ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 71 : ข้าเกลียดกระดูกนี่!

ชายแก่ขี้เมามิได้กล่าวสิ่งใดต่อคำขอของเซี่ยงเส้าหยุน เขาทราบดีว่าเซี่ยงเส้าหยุนต้องการเติบโตโดยปราศจากการปกป้อง และเข้ามิอาจหาข้อแก้ตัวเพื่อปฏิเสธคุณชายของตนได้

“มิต้องกังวลไป ตาแก่ ข้ามียอดฝีมือระดับราชาคอยคุ้มกันอยู่ ที่นี่ ไม่มีคนธรรมดาคนใดสามารถทำร้ายข้าได้ แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม ข้ามั่นใจว่า ข้าจะเป็นใหญ่ในภายภาคหน้า คงมิอาจถูกสังหารโดยง่ายเช่นนี้” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว เขาพยายามอธิบายต่อตั้วจื่อ เพื่อให้ชายแก่คลายกังวล

“บางทีข้าควรไปหาผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาตัวน้อยอีกสักสองสามคน เขาเพียงคนเดียวเพียงพอจะคุ้มกันท่านหรือ?” ชายแก่ขี้เมาเสนอ หากมีผู้ใดได้ฟังคำเหล่านั้น พวกเขาคงจะตกใจสุดขีด ระดับราชานั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกเรียกว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาตัวน้อย” ด้วยปากของเขา

“ไม่ เราต้องซ่อนตัวในตอนนี้ ก่อนที่จะไปหาน้องสาวของข้า คอยปล่อยข่าวลือผิด ๆ เสียด้วย ข้าเชื่อว่ามันจะช่วยซื้อเวลาให้ได้” เซี่ยงเส้าหยุนผายมือ

ทั้งสองคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะถามถึงอาวุธราชาทั้งสอง เกราะราชาทั้งสอง และศิลาวิญญาณอีกเล็กน้อย ขณะที่อู่ฝูเซี่ยงซึ่งโดนคลื่นเสียงโจมตีจนหมดสติลง เซี่ยงเส้าหยุนต้องการสังหารด้วยจนเอง และยังพบว่าอู่ฝูเซี่ยงนั้นเป็นปรมาจารย์แห่งตระกูลอู่ เช่นนั้น นับจากนี้เขาจะถือว่าตระกูลอู่เป็นศัตรูอย่างเป็นทางการ

ชายแก่ขี้เมาต้องการฆ่าล้างตระกูลอู่ก่อนที่จะจากไป แต่เซี่ยงเส้าหยุนได้ห้ามไว้ เด็กหนุ่มต้องการฆ่าล้างตระกูลอู่ด้วยมือตนเอง มันจะเสียเปล่าหากตั้วจื่อเป็นผู้จัดการเรื่องนี้

หลังจากจัดการอู่ฝูเซี่ยง เซี่ยงเส้าหยุนได้เก็บเอาหม้อไว้กับตนเอง และยังเก็บเอาของภายในห้องลับนั่นจดสะอาดหมดจด ห้องนี้เป็นห้องที่อู่ฝูเซี่ยงใช้ฝึกยุทธ์ จึงมีสมบัติมากมายถูกเก็บไว้ และยังมีศิลาวิญญาณระดับต่ำ ยาวิญญาณ และอาวุธอีกจำนวนหนึ่ง

“หืม? นี่มันศิลาอัสนีนี่!” เซี่ยเส้าหยุนพึมพำด้วยความตื่นเต้น เมื่อพบกับหินสีม่วงขณะที่เก็บสมบัติภายในห้อง นอกเหนือจากสีแล้ว มันดูราวกับศิลาทั่วไป แต่เมื่อพยายามแตะมัน พลังงานไฟฟ้าได้ปรากฏรอบศิลา  แม้แต่ยอดฝีมือระดับแปรสภาพก็คงไม่กล้าแตะต้องมัน

ศิลาก้อนนี้เต็มไปด้วยพลังอัสนี นับเป็นศิลาระดับราชา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการสร้างอาวุธราชา และค่อนข้างเสียเปล่าหากอู่ฝูเซี่ยงปล่อยศิลาอัสนีซึ่งมีค่านี้ให้ฝุ่นเกาะ

“คุณชาย ให้ข้าผนึกศิลาอัสนีให้ท่านก่อนเถิด ท่านน่าจะได้ใช้มันในภายภาคหน้า” ตั้วจื่อเสนอ

“ไม่เป็นไร ข้าจะใช้มันเดี๋ยวนี้” เซี่ยงเส้าหยุนผายมืออีกครั้ง และเอื้อมมือไปหยิบศิลา

แม้ตั่วจื่อต้องการหยุดเขาไว้ แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย เขาจึงมิทำสิ่งใด ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนหยิบศิลาอัสนี มันเริ่มปล่อยกระแสไฟฟ้าออก แต่เมื่อกระแสไฟฟ้าสัมผัสกับร่างกาย กระดูกสีม่วงภายในได้ดูดซับพลังนั้นเข้าไปโดยตรง

“หืม?”

เซี่ยงเส้าหยุนขมวดคิ้วต่อสิ่งที่เกิด พลังงานไฟฟ้าทำให้เด็กหนุ่มมึนงง แต่ก็ไม่ได้ทำอันตรายใด มิหนำซ้ำเขายังรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น

“อีกแล้วรึ!” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำก่อนที่จะจับศิลาแน่น ตอนนั้นเอง เขากระตุ้นพลังงานไฟฟ้าจากหิน ทำให้พลังไฟฟ้าหมุนเป็นเกลียวขดรอบมือ

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

พลังงานไฟฟ้าสายฟ้าซึ่งสามารถทำลายล้างทุกสิ่ง ไม่เว้นแม่แต่ผิวหนัง แต่ตอนนั้นเอง มีบางสิ่งเกิดขึ้น ร่างของเซี่ยงเส้าหยุนดูเหมือนจะสามารถรวบรวมกระแสไฟฟ้าได้เองตามธรรมชาติ และยังดูดซับเอาพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดเข้าไปในร่างกายในทันที

หลังจากที่ดูดซับพลังงานทั้งหมด ศิลาอัสนีเริ่มจางลง ชายแก่ขี้เมาเป็นพยานต่อทุกสิ่ง แววตาเผยความประหลาดใจ แม้แต่เซี่ยงเส้าหยุนเองก็สับสน

“ดูเหมือนมีบางสิ่งภายในตัวข้าถูกปลุกขึ้น” เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำกับตนเอง

“คะ คุณชาย นะ นี่ท่านอาจปลุกกระดูกอัสนี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดของตระกูลเซี่ยง!” ชายแก่ขี้เมาร้องออกด้วยเสียงสั่นเทา

“กระดูกอัสนีของตระกูลเซี่ยงหรือ? ก็อาจเป็นได้” เซี่ยงเส้าหยุนพยักหน้า

เมื่อชายแก่ขี้เมาได้เห็นเซี่ยงเส้าหยุนไม่แยแสเช่นนี้ เขาจึงกล่าว “คุณชาย ท่านไม่ยินดีหรือ? หากเจ้าสำนักเองก็ยังเสียใจที่ไม่สามารถปลุกกระดูกอัสนีได้ เมื่อครั้งยังมีชีวิต แต่ท่านกลับปลุกมันขึ้นได้ ท่านควรจะดีใจที่ทำได้!”

“ข้าควรรู้สึกยินดีด้วยรึ? ท่านพ่อเป็นถึงผู้สืบทอดที่แท้จริงแห่งตระกูล ข้าเกลียดตระกูลนั้น และข้าเกลียดกระดูกนี่ด้วย!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว สีหน้าเผยความขุ่นเคือง

“โอ้ คุณชาย ลืมมันไปเสีย ไม่ว่าอย่างไร การที่กระดูกอัสนีตื่นขึ้นจะช่วยเพิ่มพูนพลังการต่อสู้ของท่าน และยังทำให้ท่านได้ล้างแค้นได้ง่ายขึ้นในภายภาคหน้าด้วย” ชายแก่ขี้เมากล่าว

“อืม” เซี่ยงเส้าหยุนตอบสนองเพียงคำสั้น เขากล่าว “ไปกันเถอะ เอาของทั้งหมดนี่ไปที่พำนักของข้า และเจ้าก็ควรไปได้แล้ว ในแปดหรือสิบปีข้างหน้า ข้าจะย้อนกลับไปที่สำนักอีกครั้ง!”

“ขอรับ คุณชาย!” ตั้วจื่อตอบกลับ ขณะต้องมองใบหน้าที่โหยหา ในอดีต เขายังจำได้ว่าคุณชายของตนนั้นทั้งเยาว์วัย และอ่อนต่อโลก พรสวรรค์ของเขาเคยเกือบจะเสียเปล่าเพราะปฏิเสธการฝึกฝน แต่ตอนนี้ เขาดูเหมือนคุณชายผู้พบแสงสว่างนำทาง

เซี่ยงเส้าหยุน และชายแก้ขี้เมาออกจากห้องลับ และมาถึงอาคารรกร้าง

“เมี๊ยว!”

ตอนที่เด็กหนุ่มปรากฏตัวขึ้น มีเสียงร้องดังจากใกล้เคียง และร่างสีขาวพุ่งเข้าหาเขา เสี่ยวไป่กระโดดเข้าสู่อ้อมแขนนั่น เซี่ยงเส้าหยุนลูบหัวเสี่ยวไป่ และกล่าว “เจ้าหนูน้อย ข้าคงทำให้เจ้ากังวลสินะ”

เสี่ยวไป่ถูกเซี่ยงเส้าหยุนลูบหัว ได้เลียที่ฝ่ามือของเด็กหนุ่ม ทำให้หัวใจของเซี่ยงเส้าหยุนอบอุ่น

“เจ้าควรได้รับก้านยาเก่านี่” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว ขณะหยิบเอาก้านยาเก่ามาป้อนเสี่ยวไป้ เจ้าเสือน้อยกลืนยาเก่านั่นในทันที

“เมี๊ยว!”

หลังจากกลืนก้านยาเข้าไป เสี่ยวไป่ร้องขึ้นอีกครั้ง

“เหอะ เหอะ เจ้านี่ตระกละเสียจริง วันนี้ข้าจะให้เจ้ากินได้ไม่อั้นเลยเชียว!” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะ และเริ่มป้อนก้านยาเก่าอีกสองถึงสามก้าน หลังจากกินทั้งหมดเข้าไปทำให้เสี่ยวไป่รู้สึกพอใจมาก

ชายแก่ขี้เมากล่าว “คุณชาย เสือลายตัวนี้ดูเหมือนจะมีเชื้อสายแห่งราชา แต่มันไม่เหมาะเป็นสัตว์ให้ท่านได้ขี่ ใช้ไหมขอรับ?”

“มิเป็นไร ตั้งแต่ที่มันมาอยู่กับข้า ข้าจะทำให้มันแข็งแกร่ง หากวันหนึ่งมาถึง มันจะเป็นเสืออสูรที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมา!” เซี่ยงเส้าหยุนประกาศ

และเมื่อเสี่ยวไป่ได้ยืนคำประกาศของเซี่ยงเส้าหยุน มันคำรามด้วยเสียงดังสนั่น ราวกับประกาศก้อง

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ได้เวลาตอบแทนพวกมันอย่างสาสมแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

ดังนั้น พวกเขาจึงมุ่งหน้ากลับไปยังตำหนักยุทธ์ ในตอนนั้น ชายแก่ขี้เมาได้อุ้มเซี่ยงเส้าหยุนด้วยมือข้างเดียวที่มี และมุ่งหน้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ คนธรรมดามิอาจมองได้ทันแน่นอน เพียงอึดใจเดียว เซี่ยงเส้าหยุนก็กลับมาถึงที่พำนักของตนแล้ว

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset