บทที่ 29
มุ่งสู่เทือกเขา
หลังจากให้คำแนะนำเถาจุนเรียบร้อย หลินเว่ยจึงไปหาซื้อเสบียงตุนไว้เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ออกเดินทางไปที่หุบเขาเวเนเชี่ยน
สองวันต่อมา หลินเว่ยนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นที่ริมชายป่าของหุบเขา แม้ว่าหลินเว่ยนั้นจะพบกับทหารรับจ้างมากมายระหว่างเส้นทาง แต่เขาก็ไม่ได้หยุดแวะพูดคุยกับใครเลย ยกเว้นทหารยามที่เฝ้าเวรยามที่ชานเมืองเท่านั้น
เมื่อเดินเข้ามาในป่าทึบ หลินเว่ยก็เรียกโครงกระดูกออกมา และเริ่มเดินลึกเข้าไปในป่าของหุบเขา
ปลายทางของหลินเว่ยนั้นคือรังของสัตว์อสูรขั้นสามที่อยู่กลางป่า แต่เมื่อเข้าไปในป่าลึกหลินเว่ยนั้น บังเอิญเดินผ่านสัตว์อสูรเผ่าพันธุ์อื่นแต่เขาไม่ต้องการที่จะต่อสู้ ในตอนนี้ระดับการฟื้นคืนชีพของโครงกระดูกและพลังจิตพึ่งได้รับการเลื่อนขั้น ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ปล่อยสัตว์ร้ายตนนี้ไปอย่างแน่นอน
จากนั้นหลินเว่ยกระโดดข้ามต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว และมาถึงยังแอ่งโคลน เขาพบร่างมหึมาที่กำลังกลิ้งไปมา อยู่ในโคลนตม
สัตว์อสูรที่พบ ทำให้หลินเว่ยนั้นมีความต้องการที่จะสังหาร แม้ว่าแรดตัวนี้เพิ่งเลื่อนระดับเป็นขั้นสาม แต่ระดับการป้องกันและพลังของมันนั้น ก็ใกล้เคียงกับสัตว์อสูรขั้นสี่
นอกจากนี้ขนาดของมันยังใหญ่มาก และไม่สามารถมองข้ามความแข็งแกร่งไปได้
การมาถึงของหลินเว่ยนั้นแทบไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากแรดนอเดียว อาจจะเป็นเพราะขนาดร่างกายของหลินเว่ยนั้นเล็กเกินไปและเพราะหลินเว่ยนั้น ปกปิดกลิ่นอายของตนเอง
เพราะตอนนี้เขานั้นแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจากเขากินยาเลื่อนระดับเป็นจำนวนมาก
เมื่อเห็นแรดนอเดียวกำลังกลิ้งอยู่ในโคลนตม หลินเว่ยจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสี่ของเขา เข้าใกล้แรดนอเดียวอย่างช้า ๆ
เนื่องจากหลินเว่ยนั้นมีความตั้งใจที่จะสังหารแรดนอเดียว เขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากแถวนี้มีสัตว์อสูรจำนวนมาก หากเกิดเสียงดังและอุบัติเหตุอาจทำให้ วัสดุในร่างของแรดนอเดียวเสียหาย
แม้ว่าแรดนอเดียวจะเป็นสัตว์อสูรขั้นสาม แต่ก็ถือเป็นสัตว์อสูรขั้นต่ำ ดังนั้นหลินเว่ยจึงสอบถามเถาจุนเกี่ยวกับบันทึกเกี่ยวกับมัน และสถานที่สามารถพบตามธรรมชาติ
ด้วยคำสั่งของหลินเว่ย โครงกระดูกทั้งสี่ยืนเรียงหน้ากระดาน ต่อหน้าแรดนอเดียว พวกมันอ้าปากใหญ่ทีละตน และยิงใบมีดสีฟ้าอ่อนจากตรงกลางเพื่อพุ่งไปหาแรดนอเดียว
แม้ว่าแรดนอเดียวจะไม่ได้สนใจหลินเว่ย แต่เขาก็ต้องระวังไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม แรดนอเดียว ไม่คิดว่า โครงกระดูกหลายชิ้นที่ไร้ชีวิตจะสามารถทำร้ายมันได้
แม้ว่าแรดนอเดียว จะมีความมั่นใจในพลังการป้องกันตัวเองของมันมาก แต่ก็สายเกินไปที่มันจะลุกขึ้นยืน และหลบหลีกพลังการโจมตีจากโครงกระดูกทั้งสี่
ใบมีดสีฟ้าอ่อนทั้งสี่ใบนั้นกระทบกับข้อต่อของแรดนอเดียว อย่างไรก็ตามการป้องกันของแรดนอเดียว นั้น แข็งแกร่งจริง ๆ ใบมีดแรกฟันไปที่ขา และทิ้งรอยสีขาวไว้บนผิวหนังของมัน
ผลกระทบของใบมีดที่สองนั้น ไม่ได้ดีไปกว่าใบมีดแรกมากนัก มันทิ้งบาดแผลเล็ก ๆ ไว้เท่านั้น และไม่มีร่องรอยของเลือดที่ไหลออกมา โชคดีที่มีใบมีดที่สาม และสี่ เป็นการโจมตีซ้ำลงไปที่บาดแผลแรก ดังนั้นบาดแผลของมันจึงเปิดและขยายตัว หลังจากใบมีดที่สามฟันลงไป มีแรดนอเดียวตัวหนึ่งส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น
ร่างที่ยืนโซซัดโซเซนั้นควบคุมไม่อยู่ เกือบจะนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
จะเห็นว่าใบมีดลมทั้งสี่ ฟันเขาไปที่ข้อต่อขากระดูกของแรดนอเดียว จนได้รับบาดเจ็บ มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาตลอดเวลา
การโจมตีที่ไม่สามารถอธิบายได้ และความเจ็บปวดจากการบาดแผล ทำให้แรดนอเดียว รู้สึกหงุดหงิดในทันที ดวงตาของมันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดและรูจมูกของมันนั้นพ่นลมร้อนออกมาตลอดเวลา จากนั้นมันก้าวไปข้างหน้าและรีบพุ่งไปที่โครงกระดูกทั้งสี่
เนื่องจากรูปร่างและพละกำลังของมัน ทำให้เกิดแรงกระแทกของแรดนอเดียวนั้นน่ากลัวมาก นอกจากนี้ด้วยการป้องกันที่แข็งแกร่ง จึงมีสัตว์อสูรไม่กี่ชนิดที่สามารถต้านทานมันได้ นี่คือเหตุผลที่หลินเว่ยนั้นต้องการทำให้ขาของมันบาดเจ็บลงเสียก่อน
แต่ว่าเนื่องจากการป้องกันของอีกฝ่ายนั้น แข็งแกร่งเกินไป มีเพียงผิวหนังและกระดูกบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย
เมื่อเห็นว่าแรดนอเดียวนั้นเริ่มสู้กลับ หลินเว่ยจึงล่าถอยและควบคุมโครงกระดูกทั้งสี่ให้แยกย้ายกันไปรอบ ๆ ล้อมรอบแรดนอเดียว พร้อมกับใช้ทักษะใบมีดลมอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าอาการบาดเจ็บที่ขาหน้าจะไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต แต่ก็ส่งผลต่อการโจมตีของแรดนอเดียวที่พุ่งไปยังสัตว์โครงกระดูกเชื่องช้าลง และไม่สามารถไล่ตามโครงกระดูกได้ทัน
แม้ว่าแรดนอเดียวจะมีพลังการป้องกันสูง แต่ก็มีจุดอ่อน เช่น ดวงตาและจมูก และกุญแจสำคัญในการโจมตี คือตำแหน่งช่วงท้องของแรดนอเดียว
แม้ว่าแรดนอเดียวจะพยายามป้องกันตนเองอย่างเต็มที่ และพยายามใช้ทักษะของมันอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ยังมีใบมีดลมหลายอัน ที่ฟาดฟันเข้ามายังร่างของมัน จนอวัยวะภายในฉีกขาด เลือดสด ๆ ไหลเจิ่งนองไปทั่วบริเวณ
หลังจากนั้นแรดนอเดียว ก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง เนื่องจากเสียเลือดไปมาก ภายในใจของแรดนอดเดียวเกิดความหวาดกลัว มันมองหาทิศทางที่จะสามารถหนีออกไปจากที่แห่งนี้
หากอีกฝ่ายนั้นพยายามที่จะต่อสู้อย่างหนัก หลินเว่ยก็จะค่อย ๆ บดขยี้มันจนตาย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายมุ่งมั่นที่จะหลบหนี ดังนั้นหลินเว่ยจึงต้องคิดแผนรับมือ เขาต้องการที่จะไล่ต้อนแรดนอเดียวให้เหน็ดเหนื่อยจนขาดใจตาย เนื่องจากพลังการป้องกันของร่างนั้นสูงมาก เขาทำได้เพียงสั่งให้ลูกน้องทั้งสี่ตน คอยติดตามแรดนอเดียวไปเรื่อย ๆ
หลังจากไล่ล่ามาเป็นระยะเวลานาน ความเร็วของแรดนอเดียว ก็ค่อย ๆ ช้าลง จากนั้นไม่นาน ร่างใหญ่ก็ล้มลงบนพื้น อย่างไรก็ตามมันไม่มีแรงหลงเหลืออยู่ เพื่อที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ทำได้เพียงนอนราบกับพื้น อย่างไร้เรี่ยวแรง ด้วยลมหายใจอันแผ่วเบา ราวกับจะสิ้นชีวิตได้เมื่อไรก็ตาม
ระหว่างการไล่ล่าและการหลบหนี เวลานั้นผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ทิศทางที่หลินเว่ยไล่ตามแรดนอเดียวมาก็สลับซับซ้อน
เมื่อเห็นว่าแรดนอเดียวกำลังจะสิ้นชีวิต หลินเว่ยก็ไม่พลาดโอกาสที่จะสั่งให้โครงกระดูกสี่ตัวล้อมรอบมัน แต่ไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปใกล้แรดนอเดียว
“ฮูว … !” เมื่อเห็นว่าโครงกระดูกใกล้เข้ามา แรดนอเดียวก็ทำท่าข่มขู่
โครงกระดูกทั้งสี่ แต่เดิมถูกควบคุมโดยหลินเว่ย โดยธรรมชาติแล้วพวกมันย่อมไม่สนใจคำขู่ของแรดนอเดียว เมื่อเห็นเวลาที่เหมาะสม พวกมันจึงเริ่มใช้ทักษะของมันอีกครั้ง ในเวลานี้แรดนอเดียวทำได้เพียงนอนรอความตายอยู่ตรงหน้า
เมื่อทั้งสี่ตนใช้ทักษะใบมีดลมออกมา เป็นผลทำให้บาดแผลแต่เดิมที่ปริก็ยิ่งขยายเข้าไปอีก และยังทำร้ายไปถึงอวัยวะภายในอีกด้วย