ตอนที่ 120 : มุ่งสู่หุบเขาแม่น้ําทองคํา
สามวันผ่านไปในชั่วพริบตา การประลองประจําเมืองได้เริ่มต้น ขึ้น รถม้าที่ล่ามนกขนาดใหญ่สี่ตัวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้านกทั้งสี่เป็นถึงราชาปีศาจออร่าปีศาจของพวกมันช่างโอ่อ่า และยิ่งใหญ่ทําให้ผู้พบเห็นต้องตกตะลึง
มีสองสามคนนั่งอยู่บนรถม้า พวกเขาต่างก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึม สายตาที่แหลมคม และร่างกายที่กํายํา พวกเขาจะต้องเป็นผู้มีตําแหน่งยิ่งใหญ่ในนครขอบนภาเป็นแน่ พวกเขาต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่องนภา เมื่อปรากฏตัวขึ้นเหล่าผู้อาวุโสจากทุกเมืองต่างพาศิษย์เข้าไปทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ
ชายวัยกลางคนแต่งตัวงดงามบนรถม้า และกล่าวว่า “การประ ลองประจําเมืองกําลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ข้ามาที่นี่ในนามของเจ้า เมืองเพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของพวกเจ้าในช่วงสามปีที่ผ่านมาศิษย์ทุกคนจะต้องเข้าไปในหุบเขาแม่น้ําทองคํา ที่นั่น พวกเจ้าจะต้องสังหารจระเข้ทองคําเพื่อแต้มศิษย์สิบอันดับแรกจะได้รางวัลที่ ยิ่งใหญ่ และได้รับโอกาสให้เป็นศิษย์ชั้นนอกของพลับพลาขอบนภาคะแนนรวมของศิษย์จะเป็นตัวกําหนดอันดับของสถาบันและสถาบันที่ได้สิบอันดับแรกจะได้รับรางวัล
หลังจากคําประกาศ เหล่าศิษย์จํานวนมากได้เริ่มพูดคุยกัน
“ศิษย์สิบอันดับแรกจะได้เป็นศิษย์ชั้นนอกของพลับพลาขอบน ภาหรือ? นะ นี่มันช่างเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่!”
“นั่นสิ พลับพลาขอบนถาเป็นสถานที่ซึ่งรวมเหล่าอัจฉริยะไว้ด้ว ยกัน กล่าวได้ว่าหลังจากเข้าร่วมไปแล้วจะได้รับทรัพยากรในการฝึกยุทธ์จํานวนมาก และแม้แต่วิทยายุทธ์ระดับราชามากมายที่นั้น”
“แต่มันว่างเพียงสิบที่เท่านั้น ข้าเกรงว่าจะมีเพียงเมืองอันดับต้น ๆ ที่มีโอกาส”
“อย่าได้คิดมากเรื่องนี้ ข้าคงสุขใจที่ออกจากหุบเขาแม่น้ําทองคํา ในตอนยังมีชีวิต เรายังไม่ควรคิดถึงรางวัลด้วยซ้ํา”
หลังจากสิ้นคําประกาศของผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชา มีใครบางคน แจกแผ่นหยกให้แก่ผู้เข้าร่วมแผ่นหยกเหล่านี้จะบันทึกจํานวนจระเข้ทองคําที่ศิษย์แต่ละคนสังหารได้ แผ่นหยกยังสามารถระบุผู้ที่สั่งหารจระเข้ทองคําที่แท้จริงได้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าศิษย์โกง
ไม่นาน เหล่าศิษย์ต่างรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้มาถึงหุบเขาแม่น้ําทอง คํา หุบเขาแม่น้ําทองคําอยู่ไม่ไกลมากนักพวกเขาจําเป็นต้องล่อง เรือไปตามแม่น้ําราวหนึ่งชั่วโมง แต่เมื่อมาถึงจากความตื่นเต้นกลับกลายเป็นความขมขื่น
ซู่! ซู่!
เมื่อเรือจํานวนมากได้มาถึงฝั่งแม่น้ํา แม่น้ําอยู่ข้างใต้นั่นเปลี่ยน ไป มันมีกระแสน้ําที่รุนแรงและเต็มไปด้วยอสรพิษสีทองจํานวนมากที่ถูกเรียกในนาม “อสรพิษวารีทองคํา” พวกมันไม่จําเป็นต้องเป็นสัตว์ที่มีระดับสูงแค่เพียงประมาณที่มากพอจะสร้างความก ลัวให้แก่ผู้พบเห็น
อสรพิษทองคําว่ายทั่วทุกหนแห่ง จากหัวที่เป็นรูปสามเหลี่ยม และลิ้นของพวกมันที่แลบเป็นระยะเห็นได้ชัดว่าอสรพิษเหล่านี้ เป็นสายพันธุ์ที่มีพิษร้ายแรง
นอกจากนั้น จระเข้ทองคําได้ปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน หนามแหลม คมไล่ไปตามผิวหนังที่หนา และเมื่อมันอ้าขากรรไกรขนาดใหญ่ออกก็จะเห็นเขี้ยวแหลมคมเรียงกันจํานวนมากปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกมันเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวนัก
ทั้งอสรพิษทองคํา และจระเข้ทองคําล้วนเป็นสัตว์ปีศาจที่อยู่ร อบนอกหุบเขาแม่น้ําทองคําพวกมันเป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ที่เกิดจากการผสมระหว่างอสรพิษวารีทองคําและจระเข้ทองคํา
เหล่าศิษย์เยาว์วัยต่างเริ่มสังหารพวกมัน ที่นี่มีอสรพิษวารีทอง คํา และจระเข้ทองคําจํานวนมากสัตว์ร้ายเหล่านี้จะไม่แยกจากฝูง พวกมันเริ่มเลื้อยขึ้นมาบนเรือ ดังนั้น หากไม่สังหารสัตว์ร้ายเหล่านี้เหล่าศิษย์จะไม่สามารถเข้าไปในหุบเขาแม่น้ําทองคําได้อย่างง่าเยดาย
เรือของตําหนักยุทธ์เองก็ตกเป็นเป้าโจมตีของเหล่าสัตว์ร้าย อส รพิษวารีทองคําที่เลื้อยขึ้นมาเป็นปีศาจชั้นกลางในตอนนี้ เรือไม่ได้ รับการคุ้มครองจากผู้อาวุโสอีกต่อไป ดังนั้นเหล่าศิษย์จะต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ขณะที่หัวหน้าของพวกเขา โมซูยืนขึ้นตรงหน้า และเผชิญหน้า กับสัตว์ร้ายที่เข้ามา เขาออกคําสั่ง “คุ้มกันปีกของเราอย่ามัวแต่สังหารพวกมันและลําดับความสําคัญเพื่อเข้าสู่หุบเขาแม่น้ําทอง
คํา”
การสังหารอสรพิษ และจระเข้เหล่านี้เป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า เพราะพวกมันไม่มีแต้ม แต่สําหรับคนทั่วไปเช่นเดียวกับลู่เสี่ยวนิ่งและเซี่ยหลิวฮุยทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความกลัว
พวกเขาต่างก็มีประสบการณ์การต่อสู้ที่น้อยนิด หากปราศจากป ระสบการณ์มือเปื้อนเลือดความแข็งแกร่งที่มีก็เหมือนเปลือกที่ว่างเปล่า และเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ในตอนนั้นเอง มีอสรพิษวารีทองคําตัวเล็กได้กระโดดขึ้นและมันอ้ากรามกว้างพยายามจะกัดที่ใบหน้าของลู่เสี่ยวนิ่ง
“ว้ายยยย!”
นางเสียขวัญเพราะความหวาดกลัว และลืมเลือนวิธีจู่โจมไป ชั่วขณะ ทําได้เพียงยืนกรีดร้อง
ฉัวะ!
เซี่ยงเส้าหยุนชักดาบออก และฟันไปที่อสรพิษทองคํา ตัวนั้นเป็นสองส่วน เขาตะโกน “สัตว์ร้ายเหล่านี้กินเนื้อมนุษย์ หากเจ้าไม่สังหารพวกมัน ก็จงเป็นอาหารให้แก่พวกมันเสียจงอย่ากลัวและสู้สุดใจ
ดาบหมาป่าทองคําของเซี่ยงเส้าหยุนร่ายรําผ่านอากาศ มัน ฟาดฟันสัตว์ร้ายที่ละตัว ย้อมแม่น้ําให้กลายเป็นสีโลหิต หลังจากลู่เสี่ยงฉิง และเซี่ยหลิวฮุยได้ยินคําของเซี่ยงเส้าหยุนพวกกเขาต่างก็ ได้สติ ความกล้าได้ผุดขึ้นและเข้าร่วมการต่อสู้
ไม่ช้า เรือบางลําได้แยกตัวออกจากการปิดล้อมสัตว์ร้ายเพื่อเข้า สู้หุบเขาแม่น้ําทองคําได้อย่างเหมาะสมนอกจากนี้ยังมีเรือบางลําที่ถูกสัตว์ร้ายยึดครองและกลายเป็นรังของสัตว์ร้าย
ในเรือลํานั้น ไม่มีศิษย์คนใดรอดชีวิต พวกเขาทั้งหมดได้กลายเป็ นอาหารสัตว์ร้าย ราวกับภาพวาดที่น่ากลัวเกินกว่าจะมีผู้ใดมองโชคดีที่เรือของตําหนักยุทธ์สามารถผ่านเข้าไปได้อย่างปลอดภัย
แม้ว่าตําหนักยุทธ์จะไม่ใช่หนึ่งในสถาบันสิบอันดับแรก พวกเขา ยังคงอยู่ที่ยี่สิบสามในระหว่างการประลองเมืองครั้งก่อนหากพวกเขาไม่สามารถฝ่าด่านนี้ไปได้ พวกเขาคงต้องลืมเป้าหมายการเข้าสู่สิบอันดับแรก
ด้วยบางเหตุผล หลังจากผ่านการปิดล้อมของสัตว์ร้าย แม่น้ํา ได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง อสรพิษวารีทองคําและจระเข้ทองคําก็ไม่สนใจไล่ตามพวกเขาอีกความจริงแล้ว เมื่อพวกเขามองเข้าไปในตา ของพวกมัน ก็พบแต่ความหวดกลัว
ภายในหุบเขาแม่น้ําทอง เรือจํานวนมากจอดเทียบท่า และเห ล่าศิษย์ลงจากเรือ หุบเขาแม่น้ําทองคําแท้จริงแล้วมันคือเกาะบนเกาะนั้น สามารถมองเห็นหินรูปร่างแปลกประหลาด ต้นไม้ และพืชพรรณมากมาย รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่ทรุดโทรม
จากที่ห่างไกล นอกเหนือจากความจริงที่ทุกสิ่งบนเกาะเป็นสีทอ งแล้ว มันก็ไม่ได้พิเศษอะไรด้วยเป็นที่อาศัยของอสรพิษจระเข้ทองคําพวกมันกลายพันธุ์มาจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ระหว่างอสรพิษวารีทองคําและจระเข้ทองคํา พวกมันจึงมีพลังที่น่ากลัว
มีข่าวลือกันว่าที่นี่มีราชาอสรพิษจระเข้ทองคํา แต่ก็เป็นเพียงแค่ ข่างลือ เหล่าศิษย์กระจายตัวทันทีและเริ่มออกล่าอสรพิษจระเข้สีทอง
ศิษย์ที่ฉลาดกว่าบางคนมุ่งไปที่ซากปรักหักพัง พวกเขาได้ยินจา กเหล่าผู้อาวุโสว่าซากปรักหักพังเหล่านั้นถูกทิ้งโดยองกรณ์ที่ ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรือง และมีอํานาจแข็งแกร่งที่สุดในนครขอบนภาพบางที่พวกเขาอาจได้มีโอกาสพบเข้าโดยบังเอิญ
“ทุกคน ฟังข้า เราจะต้องทํางานร่วมกัน และสังหารอสรพิษจระ เข้ทองคํา อย่าได้แยกตัวไปเด็ดขาด!” โม่ซูกล่าว
โม่ซูเปี่ยมไปด้วยภาวะผู้นํา ดังนั้น พวกเขาจึงเต็มใจที่จะเชื่อฟัง ในตอนนั้นเอง มีใครบางคนร้องเตือน “เซี่ยงเส้าหยุนอยู่ไหน? เขาหายไปไหนกัน”
ทุกคนต่างมองไปรอบด้านและพบว่าเซี่ยงเส้าหยุนได้หายไปเสีย
แล้ว