาสะเปะสะปะ จากนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังค่อยตกลงไป
เขารู้สึกประหลาดใจ ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าตื่นตระหนก เขาปรับองศาของปีกอย่างรวดเร็วอีกครั้ง และกระพือปีกแรงขึ้น สิ่งนี้ช่วยหยุดการตกลงสู่พื้นดินได้ จากนั้นหลินเว่ยก็ค่อย ๆ สยายปีกกระพือเพื่อลงไปสู้พื้นดิน และเดินโซซัดโซเซไปที่พื้น
เมื่อเท้าของเขามั่นคงอยู่บนพื้นดิน หลินเว่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว และเช็ดเหงื่อเย็นที่หน้าผากของเขา อย่างไรก็ตามหัวใจของเขาตื่นเต้นมาก
ทักษะการบินของเขาล้วนเรียนรู้จากมังกรเหิน แต่โครงสร้างของปีกทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน ปีกของมังกรเหิน เป็นปีกที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของผิวหนัง ปีกของหลินเว่ยนั้นเหมือนปีกของนก โดยมีขนอยู่บริเวณด้านนอก
หลินเว่ยใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการเรียนรู้และเชี่ยวชาญทักษะการบิน แม้ว่าเขาจะไม่กล้าพูดว่าตนเองสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่อย่างน้อยเขาก็จะไม่ล้มลงกับพื้นในครั้งแรกก็เพียงพอแล้ว
หลังจากควบคุมการบินได้อย่างง่ายดาย หลินเว่ยก็ร่อนลงบนพื้น และปีกของเขาที่อยู่ข้างหลังเขาก็เก็บกลับไป หลังจากฝึกฝนการบินกว่าหนึ่งชั่วโมง มันสิ้นเปลืองพลังไปเพียงนิดหน่อย ทั้งหมดเป็นเพราะความสามารถของปีกสายฟ้า
เนื่องจากหลินเว่ยบินด้วยความเร็วปกติ และใช้พลังจากพลังปราณของเขา นอกจากนี้ความสามารถของปีกสายฟ้ายังช่วยในการดูดซับสายฟ้าโดยรอบ ซึ่งเพียงพอที่เขาจะบินต่อไปเป็นเวลาเจ็ดหรือแปดชั่วโมง
แต่สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็ว และความแข็งแกร่งของเขา แต่ความเข้าใจโดยทั่วไป คือ การบินของเขาโดยใช้ปีกจะไม่สิ้นเปลืองพลังจนหมดทั้งร่าง
และเขายังพบว่าพลังวิญญาณของเขา สามารถใช้เป็นพลังงานสำหรับปีกสายฟ้า อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณของเขายังห่างไกลมากนักจากพลังปราณ เมื่อมันลดลงครึ่งหนึ่งจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ตามพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้ขยับขึ้นไปอยู่ที่ราชาวิญญาณ ดังนั้นมันมีความแข็งแกร่งมากกว่าพลังปราณหลายเท่า ดังนั้นเขาจึงสามารถบินอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน
จากนั้นหลินเว่ยเริ่มทดสอบทักษะที่เขา เพิ่งได้รับทีละอย่าง หนึ่งในสามทักษะที่เขาต้องการทดสอบคือ โล่สายฟ้า โล่สายฟ้าซึ่งเป็นทักษะความสามารถพิเศษ จากเหยี่ยวสายฟ้าจี้หยวนระดับสูง
หลินเว่ยสร้างโล่สายฟ้าออกมาทั้งสิ้นสามอัน และผลกระทบเพิ่มขึ้นหลายครั้ง เมื่อมองไปที่ร่างของเขามีโล่ทั้งสามอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงครึ่งเมตร กำลังลอยช้า ๆ จู่ ๆ ปรากฏเงาดำขึ้นตรงเบื้องหน้า
การปรากฏตัวของเงาดำอย่างกะทันหัน นั่นคือสัตว์โครงกระดูกขั้นเจ็ด ระดับสาม หลินเว่ยเรียกมันออกมาเพื่อทดสอบพลังของโล่สายฟ้า ด้วยวิธีนี้เท่านั้นเขาถึงจะกล้าใช้มันด้วยความมั่นใจ
หลังจากออกคำสั่งให้สัตว์อสูรโครงกระดูกโจมตีตัวเอง หลินเว่ยได้ควบคุมโล่ทั้งสามและรีบหันกลับมาเพื่อรับมือกับพลังโจมตีจากสัตว์อสูร
สำหรับคำสั่งของหลินเว่ย สัตว์โครงกระดูกไร้ซึ่งความลังเล พวกมันภักดีต่อหลินเว่ยมากที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะได้รับคำสั่งให้โจมตีหลินเว่ย แน่นอนว่าหลินเว่ยจะไม่ล้อเล่นกับชีวิตของเขาเอง
คำสั่งของเขาคือ ปล่อยให้สัตว์ร้ายโครงกระดูกโจมตีตัวเอง ด้วยร่างกายของมัน
สัตว์โครงกระดูกตัวนี้มาจากหมาป่าลมกรด มันคือสัตว์อสูรที่โจมตีระยะไกล เมื่อเข้าโจมตีระยะประชิด ความสามารถของมันจะอ่อนแอลงไปมาก อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่หลินเว่ยต้องการ ด้วยความแข็งแกร่งของขุนศึกระดับเจ็ด
วิธีนี้เท่านั้นที่จะปลอดภัยกับชีวิตของเขา หลังจากคุ้นเคยกับวิธีการใช้งานและการทดสอบสำเร็จ