ราชิณีเลือด – ตอนที่ 10: สงครามเนินฟามุส

อธิบายต้นตอน

เนื่องจากนักเขียนจำชื่อประเทศผิด จาก ราชอาณาจักรอวาร่อน(Avalon) สลับกับ จักรวรรดิ ดังนั้นขอแก้ไขนะครับ

จักวรรดิอว่าร่อน(Avalon Empire) ส่วน ราชอาณาจักรชื่อ เอรีบัส(EREBUS) นะครับ ขออภัยในความผิดพลาดอย่างยิ่ง!!

 

 

ณ แนวป่าทางตอนใต้ของเนินฟามุส(FAMUS) 
 

กองอัศวินเรเว่นเดินทางมาถึงแนวป่าและเริ่มตั้งค่ายและขุดสร้างกับดักและแนวตั้งรับสำหรับสงครามที่กำลังใกล้เข้ามา..

ผ่านไป 1 อาทิตย์เนินที่เคยสวยงามกลับถูกแทนที่ด้วยโคลนตมและรั้วหนามตลอดแนวธงของราชอาณาจักรเอรีบัสผสมผสานกับธงของกลุ่มอัศวินเรเว่นเองก็โบกสบัดไปตลอดแนวเช่นกัน

ภายในค่ายของกลุ่มอัศวินเรเว่น ณ ที่พักของหัวหน้าอัศวินดราโกลวิด(ลุงยิ้ม)

“สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้น…สงคราม” ลุงยิ้มกล่าว

“ขออนุญาตขอรับ” อัศวินคนนึงกล่าว

“เข้ามาได้” ลุงยิ้มกล่าวตอบ

“ตอนนี้กองกำลังเสริมของเราทั้งหมด 4 กองพัน รวมทั้งหมด 4500 นาย กำลังรอคำสั่งท่านอยู่..” อัศวินกล่าว

“แล้วทหารหลวงล่ะมาถึงรึยัง?” ลุงยิ้มถาม

“ข้า..ยังไม่เห็นวี่แววของกองทัพหลวงเลยครับท่าน” อัศวินกล่าว

“ข้ากะไว้แล้วเชียว เราคงถูกหลอกให้มาตาย..” ลุงยิ้มกล่าว

 “ไอ้พวกราชวงศ์นั้นคิดรึว่าข้าจะยอมตายง่ายๆ” ลุงยิ้มกล่าวและยิ้ม

หลังลุงยิ้มกล่าวจบลุงยิ้มก็เริ่มเขียนจดหมายเพื่อส่งหาใครบางคน..

“ส่งม้าเร็วไปที่ป้อมดรากูล และนำจดหมายนี่ไปให้กับจอนส์” ลุงยิ้มกล่าว

“รับทราบครับ” อัศวินกล่าว รับจดหมายและเดินออกไป

ม้าเร็วได้ออกเดินทางในทันที… 

ณ ป้อมดรากูล 5 วันถัดมา

**กั้บๆ** เสียงฝีเท้ามาที่กำลังควบมายังป้อมดรากูล

อัศวินจิมมี่แห่งกองอัศวินเรเว่นหน่วยที่ 2 ที่กำลังเฝ้ายามอยู่บนกำแพงที่ได้เห็นม้าเร็วที่กำลังควบมาก็รู้ได้ทันทีว่านี่ต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ เพราะกลุ่มอัศวินเรเว่นพึ่งออกเดินทางไปไม่นานแต่กลับส่งม้าเร็วกลับมาเช่นนี้

“ท่านจอนส์ขอรับ” อัศวินม้าเร็วตะโกนเรียกจอนส์

“จอนส์ไม่อยู่ เขาออกไปล่าสัตว์กับมิร่า” จิมมี่กล่าว

“ข้ามีจดหมายจากท่านดราโกลวิด(ลุงยิ้ม)มาถึงท่านจอนส์ขอรับ” อัศวินกล่าว

“ข้าทราบแล้วส่งจดหมายไว้กับข้าและเดี๋ยวข้าจะนำมันให้กับเขาเอง” จิมมี่กล่าว

“ขอรับ นี่ขอรับ..” อัศวินกล่าวและยื่นจดหมายให้

“สถาณะการที่นั้นเป็นเช่นไรบ้าง?” จิมมี่ถามอัศวิน

“ณ ตอนนี้ยังไม่มีการต่อสู้ขอรับ ศัตรูตั้งค่ายอยู่ไม่ห่างจากค่ายของเรานัก อัศวินทั้ง 4 กองพันของเราตอนนี้เตรียมพร้อมสำหรับการตั้งรับและยังไม่มีแผนในการจู่โจม..เนื่องจากกองทัพหลวงยังไม่มีเสนิมทัพเลยขอรับ” อัศวินกล่าว

“อย่างงี้นี่เองข้าพอจะรู้แล้วล่ะว่าเนื้อหาภายในจดหมายคืออะไร” จิมมี่กล่าว

“เจ้ารีบกลับไปเถอะ ทางนี้ข้าจัดการเอง” จิมมี่กล่าวและเดินกลับไปยังกำแพง

“ขอรับ..” อัศวินกล่าวและควบม้าออกไปจากป้อมดรากูล

ตกเย็นวันนั้น..

“จิม ข้ากลับมาแล้ว” เสียงของมิร่ากล่าว

“โอ้ กลับมากันแล้วรึ?ครานี้เจ้าจะเอาอะไรมาให้ข้ากินกันละ” จิมมี่กล่าว

“ครานี้ ข้าได้เนื้อกวางกลับมา” มิร่ากล่าว

“โอ้ สุดยอดเลยสาวน้อย แล้วจอนส์ละข้ามีจดหมายจะให้เขา” จิมมี่กล่าวและมองหาจอนส์

“เขากำลังกลับมา เขาแวะไปที่หมู่บ้านใกล้ๆเพื่อซื้อฟืนกลับมา” มิร่ากล่าว 

มิร่าจับมือจิมและบอก “ท่านช่วยข้าเตรียมอาหารเย็นนี้ได้ไหม..?” มิร่ากล่าว

“ข้าต้องเฝ้ากำแพงเจ้าก็รู้” จิมมี่กล่าว

“ไม่เป็นไรหรอกน่าาา” มิร่ากล่าวดึงจิมไปยังห้องอาหาร

ในวินาทีนั้น หัวใจของจิมมี่ก้รู้ในทันทีว่าตัวเขาหลงรักนางเข้าเสียแล้ว..

ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังเตรียมอาหารสำหรับวันนี้ จอนส์ก็ได้เปิดประตูเข้ามายังห้องอาหาร

“จิมมี่ ข้าก็นึกว่าวันนี้เวรเจ้าคือเฝ้ากำแพงเสียอีก” จอนส์กล่าว

“ข้าเป็นคนลากเขาเข้ามาเอง” มิร่ากล่าวและทำหน้าหงอย

“ข้าเข้าใจแล้วสาวน้อยข้าแค่หยอกเขานิดหน่อย” จอนส์กล่าวและวางฟืนลง

“จอนส์ มีจดหมายมาจากท่านหัวหน้า” จิมมี่กล่าวและยื่นจดหมายให้กับจอนส์

จอนส์ที่ได้รับจดหมายมานั้นไม่พูดอะไรและเดินไปยังห้องของตนในทันที…

มิร่าที่เห็นดังนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เธอจึงเอ่ยถามไปกับจิมมี่ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน?

“จิมมี่นี่มันเรื่องอะไรกัน จดหมายนั่นมันแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ..หรือว่าท่านลุง…” มิร่ากล่าวถาม

“ไม่..ไม่ใช่เรื่องท่านหัวหน้า ยังไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้น..แต่การที่จดหมายถูกส่งกลับมาไวเช่นนี้ข้าคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” จิมมี่กล่าว

“เรามาทำอาหารให้เสร็จกันเถอะ” จิมมี่กล่าว

“โอเค..ข้าเข้าใจแล้ว” มิร่ากล่าวและเดินกลับมาเตรียมอาหาร

รุ่งเช้าวันถัดมา

จอนส์เตรียมม้าสำหรับออกเดินทางไปที่แห่งหนึ่ง จอนส์ได้มอบหมายให้ จิมมี่ดูแลและสอนมิร่าสำหรับการต่อสู้ และให้นางอ่านตำรวจการรบ..

และจอนส์ก็ได้ขี่ม้าจากไปโดยมิได้บอกลามิร่าสำคำ…

7 วันถัดมา เนินฟามุส

กลุ่มอัศวินเรเว่นอัศวินในเสื้อคลุมสีดำและตราราชสีห์สีทอง กำลัง ปะทะกับกลุ่ม อัศวินที่ใส่ชุดสีเขียวที่มีตราสัญลักษณ์ม้า และเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์มังกรสีดำ อย่างดุเดือด แม้จำนวนของกลุ่มอัศวินเรเว่นจะมีจำนวนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดแต่พวกเขาก็มิได้เสียเปรียบแต่อย่างใด ความสามารถในการต่อสู้และแผนการ ต่างกันเกินไป…

อัศวินที่บาดเจ็บถูกนำตัวกลับมารักษาอย่างไว..เสียงร้องของความเจ็บปวดมากมายภายในเต็นท์พยาบาลของอัศวินเรเว่น แต่ถึงเช่นนั้นจำนวนผู้บาดเจ็บก็มีมากถึง 72 นายส่วนผู้เสียชีวิตมีเพียงแค่ 2 นายจากจำนวนผู้บาดเจ็บ แต่ถึงเช่นนั้นก็เทียบไม่ได้กับ ทางกลุ่มพันธมิตรแห่งไฟ(alliance of flame) ที่มีจำนวนผู้บาดเจ็บถึง 500กว่านาย เสียชีวิตทั้งในสนามรบและ จากผู้บาดเจ็บ จำนวน 128 นาย..

ในขณะที่กลุ่มอัศวินเรเว่นกำลังได้เปรียบในการต่อสู้…ก็มีนักเวทย์ปริศนาอัญเชิญโกเล็มขนาดใหญ่จำนวน 2 ตัวเข้ามายังกลางสนามรบ..ทุกคนรู้ดีว่านั้นเป็นสถาณะการที่แย่มาก เพราะต่อให้พวกเขาจะมีความสามารถในการต่อสู้มากแค่ไหนแต่พวกเขาก็ไม่สามารถสู้ความใหญ่ของโกเล็มสองตัวนั้นได้..

กลุ่มอัศวินเรเว่น เริ่มถอยกลับไปตั้งรับยังแนวป่าที่มี สกอล์เปี้่ยน(เครื่องยิงธนูยักษ์)ติดตั้งไว้และเตรียมตั้งรับกับโกเล็มทั้งสองตัว..

กลุ่มอัศวินเรเว่น ใช้เวลาทั้งหมด 5 วันในการสังหารโกเล็มทั้งสองตัวลง…ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นสูงถึง 210 นาย..และพวกเขารู้ดีว่านี่จะไม่ใช่โกเล็มสองตัวสุดท้าย…

ณ เต็นท์บัญชาการ

ลุงยิ้มกำลังเขียนจดหมายส่งไปยังราชาเพื่อขอกำลังสนับสนุน พร้อมกับส่งทหารมือดีจำนวนสองนายไปด้วยเพื่อดูสถาณการว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่เมืองหลวงเหตุใด กองทัพหลวงจึงยังเดินทางมาไม่ถึง..

ใน ขณะเดียวกันกลุ่มอัศวินเรเว่นก็เตรียมตัวถอยเพื่อไปตั้งรับที่หมู่บ้านใกล้ๆเนื่องจากกองทัพของศัตรูกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้…

…การต่อสู้เองก็เกิดขึ้นตลอดทางในขณะที่กลุ่มอัศวินกำลังถอย

        การต่อสู้ยืดเยื้อมาจนถึง 1 เดือน หิมะก็เริ่มตกลงมา…นั้นถือเป็นสัญญานที่ดีสำหรับกลุ่มอัศวินเรเว่นเพราะกลุ่มพันธมิตรแห่งไฟ(alliance of flame) จะหยุดโจมตีและเตรียมตัวรอให้หน้าหนาวหมดไป เพื่อกักตุนสะเบียงอาหาร กลุ่มพันธมิตรแห่งไฟ เริ่มออกปล้นตามหมู่บ้านต่างๆเพื่อหาสะเบียงอาหาร…

กลุ่มอัศวินเรเว่นเองก็กำลังเตรียมตัวและรออย่างไร้ความหวังต่อไป จำนวนผู้เสียชีวิตเองก็สูงขึ้นถึง 720 นาย..ภายใน 1 เดือน

ในระหว่างที่ลุงยิ้มกำลังประชุมแผนการกับหัวหน้าหน่วยต่างๆ ม้าเร็วก็ได้นำจดหมายเข้ามาส่งให้ลุงยิ้ม

เนื้อหาภายในจดหมายนั้นกล่าวถึงเรื่องภายในราชวงศ์ กล่าวถึง องค์ราชาที่ตอนนี้เหมือนไม่มีสติ กลุ่มขุนนางสงสัยว่าเขาอาจจะถูกราชิณีซาบิน่า ใช้มนต์ดำควบคุมจิตใจอยู่ก็เป็นได้ ขุนนางมารีต้า และ กลุ่มขุนนางที่สนับสนุนองค์ชายที่ 2 องค์ชายดันเต้ ต้องการกำลังสนับสนุนจากกลุ่มอัศวินเรเว่น เพื่อจัดการกิบราชิณีซาบิน่า…

ลุงยิ้มที่ได้เห็นข้อความนั้นก็ถึงต้องคิดหนักเพราะถ้าหากลุงยิ้มส่งกำลังไปช่วยสนับสนุนการ กบฏ และหากศัตรูรู้ข่าวเรื่องที่กลุ่มอัศวินเรเว่นถอยกลับไปที่เมืองหลวงกว่าครึ่งแพร่ออกไป ลุงยิ้มอาจไม่สามารถต้านกลุ่มพันธมิตรได้ด้วยกำลังอันน้อยนิด.. แต่มันก็คุ้มที่จะเสี่ยงหาก องค์ราชา กลับมาได้สติ กองทัพหลวงอาจจะมาได้ทันเวลา..หลังลุงยิ้มคิดและตัดสินใจได้ลุงยิ้มได้ให้อัศวินเรียกลูคัสเข้าพบเพื่อคุยเรื่องแผน

“เจ้า ไปเรียกลูคัสมา” ลุงยิ้มบอกอัศวินที่มาส่งข้อความ

“ขอรับ ข้าจะไปตามลูคัสมาให้” อัศวินกล่าวและเดินออกจากเต็นท์ไป

ไม่กี่นาทีต่อมา

“ท่านหัวหน้าท่านเรียกข้าหรือขอรับ” ลูคัสเดินเข้ามาทำความเคารพ และกล่าว

“ใช่ ข้าต้องการให้เจ้านำกำลังของเรา 2 กองพันและไปสนับสนุนขุนนางมารีต้า เพื่อจัดการปัญหาภายในราชวงศ์หากเจ้าเห็นว่าพวกเขาพยามจะชิงบัลลังก์เจ้าก็จัดการตามที่เห็นสมควรเลย” ลุงยิ้มกล่าวและมอบตราบางอย่างให้ลูคัส

“แต่ถ้าหากเราแบ่งกำลังไปถึง 2 กองพันแล้วพวกกลุ่มพันธมิตรละขอรับ?” ลูคัสถามด้วยความร้อนใจ

“ข้าจะจัดการเรื่องนั้นเอง เจ้าไม่ต้องห่วง” ลุงยิ้มกล่าวและมองลูคัสด้วยสายตาที่จริงจัง

ลูคัสที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกได้ถึงความจริงจังของลุงยิ้ม..ลูคัสจึงไม่กล้าถามต่อ

“ขอรับ…ข้าจะทำตามนั้น”

“เมื่อเจ้าจะเข้าเมืองโชว์ตราที่ข้าให้เจ้าไปกับผู้เฝ้าประตูตะวันตกและบอกกับเขาว่าลุงยิ้มส่งกองกำลังมาช่วยท่านมารีต้า” ลุงยิ้มกล่าว

“เจ้าไปได้แล้ว” ลุงยิ้มกล่าวและลุกเดินไปมองแผนที่

“ขอรับ” ลูคัสถามและเดินออกจาเต็นท์ไป

รุ่งเช้าวันถัดมา

กลุ่มอัศวินเรเว่น 2 กองพัน หรือราวๆ 1950 นายได้ออกเดินทางไปยังเมืองหลวงโดยมีผู้นำคือลูคัสแม้ตัวเขาจะไม่อยากไปก็ตามแต่นี่คือคำสั่ง คำสั่งที่ไม่อาจละเลยได้

ตอนนี้กลุ่มอัศวินเรเว่นเหลืออยู่ที่ค่ายเพียง ไม่ถึง 2 กองพัน ลุงยิ้มมีแผนอะไรอยู่กันแน่..เขาจะรับมือกับศัตรูที่มีอยู่ถึง 50,000 นายได้อย่างไร..

2 เดือนถัดมา.. ป้อมดรากูล

มิร่าที่กำลังนั่งเฝ้ามองเส้นทางและทำหน้าที่เฝ้ากำแพงในขณะเดียวกัน เนื่องจากตอนนี้มีเพียงจิมมี่และมิร่าเพียงสองคน นางจึงต้องคอยเฝ้ารับหน้าที่เฝ้ากำแพงในขณะที่จิมมี่ไปซื้อฝืนและเติมสะเบียง

ในขณะที่มิร่ากำลังมองดูเส้นทางภาพที่นางเห็นปรากฏคล้ายกลุ่มคนจำนวนมากกำลังเข้ามาทางป้อมปราการนางคิดว่าคงเป็นกองทัพที่เพียงจะเดินผ่าน..

แต่ทันใดนั้น จอนส์ก็ควบม้านำกลุ่มอัศวินที่ใส่ชุดคลุมสีขาวที่มีสัญลักษณ์กริฟฟ่อนสีดำและธงสีขาวโบกสบัดนับพันกำลังตามมา…

“จอนส์!!” มิร่าที่เห็นจอนส์ก็ตะโกนเรียกจอนส์สุดสียง

**กั้บๆ** เสียงควบม้าดังใกล้เข้ามา

“มิร่า!! จิมมี่อยู่ที่ใดกันรึ?” จอนส์ตะโกนถามมิร่า

จอนส์มาถึงป้อมปราการและลงม้าเพื่อมาคุยกับมิร่า

“จอนส์ จิมมี่เขาออกไปเติมสะเบียงและซื้อฝืน” มิร่ากล่าว

“งั้นรึ งั้นข้าจะรอเขากลับมา” จอนส์กล่าว

“แล้วกลุ่มอัศวินพี่นี้คือใครกัน?” มิร่ากล่าวด้วยความสงสัย

“พวกเขาคือกลุ่มอัศวินเรเว่นที่ประจำการอยู่ทางตอนเหนือ ข้าจะพาพวกเขาไปเสริมทัพกับท่านหัวหน้า” จอนส์กล่าว

“สถาณะการเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอเจ้าคะ?” มิร่าถาม

“ตอนนี้เท่าที่ข้ารู้มาคือแย่มาก..ข้าจึงต้องรีบเดินทางไปให้เร็วที่สุดแต่ก่อนอื่นข้าต้องคุยกับจิมมี่ก่อน” จอนส์กล่าว

“ข้าเข้าใจแล้วค่ะ” มิร่ากล่าวและเดินไปยังห้องของตน

..

ไม่กี่นาทีต่อมา จิมก็กลับมาถึงป้อมปราการและพบกับจอนส์เขารู้ได้ในทันทีว่าจอนส์ต้องคุยกับเขา จอนส์และจิมมี่จึงเดินไปคุยกันในห้องบัญชาการของลุงยิ้ม..

“ข้าเข้าใจสถาณะการแล้ว ตอนนี้กำลังของเราที่แนวหน้าเหลืออยู่เท่าใดกัน?” จิมมี่ถาม

“เท่าที่ข้ารู้มา เหลือไม่ถึง 1000 นายต่อให้พวกมันจะไม่ได้เข้ามาโจมตีตรงๆเพราะเป็นหน้าหนาวแต่ก็ยังมีการปะทะเล็กน้อยตามหมู่บ้านต่างๆ เพราะพวกมันบุกเข้ามาปล้นอาหารของชาวบ้าน” จอนส์กล่าว

“เช่นนั้นเราก็ควรรีบไป แต่…มิร่าเราจะทำยังไงกับนาง?” จิมมี่กล่าว

“ข้าเองก็ไม่รู้..แต่ข้าไม่ต้องการให้นางไปด้วย” จอนส์กล่าว

 “ข้าก็คิดเช่นนั้นแม้นางจะฝึกกับข้ามาตลอด 1 เดือนทักษะของนางเติบโตขึ้นมากแต่ในสงครามที่นางต้องสังหารคนจริงๆนั้นอาจจะเป็นอะไรที่ยากสำหรับนางมาก ตัวข้าเองก็กลัวที่จะปกป้องนางไม่ได้หากเราอยู่ในสนามรบ” จิมมี่กล่าว

ในขณะที่ชายทั้งสองกำลังพูดคุยกับเกี่ยวกับหญิงสาว พวกเขาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวได้ยินสิ่งที่พวกเขาทั้งสองคนคุยกันทั้งหมดแล้ว .. สำหรับนางในตอนนี้ นางเป็นเพียงภาระเช่นนั้นหรอ?

นางที่คิดได้เช่นนัั้นมิร่านางก็ต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น และในสนามรบนั้น มีชายที่เป็นดั่งพ่อของนางอยู่ นางจะอยู่เฉยเช่นตอนที่นายของตนตายไม่ได้อีกแล้ว

กลางดึกคืนนั้น…จิมมี่และจอนส์กำลังเข้้าไปพบมิร่าเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องของนาง แต่มันก็สายไปเสียแล้วในขณะที่จอนส์และจิมมี่กำลังจะไปพบนาง นางก็ได้แอบเข้าไปยังห้องเก็บอาวุธ และชุดเกราะของพวกอัศวิน นางส่วมชุดเกราะเช่นเดียวกับอัศวินเรเว่นและควบม้ามุ่งตรงไปยังสนามรบในคืนนั้น…

จอนส์และจิมมี่ที่พึ่งรู้ว่านางหายไปก็รู้ได้ในทันทีว่านางกำลังมุ่งหน้าไปสู่สนามรบ พวกเขาทัั้งสองพร้อมด้วยกลุ่มอัศวินเรเว่นทางเหนือก็รีบควบม้าตามนางไปทันทีแต่ด้วยที่กลุ่มอัศวินมีจำนวนมากถึง 7 กองพันจึงทำให้การเดินทางล่าช้า…

ณ ไฮท์เฮเว่น(High Heaven) ที่พักของแอริส

สกาเล็ตกำลังนั่งพักจากการาฝึกควบคุมพลังเวทย์อยู่ นางกำลังนั่งมองท้องฟ้าอันสวยงาม..

สกาเล็ตคิดภายในใจ “หากมิร่ามาเห็นนางจะกล่าวเช่นไรกันนะ.. ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินมิร่า.. หวังว่าเจ้าจะใช้ชีวิตในแบบที่เจ้าอยาก..” 

ในขณะที่สกาเล็ตกำลังนั่งพัก แอริสก็เดินเข้ามาจากด้านหลังของสกาเล็ตและแตะไหล่ของนาง

“นี่ สกาเล็ตเจ้าก็ฝึกมาเยอะ มากับข้าสิข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง” แอริสแตะไหล่สกาเล็ตและกล่าว

“ที่ไหนงั้นหรอ?แอริส ไม่เอาที่แปลกๆนะ เดือนก่อนเจ้าก็พาข้าไปปล่อยกลางป่า ให้ตายเถอะ” สกาเล็ตกล่าวและมองแอริส

“ไม่ใช่แล้วว คราวก่อนข้าแค่พาเจ้าไปฝึกกลางป่าแล้วข้ามีธุระแค่นั้นเอง” แอริสทำปากจู๋และกล่าว

“ข้าเห็นเจ้าฝึกอย่างหนักมาตลอดข้าก็เลยจะพาเจ้าไปเล่นน้ำสักหน่อยเท่านั้นเอง” แอริสกล่าว

“เล่นน้ำ? ข้าไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” สกาเล็ตกล่าว

“งั้นหรอ งั้นเจ้าก็ไม่อยากไปสินะ” แอริสกล่าวและทำเสียงเศร้า

“ข้าไปก็ได้ เจ้านี่มันจริงๆเลย” สกาเล็ตกล่าว

“ฮ่าๆ ข้าว่าแล้วว่าเจ้าต้องอยากไป” แอริสกล่าว

หลังแอริสกล่าวจบนางก็เปิกเกทเพื่อเดินทางไปยังน้ำตกสีทองแห่งไฮท์เฮเวน..

ทันทีที่สกาเล็ตก้าวข้ามมายังน้ำตกนางก็ตกตลึงกับความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้

“ข้าก็รู้แหละว่าที่นี่คือไฮท์เฮเว่น แต่ที่นี่สวยงามจริงๆ” สกาเล็ตกล่าวและมองรอบๆ

“ข้ารู้ ที่นี่คือที่ที่ข้าจะอยู่ได้อย่างสบายใจที่สุด” แอริสกล่าว

“แล้วเราจะเล่นน้ำที่นี่ได้งั้นหรอ ข้าไม่เห็นว่าจะมีผู้ใดมาเล่นน้ำที่ี่เลย” สกาเล็ตกล่าวด้วยความสงสัย

“ได้สิ ก็ที่นี่มันเป็นของข้านิ ข้าสร้างขึ้นเอง” แอริสกล่าว

“ห่ะ!? เจ้าสร้างที่นี่ขึ้นเองงั้นหรอ?” สกาเล็ตกล่าวด้วยความตกใจ

“ก็ใช่หนะสิเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน?” แอริสกล่าวพร้อมทำหน้าขิงเล็กน้อย

“เจ้าก็เป็นแอริสไง จะเป็นใครไปได้เจ้าก็ถามแปลก” สกาเล็ตตอบด้วยความกวน

“เจ้านี่มันจริงๆเลย นี่แนะ!” แอริสกล่าวและผลักสกาเล็ตลงน้ำ 

ในขณะที่นางผลักสกาเล็ตลงน้ำเสื้อผ้าของสกาเล็ตก็หายไปภายใน ขณะเดียวกัน

*ต้ามมม* เสียงสกาเล็ตตกน้ำ

“แอริส!! เจ้าจะมาถอดชุดข้าแบบนี้ไม่ได้” สกาเล็ตกล่าวและนำมือของตนมาปิดหน้าอกไว้

“ข้าก็แค่อยากให้เจ้าเล่นน้ำ ^^” แอริสกล่าวและยิ้มพร้อมกับถอดชุดของตนและเดินลงไปยังบ่อน้ำ

สกาเล็ตที่เห็นแอริสเดินลงมา ก็รีบเดินถอยและหันหลังให้แอริสอย่างไว

“แหม่ๆ เจ้านี่มันใสซื่อเสียจริงสกาเล็ตหันกลับมานี่สิไม่มีอะไรแล้ว” แอริสกล่าวและดีดนิ้ว

ทันใดที่สิ้นเสียงดีดนิ้ว หมอกบางอย่างก็ลอยมาปิดจุดยุทศาสตร์(น๊มๆ และ นั้นแหละส่วนล่าง) ของสกาเล็ตและแอริสไว้

“เจ้านี่มันขี้แกล้งเสียจริงเลย!!” สกาเล็ตกล่าวและตีน้ำใส่แอริส

แอริสที่โดนตีน้ำใส่ก็ตีน้ำตอบโต้สกาเล็ต ทั้งสองคนเล่นน้ำด้วยความสนุกสนาน…

เมืองหลวงของราชอาณาจักรเอรีบัส 

ลูคัสและกองอัศวินเดินทางมาถึงแล้ว!!

-จบตอน-

 

 

 

 

 

 

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset