ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 124 : บรรลุระหว่างฝ่าวิกฤติ

ตอนที่ 124 : บรรลุระหว่างฝ่าวิกฤติ

 

ราชาเหนือราชั้น ตอนที่ 124 : บรรลุระหว่างฝ่าวิกฤติ

 

ซุนซงหลี่เป็นหนึ่งในศิษย์จากนิกายหุบเขาทมิฬจากเมื่องหุบเขาทมิฬ เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปี และเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพขั้นแรก เขารวบรวมพลังทั้งหมด และปล่อยออกมาสร้างเป็นร่างเงาหลายร้างพุ่งตรงไปยังเซี่ยงเส้าหยุน และเสี่ยวไป

เงาซ้อนสังหาร

 

แม้ว่าทั้งสองดูจะหมดสิ้นหนทาง แต่ซุนซงหลีก็ไม่ประมาทเขาโจมตีด้วยพลังเต็มกําลัง สร้างร่างเงา และภาพร่างของดาบไปทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งทําลายทุกสิ่ง และเปลี่ยนหญ้าที่ขวางทางกลายเป็นผงละเอียด ทั้งเซี่ยงเส้าหยุน และเสี่ยวไปสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายจากการโจมตีนั้น พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน

 

“เจ้าต้องการสังหารข้าหรือ? ข้าจะสังหารเจ้าก่อน!” เซี่ยงเส้าหยุนคําราม และหยุดระงับพลังงานดวงดาวภายใน ปล่อยให้มันไหลเวียนผ่านเส้นโลหิต และเส้นลมปราณ ทําให้ร่างกายเต็มไปด้วยพลังงานในทันที จุดฝังเข็มทั้งสามร้อยหกสิบห้าเริ่มส่องสว่าง และบาดแผลเริ่มฟื้นตัวจากพลังงานดวงดาวที่แล่นผ่าน

 

ในขณะที่ระดับยุทธ์ของเซี่ยงเส้าหยุนกําลังบรรลุสู่ขั้นแปดเวลาเดียวกันนั้น กระดูกสายฟ้าเริ่มตอบสนองเมื่อมังกรสีม่วงพยายามหลบหนีจากมัน เก้าดวงดาว และทะเลจักรวาลดวงดาวก่อให้เกิดเสียงสะท้อนกับกระดูก สร้างเป็นแม่น้ําดวงดาวเชื่อมโยงทั้งหมด ในขณะที่ออร่าอันไร้ของเขตของเซี่ยงเส้าหยุนพุ่งสู่จุดสูงสุด

 

ในตอนนั้น ดาบของซุนซงหลี่ได้มาถึงหน้าผากของเซี่ยงเส้าหยุน เขาโจมตีหมายจะสังหาร ในเวลาคับขันเช่นนี้ มีพลังงานสีม่วงก่อรูปเป็นเกราะคุ้มกันห่อหุ้มทั้งร่างกายของเซี่ยงเส้าหยุนเครั้ง!

 

เกราะคุ้มกันสีม่วงป้องกันดาบ

 

“สร้างรูปร่างของพลังงานหรือ? อะไรกัน? ทลาย!” ซุนซงหลี่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งเปลี่ยนแปลง เขาตะโกน และผลักดันตนเองให้ก้าวข้ามขีดจํากัด ด้วยปลดปล่อยพลังมากกว่าปกติ และเริ่มจดจ่อกับดาบในมือ เขาไม่อาจปล่อยให้การโจมตีครั้งนี้ต้องล้มเหลว

 

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มถอยหลังจากดาบที่พุ่งตัวเข้ามา รอยแตกปรากฏขึ้นในเกราะคุ้มกัน ดาบเจาะลงไปในเกราะได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และมันสามารถเจาะเข้าไปในหน้าผากเขาได้แน่

 

ภายใต้แรงกดดันระหว่างความเป็นความตาย เซี่ยงเส้าหยุนได้ก้าวเข้าสู่จุดสุดท้ายในการบรรลุ ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ เขาพยายามเอนตัวไปด้านข้าง และหลบดาบ ก่อนจะยกมือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บมาก แล้วชี้ไปที่ซุนซงหลี่

 

ซุนซงหลี่อยู่ตรงหน้าเซี่ยงเส้าหยุน ดังนั้น ในขณะเซี่ยงเส้าหยุนหลบดาบ เขาจึงเหวียงดาบไปด้านข้าง

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุน หากไม่อาจสังหารเด็กหนุ่มตรงหน้าได้ในตอนนี้ จะไม่มีโอกาสอีก”เขาคิดถูก แต่โชคร้าย ด้วยตัดสินความแข็งแกร่งของเซี่ยงเส้าหยุนผิด

 

ชายหนุ่มฟันใส่เกราะคุ้มกันอีกครั้ง จนกระทั่งสามารถเจาะทะลุมันได้เล็กน้อย ดาบกระทบเข้าที่ไหล่ของเซี่ยงเส้าหยุน แม้จะเป็นไปได้ ด้วยเซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้งานดัชนีทลายดวงดาวจึงทําให้เกราะคุ้มกันอ่อนกําลังลง

 

ตุ้ม!

 

ซุนซงหลี่ให้ความสําคัญกับการสังหารเซี่ยงเส้าหยุน และไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะตอบโต้ได้รวดเร็วเช่นนี้ การโจมตีนั่นสร้างหลุมโลหิตขนาดใหญ่บนร่างกาย เขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เซี่ยงเส้าหยุนผสมผสานการโจมตีกับสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิดดังนั้น มันจึงมีพลังทําลายล้างอันน่ากลัว

 

ซุนซนหลีหมดหนทางอย่างสมบูรณ์ต่อสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิดได้เข้ามาในร่างกาย มันทําลายอวัยวะ และ พลังของเขาเองก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

 

“พูดมา! เหตุใดจึงพยายามสังหารข้า?” เซี่ยงเส้าหยุนถามเขาเพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บของตนเอง

 

ซุนซงหลี่จ้องไปที่เซี่ยงเส้าหยุนอย่างไม่น่าเชื่อ เลือดไหลออกจากปาก เขากล่าวคําพูดสุดท้ายอย่างยากลําบาก“นะนิกายหุบเขาทมิฬ จ-จะไม่วาง…”

 

เขาหายใจเฮือดสุดท้าย ก่อนจะเงียบลง

 

“นิกายหุบเขาทมิฬหรือ? หนึ่งในสถาบันสิบอันดับแรกนั้นหรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนขมวดคิ้ว เขาไม่มีเวลาไตร่ตรองนัก ด้วยคว้าแผ่นหยกของซุนซงหลี่ และโอนคะแนนทั้งหมดไปที่แผ่นหยกของตนเอง ด้วยเขามีคะแนนมากกว่าหนึ่งพันแต้ม นี่เป็นของขวัญอันล้ําค่าของซุนซงหลี่

 

ตอนนี้ เซี่ยงเส้าหยุนมีคะแนนสูงสุดในการแข่งขัน แต่เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ด้วยกังวลมากกว่าเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเสี่ยวไป แม้จะบรรลุขั้นแปด แต่อาการบาดเจ็บที่รุนแรงเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเพราะเสียเลือดมากจึงต้องหาที่ปลอดภัยเพื่อพักรักษาตัว

 

โชคดีนัก ที่อสรพิษจระเข้ทองคําในบริเวณนี้ถูกสังหารลงจนหมด บริเวณนี้จึงปราศจากสัตว์ร้ายชั่วคราว ยิ่งไปกว่านั้นมันค่อนข้างออกนอกเส้นทาง และไม่น่ามีผู้ใดมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเลือกหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้

 

จากนั้นเขาหยิบเห็ดโลหิตออกมา ซึ่งเป็นยาวิญญาณระดับต่ํา และป้อนมันแก่เสียวไปเพื่อช่วยเพิ่มพลัง นอกจากนี้ยังเขายังกินโสมเลือดที่เก็บไว้ในทะเลจักรวาลดวงดาวโดยตรงเพื่อนฟูร่างกายของตนเอง และยังหยิบยาเก่าจํานวนมากออกมาและผสมมันให้เข้ากันก่อนที่จะใช้รักษาบาดแผลภายนอกของ

ตนเอง และสหาย

 

ด้วยทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถต่อสู้ได้ในตอนนี้ ที่แย่กว่านั้นคือแขนข้างหนึ่งของเซี่ยงเส้าหยุนหักมันไม่ง่ายเลยที่จะฟื้นฟูกระดูกแขน ก่อนอื่นเขาต้องซ่อมแซมกระดูกตนเองที่หายไป ก่อนที่จะเริ่มฟื้นฟูแขน

 

“มันคงไม่ยากนักที่จะปรับสภาพกระดูกที่เคลื่อน หากมีผู้อื่นอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนเราต้องพึ่งตัวเอง” เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจจากนั้นเขาตัดสินใจเคลื่อนไหวเพียงลําพัง ด้วยคาดว่าจะพบกับความยากลําบากอีกมาก แต่ก็จะไม่เสียใจที่ตัดสินใจ เช่นนี้เพราะเขามีหัวใจที่แน่วแน่ และแข็งแกร่ง ตอนนี้บรรลุ ขั้นแปดแล้วดังนั้นความเร็วในการฟื้นฟูของเขาจึงเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน

หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้น การฟื้นตัวของเขารวดเร็วมาก เพราะเกิดจากการกินโสมเลือดเข้าไป และการบรรลุก็เป็นไปได้ด้วยดี เด็กหนุ่มเดินไปที่ก้อนหิน ยัดแขนข้างที่หักไว้ในช่อง และบิดร่างกายตนเอง

 

แครัก!

 

เขาตัดกระดูกที่เคลื่อนให้กลับเข้าไปในตําแหน่งที่ถูกต้องเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก และใบหน้าเผยถึงความเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เสียงเล็ดลอดไปได้

 

“ในที่สุดฉันก็สามารถทําสมาธิได้ตามปกติแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจอย่างโล่งอก และกลับไปที่เดิม ก่อนจะกินเนื้อสัตว์แห้ง และเริ่มทําสมาธิ เปิดใช้งานตําราราชันพิชิตสวรรค์ก่อนจะส่งพลังงานจํานวนมากไปที่บาดแผล เพื่อช่วยฟื้นฟูมันโดยเร็ว

 

ด้วยไม่ทันสังเกตว่าข้างกายของเสี่ยวไปที่กําลังหลับใหล มีออร่าสีทองจาง ๆ อยู่รอบตัว อาการบาดเจ็บกําลังรักษาตัวอย่างรวดเร็ว และแม้แต่ออร่าปีศาจก็แข็งแกร่งขึ้น

 

“แต่มันช้าเกินไป หากยังคงทําต่อไป จะให้ฟื้นฟูอย่าวเต็มที่คงต้องใช้เวลาถึงสิบวัน หรืออาจจะครึ่งเดือนด้วยซ้ํา ในเวลา นั้นมันอาจจะสายเกินกว่าจะทําสิ่งใดเพื่อการแข่งขันเสียแล้วเราต้องคิดหาวิธีอะไรสักอย่าง เซียงเส้าหยุนครุ่นคิด

 

จากนั้น เขาจ้องมองเข้าไปภายในกระดูกสายฟ้า มันมีสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิดซึ่งเป็นพลังทําลายล้างที่ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คนใดสามารถป้องกันได้ ยิ่งกว่านั้น กระดูกยังมีความสามาร ถอันมหัศจรรย์ในการกลืนพลังงานสายฟ้าเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น

 

“เราคงต้องลองดูเสียก่อน” เซี่ยงเส้าหยุนลังเล ก่อนจะเปิดใช้งานกระดูกสายฟ้า สายธารพลังงานสายฟ้าเริ่มพุ่งเข้าหา

 

บาดแผล

 

เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!

 

ทันใดนั้น ความรู้สึกชาไปทั่วทั้งร่างกาย ขณะเขามีสีหน้าที่เจ็บปวด

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset