ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 45 : สู้เขานะ!

เช่นเดียวกันเซี่ยงเส้าหยุนอุ้มเสี่ยวไป่ และหลบซ่อนทันที เมื่อกลุ่มคนปรากฏตัวตรงหน้า

“เจ้าเด็กนั่น! เขาไม่มีวันออกจากเทือกเขาร้อยอสูรได้แน่นอน!  ไม่แปลกใจเลย ที่ไม่พบเขาแม้จะรอด้านนอกถึงครึ่งเดือน เราต่างก็คิดว่าสัตว์อสูรเขมือบเขาไปแล้ว!” บุคคลที่อยู่แถวหน้าตะโกน ขณะต้องมองไปที่เซี่ยงเส้าหยุน

ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพบกับชายสี่คน พวกเขาต่างขี่สัตว์ที่น่ากลัว ชายผู้ที่เห็นเซี่ยงเส้าหยุน เรียกตัวเองว่าหยานเทียนหมิง เขาขี่สิงโตซึ่งเป็นปีศาจชั้นกลางระดับสอง

“บ้าฉิบ! มันคือคนของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่ง!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกในทันที มองดูชายทั้งสี่กำลังเข้าล้อมเขา ไม่ใช่การกระทำที่สมจริงอย่างใด ด้วยเขาไม่ทราบถึงความแข็งแกร่งของชายทั้งสี่ เขาไม่ต้องการเสี่ยง จึงพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้

“เจ้าคิดจะหนีไปไหน? จะแอบย่องไปด้านหลังเรารึ!” หยานเทียนเหมินตะเบ็ง ขณะชี้ไปที่เซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังจะหลบหนี ในขณะออกคำสั่ง เขาเหวี่ยงหอกเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน

หอกที่โกรธเกรี้ยวตัดผ่านอากาศ พุ่งไปตรงด้านหน้าของเด็กหนุ่ม เขาตกใจอย่างมาก เมื่อถูกบังคับให้หยุด ทันทีที่หยุด ชายสองคนจับเขาขึ้นไปบนสัตว์ขี่ ดาบและกระบี่พุ่งตรงมาที่หลัง

ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามยังคงฟื้นตัวจากการโจมตีพลาด เขาเพ่งสมาธิเพื่อรวบรวมพลังไปที่หมัด และต่อยออกไปสองครั้งที่ร่างของสัตว์อสูร

“โฮก! โฮก!”

หมัดของเซี่ยงเส้าหยุนทำให้สัตว์ทั้งสองคำราม และสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด ทำให้สัตว์ทั้งสองรีบแจ้นไปทันที ด้วยต้องการหนีไปให้พ้นจากเซี่ยงเส้าหยุนด้วยความเร็วเท่าที่พวกมันจะทำได้ ชายทั้งสองที่ขี่สัตว์ร้ายเป็นผู้โชคดี ด้วยความพยายามจะหลบหนี สัตว์ร้ายเหวี่ยงชายทั้งสองออกจากหลังอย่างแรง!

“ตาย!” ดวงตาของเซี่ยงเส้าหยุนแสดงถึงความโกรธ เขาใช้โอกาสนี้ฟันกระบี่ตัดหินผาออกไป กระบี่ส่องแสงเจิดจ้าเข้าใส่ชายทั้งสอง!

ชิ้ง!

หัวของชายคนแรกถูกตัดออกและลอยไปไกลจากร่าง เช่นเดียวกันนั้น เซี่ยงเส้าหยุนกำลังจะบั่นคอคนที่สอง แต่กลับโดนหยานเทียนหมิงเข้ามาขวางไว้เสียก่อน

“ช่างเป็นเด็กที่ร้ายกาจอะไรเช่นนี้! ทว่า ข้าจะเป็นผู้จัดการเจ้าเอง!” หยานเทียนหมิงคำรามก่อนจะเหวี่ยงหอกในมือ เกิดเส้นพลังดาวดาวตามหลัง ยาวกว่าสี่เมตร

หยานเทียนหมิงมีค่าพอจะบรรลุระดับดวงดาวขั้นสี่ เซี่ยงเส้าหยุนฟันกระบี่ในมือออกไปอีกครั้งทันที ปล่อยพลังทำลายออกมาจากกระบี่อีกครั้ง

เคร้ง!

การระเบิดของพลังรุนแรงจากอาวุธทั้งสองที่กระทบกัน เซี่ยงเส้าหยุนถูกบังคับให้ถอยหลัง นอกจากนี้กระบี่ตัดหินผายังเกิดรอยแตกหลายจุด

“เขาอาจเป็นยอดฝีมือขั้นสามหรือสี่ก็ได้!” เซี่ยงเส้าหยุนวอกแวก

เมื่อสบโอกาส ชายผู้นั้นเริ่มโจมตีอีกครั้ง หมายจะสังหารเซี่ยงเส้าหยุน

เซี่ยงเส้าหยุนตอบสนองทันที แม้ยังคงมีแผลยาวที่แขน ทำให้เลือดไหลทะลักออก ด้วยผู้ที่โจมตีนั้นควงอาวุธของตน และแทงตรงไปที่เซี่ยงเส้าหยุน พลังที่ปล่อยออกมาในช่วงแรกของยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสาม แสงเบาบางที่พุ่งออกมานั้นเป็นการโจมตีที่รุนแรง

เซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้พรสวรรค์แห่งสัญชาตญาณ และมองเห็นวิถีการโจมตีอย่างชัดเจน ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่การโจมตีของหยานเทียนหมิง ซึ่งมาจากทิศทางตรงข้าม ก็ช้าลงอย่างชัดเจนในสายตาของเขา

ยอดฝีมือระดับดาวดาวขั้นหนึ่งนั้นยากลำบากในการเอาชีวิตรอดจากการโจมตีที่รุนแรง แต่เซี่ยงเส้าหยุนใช้การเคลื่อนไหวที่แยบยล เพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีทั้งสอง ในขณะเดียวกันเขาตะโกน “เสี่ยวไป่ โจมตี!”

ชั่วขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนตะโกน เสี่ยวไป่ที่เกาะอยู่บนไหล่เริ่มเคลื่อนไหว

“เมี้ยว!”

เสี่ยวไป่เคลื่อนไหวราวกับแมวที่คล่องแคล่ว และในพริบตา มันพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสาม

“อ๊าก! อ๊าก!”

ชายผู้นั้นร้องออกมาอย่างน่าสมเพช ขณะที่เสี่ยวไป่ข่วนอย่างโกรธเกรี้ยวบนใบหน้า ใบหน้าของเขาจะต้องเสียโฉมไปตลอดกาล ในขณะที่เสี่ยวไปดึงความสนใจอีกคนนั้น เซี่ยงเส้าหยุนกวาดกระบี่ตัดหินผาเข้าใส่หยานเทียนหมิงด้วยพลังทั้งหมด

วิชาผ่าทลายภูผา!

พลังจากกระบี่แม้จะดูเชื่องช้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตรงไปยังช่องโหว่เล็ก ๆ ที่หยานเทียนหมิงไม่ทันระวังตัว

ในขณะเดียวกัน หยานเทียนหมิงสามารถปลดปล่อยวิชาโจมตีได้เพียงครึ่งเดียว เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงการโจมตีของเซี่ยงเส้าหยุนที่กำลังคุกคาม ดังนั้นเขาต้องต้องเปลี่ยนไปตั้งท่าป้องกันแทน เขาปล่อยการโจมตีอีกครั้งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน ขณะสาบานว่าจะจัดการศัตรูตรงหน้าโดยเร็ว ทว่าเขาทำได้เพียงโจมตีได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะโจมตีมาที่ช่องโหว่ของเขาอีกครั้ง บังคับให้เขาต้องถอยหลังไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘ช่างเป็นเด็กที่แปลก เหตุใดเขาจึงสามารถมองเห็นการโจมตีของเราได้?’ หยานเทียนหมิงคิดกับตนเอง เขาตะเบ็ง “ข้าไม่ยอมรับว่าเจ้าจะสามารถมองเห็นท่วงท่าของข้าได้ทั้งหมดหรอก! ตายเสีย!”

ในที่สุดหยานเทียนหมิงก็เอาจริง และตัดสินใจสังหารเซี่ยงเส้าหยุนโดยเร็วที่สุด เขาเริ่มแสดงพลังที่แท้จริง รัศมีสีทองกระเพื่อมออกจากหอกยาว จุดส่องสว่างราวกับดาวดาวบนท้องฟ้ายามราตรี หอกเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว และควบคู่ไปกับการปลดปล่อยแสงประกายออกมา ไม่ว่าผู้จะต้องมีปัญหาจากการมองมันโดยตรง

พรสวรรค์ในการมองของเซี่ยงเส้าหยุนไม่อาจมองท่วงท่าใหม่นี้ได้ และเขาถูกบังคับให้ตั้งท่าป้องกันทันที

เคร้ง! เคร้ง!

พวกมันปะทะกัน เกิดเป็นพลังดาวดาวพุ่งไปทั่วทุกหนแห่ง ทำลายพืชพรรณรอบข้างทั้งหมด แม้แต่กระบี่ของเซี่ยงเส้าหยุนก็ยังแตกหักลงระหว่างปะทะเช่นกัน

“เมื่อไร้ซึ่งอาวุธ ก็ถึงเวลาตายของเจ้า!” หยานเทียนหมิงยิ้มขณะตะโกน และเริ่มโจมตีใส่เซีย่งเส้าหยุนอีกครั้ง แต่ภายในของเขารู้สึกท้อแท้ ‘เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูนี่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรก แต่กลับสามารถปัดป้องเราได้อย่างไรกัน? เราจะต้องสังหารเขาเสีย! ไม่ควรปล่อยให้เขาได้เติบใหญ่!’  หยานเทียนหมิงมีชื่อเสียงในฐานะนักล่าซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ในป่า ช่วงเวลาเผยช่องว่าง เขาจะจู่โจมอย่างไม่ลดละ เพื่อไม่ให้เซี่ยงเส้าหยุนได้มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบออก

เซี่ยงเส้าหยุนเปิดใช้งานก้าวราชันเก้าปรโลกเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตี แม้จะยังมีบาดแผลมากมายบนร่างกายก็ตาม

“ในเมื่อข้าไม่สามารถหลบหนีได้ ข้าจะขอเตือนทุกสิ่งผ่านสายลม!” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นพึมพำขณะดวงตาฉายแววไร้ความปราณี

ทำให้หอกที่กำลังแทงมาที่เซี่ยงเส้าหยุนพลาดเป้า และแม้หยานเทียนหมิงจะมิได้รอบรู้  ในตอนนั้นเองเซี่ยงเส้าหยุนปลดปล่อยพลังทั้งหมดและต่อยด้วยมืออีกข้าง ปราณสีม่วงหมุนไปรอบหมัดที่เกรี้ยวกราดขณะที่มันพุ่งไปด้านหน้า

หมัดอัสนีบาต!

หมัดนั้นพุ่งไปอย่างแรง เต็มไปด้วยพลังของสายฟ้า! หยานเทียนหมิงไม่คาดคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะระเบิดพลังดังกล่าวออกมาได้ แต่เขายังคงเป็นยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสี่ จึงโต้กลับด้วยหมัดทันที

ตู้ม!

เมื่อสองหมัดปะทะกัน เกิดเสียงดังสนั่น ผลกระทบโดยตรงทำให้หยานเทียนหมิงลอยไปจากสัตว์พาหนะ ความเจ็บปวดรุนแรงราวกับถูกฟ้าผ่าเข้าที่มือ เซี่ยงเส้าหยุนดูราวกับปีศาจร้ายขณะที่จับหยานเทียนหมิง และชักดาบออกมา ดาบสะบั้นไปด้านหน้า และเกิดพลังงานฉาบในอากาศราวกับสายรุ้ง

“ไม่!” หยานเทียนหมิงจ้องมองขณะที่ดาบกำลังคืบคลานเข้ามา ดวงตาเบิกกว้าง ด้วยไม่อาจป้องกันตัวเองได้ทันเวลา ดาบฟันผ่าอากาศ แยกหัวออกจากร่างกาย เช่นเดียวกันกับที่ยอดฝีมือระดับดวงดาวขั้นสี่ตาย

เมื่อสหายของหยานเทีนยหมิงเห็นเช่นนั้น เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และเมื่อเซี่ยงเส้าหยุนชำเลืองมอง เขาเริ่มก้าวถอยหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับเซี่ยงเส้าหยุน

“จะ-เจ้าฆ่าข้าไม่ได้! ขะ-ข้าเป็นถึงสมาชิกของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งเชียวนะ!” เขาพูดติดอ่างขณะที่ถอยออกไป

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset