ก้าวราชันเก้าปรโลก
เซี่ยงเส้าหยุนเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายลม ขณะร่างกายบิดเบี้ยวก่อนจะหายไปจากการโจมตีที่เข้ามา ในที่สุดเขาก็ได้ปลดปล่อยความพลังของก้าวราชันเก้าปรโลกออกมาเล็กน้อย หลังจากหลบการโจมตีทั้งสอง เขาตวัดกระบี่ราชันผ่าเมฆาเข้าใส่ตงฟางซั่วอีกครั้ง
ตงฟางซั่วยังคงดิ้นรนจากความเจ็บปวดอันแสนสาหัสหลังจากที่สูญเสียแขนไป และบาดแผลที่เกิดระหว่างต่อสู้กับช้างเกล็ดเงินชรา เขาจึงไม่อาจหลบการโจมตีของเด็กหนุ่มได้ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานหลายปี เขายังคงสามารถสวนกลับโดยใช้เพียงสัญชาตญาณเท่านั้น
“หากว่าข้าตาย เจ้าจะต้องตายไปพร้อมกับข้า!” ตงฟางซั่วเพิกเฉยต่อความเจ็บปวด และรวบรวมความแข็งแกร่งทั้งหมด ก่อนจะแทงดาบไปที่เซี่ยงเส้าหยุน
ลำแสงเพลิงสีเขียวถูกยิงออกไปอีกครั้ง ทำลายต้นไม้ทั้งหมดในรัศมี
“เราควรจะหลบ หรือรุกเข้าไปต่อดีนะ?” เซี่ยงเส้าหยุนลังเล หากเขาสามารถหลบการโมตีนั่น ตงฟางซั่งคงไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนแล้ว และถ้าหากเขาไม่หลบการโจมตีนั่น คงทำได้เพียงพุ่งไปข้างหน้า แต่เขาไม่รู้ว่าจะรอดจากการปะทะนั่นได้หรือไม่
ความลังเลกินเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่แววตาของเด็กหนุ่มจะฉายแววแน่วแน่ เขาตะโกน “ข้าเคยก้าวข้ามขีดจำกัดมาหลายครั้งแล้ว และตอนนี้ ข้าก็จะก้าวข้ามมันไปอีกครั้ง!”
สายฟ้าสีม่วงโกยกำเนิดพวยพุ่งออกจากกระดูกสีม่วงของเซี่ยงเส้าหยุน ขณะเดียวกัน เขายังดึงพลังจำนวนมากจากดาวดวงแรก ทันใดนั้น กระบี่ราชันผ่าเมฆาก็ส่องแสงขึ้น จากนั้น กระบี่ และดาบก็ปะทะกัน
ครืน! ครืน!
คลื่นกระแทกอันรุนแรงกระจายเป็นวงกว้าง ทำลายต้นไม้มากมายที่อยู่ใกล้เคียง ยอดฝีมือระดับแปรสภาพทั้งสองที่เพิ่งมาถึงได้หยุดการรุก และสร้างกำแพงป้องกันตนเองจากคลื่นกระแทกนั่น
ความกลัวฉาบบนใบหน้าของทั้งสองทันที ขณะที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าผู้ที่มาลอบสังหารหัวหน้าของตนจะทรงพลังขนาดนี้ พลังงานที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งสองกระจายออก และร่างทั้งสองกระเด็นไปในทิศทางตรงกันข้าม
เซี่ยงเส้าหยุนกระอักเลือดขณะลอยในอากาศ แขนเสื้อถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการรับการโจมตีของตงฟางซั่ว
หรืออีกความหมายหนึ่งคือ เขารอดชีวิตจากการโจมตีนั่น
ในด้านของตงฟางซั่ว เขาอยู่ในสภาพที่แย่กว่ามาก ด้วยได้รับบาดแผลฉกรรจ์ และหลังจากการปะทะกันเมื่อครู่ ร่างกายของเขาได้ไหม้เกรียมอย่างรุนแรง ควานลอยฟุ้งเหนือหัว ร่างกายกระตุกไม่หยุด และดูเหมือนจะหยุดหายใจ
ยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับแปรสภาพถูกกำราบโดยผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นเจ็ด คงไม่มีผู้ใดเชื่อหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองเป็นแน่ แม้แต่สมาชิกกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งทั้งสองที่อยู่ใกล้เคียง ก็ยังพบว่ามันเป็นเรื่องยากจะเชื่อ และพวกเขาได้เห็นมันกับตาตนเอง
“ท่านรองหัวหน้า!” เสียงตะโกนดัง ทำให้อีกคนฟื้นคืนสติจากความตกใจต่อภาพตรงหน้า
พวกเขาพุ่งไปหาตงฟางซั่ว ด้วยไม่กล้าลองดีกับเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกต่อไป เท่าที่พวกได้เห็น เซี่ยงเส้าหยุนคงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งเหนือกว่าพวกเขาทั้งสองมากนัก และแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อจัดการคู่ต่อสู้ด้วยความประหลาดใจ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม
ทั้งสองหวังว่าจะหลบหนี และหาทางช่วยชีวิตรองหัวหน้าของตน แม้จะคาดหวังเล็กน้อย แต่เซี่ยงเส้าหยุนไม่มีความตั้งใจจะปล่อยทั้งสองอยู่แล้ว ความตั้งใจในการต่อสู้ของเด็กหนุ่มพุ่งสูงขึ้น
เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ระเบิดออกจากทุกสายใย และยังสามารถสัมผัสได้ถึงสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิด ไม่มีความกลัวอยู่ในหัวใจแม้แต่น้อย และพร้อมจะปะทะกับทุกคน เด็กหนุ่มลูบไล้กระบี่ของตนเพื่อสงบจิตใจที่ต้องการจะต่อสู้ที่พลุ่งพล่าน และเริ่มพุ่งตัวเข้าใส่ยอดฝีมือทั้งสองด้วยวิชากระบี่ทลายเมฆา
ดาบอัสนีคลั่ง!
พลังงานจากกระบี่พุ่งไปด้านหน้าพร้อมกับชั้นสายฟ้าที่บ้าคลั่ง ทิ้งประกายสีม่วงอันไร้ขอบเขตทั่วทุกหนแห่ง ความตั้งใจในการต่อสู้ของเซี่ยงเส้าหยุนพุ่งจนถึงขีดสุด และด้วยสถานะปัจจุบันดูเหมือนเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบี่ผ่าเมฆาไปเสียแล้ว
ในฐานะของราชา เขาควรจะละโมบอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทั้งยังมีความสามารถในการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้ และไม่มีผู้ใดเปรียบ ทันใดนั้นความเชื่อที่คลั่งใคล้ได้ผุดขึ้นในใจ ราวกับตะเกียงที่ส่องสว่าง มันชี้ให้เขาเห็นเส้นทางที่สดใส เขาจะก้าวไปสู้การฝึกยุทธ์ในอนาคต
ด้วยผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพทั้งสอง คนแรกอยู่ขั้นสามซึ่ง ในขณะที่อีกคนอยู่ขั้นสอง เมื่อพวกเขามองเห็นเซี่ยงเส้าหยุนพุ่งเข้ามา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเผชิญหน้า
“เจ้ากล้าลอบสังหารรองหัวหน้าของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งเชียวหรือ? เจ้าจะต้องตาย!” ชายคนหนึ่งคำราม ก่อนจะเหวี่ยงกระบี่เข้าใส่เด็กหนุ่ม
สำหรับอีกคนหนึ่ง เขาได้เหวี่ยงค้อนเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนในอีกด้าน ทั้งสองสร้างการโจมตีอันรุนแรง การผสานการโจมตีอันทรงพลังเพื่อเติมเต็มพื้นที่ทั้งหมดด้วยออร่า
เซี่ยงเส้าหยุนได้เปิดใช้พรสวรรค์การมองเห็นเพื่อเพิ่มการมองเห็นให้คมชัดขึ้น มีกระแสไฟฟ้าออกจากดวงตาทั้งสองข้างทำให้เขาดูน่ากลัว เด็กหนุ่มมองเห็นจุดบอดของการผสานการโจมตีนั่น เขาจึงโจมตีออกไป ทำให้การโจมตีของยอดฝีมือทั้งสองถูกทำลายลง
แม้ว่าจะโจมตีไปที่จุดบอด แต่ก็ยังรับรู้ได้ถึงคลื่นกระแทกอันรุนแรง แต่โชคดี หลังจากปรับสภาพด้วยพลังสายฟ้าภายในร่างกาย ทำให้แข็งแรงขึ้นมาก
หลังจากเผชิญหน้ากับทั้งสองอีกครั้ง เซี่ยงเส้าหยุนยังไม่หยุด เขาเริ่มก้าวไปด้านหน้าด้วยการเคลื่อนไหวสุดมหัศจรรย์ตรงไปยังผู้ที่อ่อนแอทั้งสอง ตอนนั้นเอง เขาเหวี่ยงกระบี่ออกไปด้านหน้าอย่างไร้ความปราณี สายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดเป็นพลังงานอันบริสุทธิ์ และทำลายกำแพงป้องกันของคู่ต้อสู่ในทันที บังคับให้ชายทั้งสองต้องตั้งท่าป้องกัน
ทั้งสองคิดต่างคิดว่าการตั้งท่าป้องกันเป็นสิ่งที่ผิด แต่เมื่อได้คิดถึงวิธีที่เซี่ยงเส้าหยุนได้จัดการกับรองหัวหน้าของพวกตน จึงสรุปได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากนัก ทำให้หัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และนั่นทำให้ทั้งสองยอมแพ้ที่จะโจมตีอีกครั้ง
หากเขากล้าที่จะโจมตีแทนที่จะป้องกัน เขาก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ ยอดฝีมือคนอื่นรีบเข้ามาหมายจะช่วยสหายของตน
เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มต่อสู้กับทั้งสองพร้อมกัน พลังงานที่หมุนรอบตัวไม่ได้อ่อนแอไปกว่ายอดฝีมือระดับกลายสภาพเลย ด้วยการเพิ่มสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิด ทำให้ช่องว่างระหว่างเด็กหนุ่ม และยอดฝีมือทั้งสองลดลงอย่างมาก
เซี่ยงเส้าหยุนโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ในเวลาเดียวกัน สายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดของเขาก็ดูน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ
คู่ต่อสู้ทั้งสองพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะอดทน เนื่องจากพวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของราชา ที่กดดันพวกเขาเอาไว้ ทำใหความตั้งในในการต่อสู้ลดลงจนถึงจุดที่ทั้งสองจะคิดหลบหนี
“พวกเจ้ารอสิ่งใดกัน? ตายซะ!” เซี่ยงเส้าหยุนไม่ต้องการใช้เวลานานนัก ดังนั้น เขาจึงดึงพลังออกจากกระดูกสายฟ้ามากขึ้น ทันใดนั้น มังกร และพยัคฆ์ได้ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเด็กหนุ่ม ขณะที่ออร่าอันโอ่อ่าแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย ความหวาดกลัวกัดกินไปทั้งหัวใจของศัตรูทั้งสอง และทำให้ท่วงท่าอ่อนลงจนต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้