บทที่ 25 ยึดครองค่าย
“รองผู้บัญชาการสาม!” ท่านกลับมาแล้ว เสียงทักทายของเหล่าทหารดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านสาม ท่านกลับมาแล้ว” หลังจากเดินเข้าไปในประตู เสียงของเหล่าทหารก็ปั่นป่วน เถาจุนเดินนำหลินเว่ย และคนอื่น ๆ ไปตามเส้นทาง เมื่อเขาเดินผ่านจุดใดที่มีนายทหารยืนอยู่ ก็จะมีเสียงทักทายดังมาไม่ขาดสาย
“หลินเอ้อมานี่ นายท่านรออยู่ที่นี่ก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะไปเรียกทุกคนมาระดมพลกันที่นี่” เถาจุนก็สั่งให้ข้ารับใช้ทั้งหกของเขา ไปรวบรวมสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างโลกันตร์มาให้หมดทุกคน
หลินเอ้อ ความจริงแล้ว เขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้ แต่เมื่อทำสัญญากับหลินเว่ย เขาจึงต้องเปลี่ยนแซ่ของตนเอง หลังจากนั้น ชายหกคนเดินรวบรวมสมาชิกทุกคนที่ค่าย ให้มาพร้อม ๆ กัน
เมื่อได้ยินว่าเถาจุน ต้องการเรียกพวกเขามารวมตัวกันสมาชิกของค่ายทั้งหมด ก็รีบร้อนมารวมตัวกัน
แม้ว่าหม่านสงนั้นจะเป็นคนชั่ว แต่การจัดการภายในค่ายของเขานั้นไม่เลว ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ผู้คนหลายร้อยคน มารวมตัวกันที่สนามฝึก และพวกเขาเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“ทุกคนอยู่ที่นี่กันครบหรือไม่?” หลังจากรอสักพักเมื่อเห็นว่าไม่มีใครปฏิเสธ
เมื่อได้ยินคำพูดของเถาจุน หลินเอ้อก็รีบพูดขึ้นว่า “เรียนหัวหน้า นอกจากพี่น้องที่ออกไปทำงานแล้ว ทั้งหมดก็อยู่ที่นี่
“ดี!” เถาจุนพยักหน้า ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แสร้งทำเป็นลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงเริ่มพูดว่า: “เหล่าพี่น้องทั้งหลาย ที่ข้าเรียกพวกท่านมารวมตัวกัน เนื่องจากมีข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบ ผู้บัญชาการหม่านสงของเราและลูกชายของเขานั้นจากไปแล้ว
เช่นเดียวกับรองผู้บัญชาการหานเล่ย และหัวหน้ากลุ่มย่อย อีก 30 คนพวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตลงแล้ว”
“อะไรนะ?” เกิดเสียงปั่นป่วนในค่ายทหารจอแจเสียงดัง
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” เสียงนายทหารคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความตกใจ
…………
หลังจากฟังคำพูดของเถาจุนจบ ก็เกิดการจลาจลในบริเวณนี้ และมีคนหลายร้อยคนเริ่มพูดคุยกัน สถานการณ์เริ่มควบคุมไม่อยู่
เมื่อเห็นความโกลาหลของเหตุการณ์เบื้องหน้า ราวกับมีแมลงวันบินอยู่ในหูของเขาหลายร้อยตัว เถาจุนขมวดคิ้ว และถ่ายเทพลังปราณไปที่หน้าอกของเขา และตะโกนออกมาเสียงดังว่า ทุกคนเงียบ
เมื่อ เถาจุนใช้พลังปราณเพื่อตะโกนออกไป เสียงที่เกิดขึ้นนั้นดังจนน่าใจหาย จากนั้นทุกคนก็เงียบกริบและหันไปมองเถาจุน
“พี่น้อง จุดประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ คือเพื่อพูดคุยเรื่องการแต่งงาน แต่หญิงสาวผู้นั้นไม่ยอมตกลง และเข้าไปในรังของสัตว์อสูรขั้นกลางโดยไม่รู้ตัว ไม่เพียงแต่เราเสียทหารไปสองกองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักรบขั้นสามของเรา และอีกทั้งหัวหน้าหลายสิบ โชคดีที่เราสามารถรอดมาได้ หาไม่เราคงจะสิ้นชื่อลงในวันนั้น ” คำพูดของเถาจุนเต็มไปด้วยอารมณ์ โดยยังกล่าวอีกว่า หม่านสงนั้นเป็นคนเห็นแก่ตัว โดยจะละทิ้งพี่น้องคนเหลืออยู่และหนีเอาตัวรอดไป แต่โชคร้ายที่เขาไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้
แน่นอนว่า คำพูดเล่านี้ไม่ได้มาจากหลินเว่ย แต่มาจากจินตนาการของเถาจุนล้วน ๆ
เหตุผลที่เขาทำเช่นนี้ คือต้องการทำให้ชื่อเสียงของหม่านสงเหม็นโฉ่ แม้ว่าพลังของเถาจุนจะแข็งแกร่งที่สุดในค่ายทหารรับจ้างโลกันตร์ แต่เขานั้นต้องทำให้ผู้คนในค่ายยอมรับเขาอย่างสุดหัวใจ จึงจะสามารถผลักดันตนเองให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะจัดการกองทหารรับจ้างได้ดีขึ้นในอนาคต เขาจึงต้องปล่อยข่าวเล็กน้อย อีกอย่างหม่านสงก็ตายลงไปแล้ว ฉะนั้นเขาจะพูดอะไรก็ย่อมได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเถาจุน มีหรือที่คนเหล่านี้จะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของคำพูดของเถาจุนได้อย่างไร? พวกเขาอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ล้วนไม่มีใครโง่ พวกเขาเพียงแค่ต้องการได้รับผลประโยชน์มากขึ้น ส่วนใครจะเป็นหัวหน้า พวกเขานั้นไม่สนใจมากนัก
ดังนั้นหลังจากที่เถาจุนพูดจบ ด้วยความช่วยเหลือของหลินเอ้อ เป็นคนแรกที่กล่าวสนับสนุนเถาจุน นายทหารทั้งหมดก็เริ่มสาปแช่งพ่อและลูก หม่านสงและหม่านหนิวและสนับสนุนเถาจุนให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารรับจ้างโลกันตร์แทน
จากนั้นสมาชิกระดับนักรบคนอื่น ๆ พวกเขาต่างส่งเสียงเชียร์ เพื่อให้เถาจุนเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการ
เถาจุนนั้นไม่ลืม เรื่องของหลินเว่ยอย่างแน่นอน เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากหลินเว่ยบอกเขาว่า เขาไม่ต้องการความวุ่นวาย เถาจุนจึงเสนอตำแหน่งผู้บัญชาการกิตติมศักดิ์ให้หลินเว่ย นั่นคือตำแหน่งที่เอาเปรียบคนทั้งค่ายทหาร และไม่ต้องรับผิดชอบงานใด ๆ ในค่าย
ในตอนนี้หลินเว่ยนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ในห้องทางซ้าย เถาจุนยืนอยู่เบื้องหน้าเขา
มันเคยเป็นห้องอ่านหนังสือของหม่านสง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นของหลินเว่ยแล้ว ในตอนนี้ภรรยาของหม่านสงมาหาเถาจุน เพื่อสอบถามข่าวว่าทั้งพ่อและลูกตายลงไปแล้วเป็นความจริงหรือไม่?
ด้วยเหตุนี้ เถาจุนไม่ต้องการให้ภรรยาของหม่านสงมาวุ่นวาย จึงสั่งให้นายทหารลากภรรยาของหม่านสงออกไป จากนั้นเขาก็เริ่มทำความสะอาดห้อง เพื่อให้หลินเว่ยพักผ่อน ส่วนหญิงชราภรรยาของหม่านสง จะอยู่หรือตาย ใครจะสน!
หลังจากนั้น เถาจุนหยิบบันทึกที่เตรียมมาเป็นพิเศษ ออกมาวางไว้บนโต๊ะทำงานเบื้องหน้าของหลินเว่ย แล้วพูดว่า “นายท่าน! นี่คือรายการของทั้งหมดในคลัง ท่านสามารถตรวจดูได้ หลังจากนั้น ข้าจะส่งไปให้ท่านทันที
แม้ว่า หลินเว่ยจะได้สมบัติจากหม่านสงมาเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นเพียงแค่แก่นคริสตัลน้อยนิด หากเทียบกับความต้องการของเขา หลินเว่ยพบว่า หากว่าเขาต้องการพัฒนาความแข็งแกร่ง เขาไม่เพียงต้องการแก่นคริสตัล จำนวนมากเท่านั้น
แต่ยังต้องมีหินหยวนจำนวนมาก ทั้งยาเม็ดที่ใช้เลื่อนระดับ แม้กระทั่งคัมภีร์ลับ พลังจิต อาวุธและอุปกรณ์ในการฝึกฝน ยังรวมไปถึงวิชาดาราศาสตร์ และการคำนวณ
“เรียกข้าว่า นายน้อยก็พอ ไม่ต้องเรียกว่านายท่าน มันดูประหลาดพิกล” หลินเว่ยไม่สนใจสิ่งของที่อยู่ในมือของเถาจุนในตอนแรก เนื่องจากมันมีจำนวนหน้ากระดาษที่หนามาก
“ได้ขอรับ! นายน้อย” ท้ายที่สุดก็เป็นเวลาเพียงแค่สองวันที่เขาได้ทำสัญญากับหลินเว่ย จึงยังปรับตัวไม่ได้
ดังนั้นเมื่อหลินเว่ยเอ่ยปากให้เถาจุนเปลี่ยนคำเรียกใหม่เขาก็ยินดี เถาจุนมีความสุขมากกับการฝึกฝนของหลินเว่ย แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนเจ้านายแต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง
“เอาล่ะ! นำแก่นคริสตัลทั้งหมดในคลังออกมาให้ข้า! ส่วนที่เหลือ แม้ว่ารายการจะเขียนไว้มากมาย แต่ก็ไม่มีของดีเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งหมดเป็นวัตถุดิบจากสัตว์อสูรระดับต่ำ ทั้งแร่ไร้ค่า และวัสดุยา สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สำหรับหลินเว่ย
โชคดีที่มีแก่นคริสตัลที่ยังถือว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ส่วนเรื่องเงินก็นับว่ามีไม่มาก ทั้งหมดรวมกันเป็นหมื่นเหรียญทอง แน่นอนว่าหลินเว่ยจะไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องเงิน ท้ายที่สุดกองทหารรับจ้างขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องการเงินหมุนเวียนจำนวนมาก
“ได้!” เมื่อได้ยินหลินเว่ยพูดเถาจุนก็พยักหน้า เขาไม่ถามอะไร เขาหันไปรอบ ๆ และออกจากห้องหนังสือไป
……….
ภายในเมืองหมั่นฉี ณ บ้านของหลินเว่ย หลินเว่ยนั่งอยู่บนเตียง พร้อมกับแก่นคริสตัลทุกชนิดอยู่ตรงหน้าเขา
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ถูกนำมาจากคลังของกองทหารรับจ้างโลกันตร์ แต่ยังเป็นของดั้งเดิมของหลินเว่ยที่เก็บสะสมมา แม้ว่าระดับของแก่นคริสตัลที่ได้รับจากคลังนั้น จะไม่ดีเท่ากับของหลินเว่ยที่ได้รับมาจากหม่านสง ถึงจะไม่มีถึงขั้นสามแต่ก็นับว่า มีขั้นหนึ่งและขั้นศูนย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีจำนวนนับหมื่นและแม้แต่ขั้นที่ สองก็มีทั้งสิ้น เกือบ 1,000