อธิบายต้นตอน
ณ ไฮท์เฮเวน (High Heaven)
สกาเล็ตตื่นขึ้นในห้องนอนข้างใครบางคน และพบว่าห้องนั้นเต็มไปด้วยของตกแต่งสีทองสวยงาม ดูแล้วคงจะเป็นลูกเศรษฐีสักคนแน่ๆ
“ทะ..ที่นี่ที่ไหนกัน” สกาเล็ตกล่าว
“สกาเล็ต!! เจ้าฟื้นแล้ว!!” เสียงที่คุ้นเคยกล่าว
“แอริส..นั้นเจ้างั้นเหรอ?” สกาเล็ตกล่าว
ทันใดที่สกาเล็ตเอ่ยถาม แอริสก็ปรากฏกายออกมา พร้อมกับแสงสว่าง ปีกที่ที่แสนงดงามของนาง พร้อมกับรูปร่างและหน้าตาที่ไม่เหมือนกับตอนที่เคยเจอกันในคุกถึงกับให้สกาเล็ตพูดไม่ออก..
“ใช่แล้วข้าเอง” แอริสกล่าว
“จะ..ทะ..ท่านสวยมาก ข้าไม่คิดว่า ท่านจะงดงามถึงเพียงนี้” สกาเล็ตกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย
“ว่าแต่ที่นี่ืคือที่ไหนกัน?” สกาเล็ตกล่าวถาม
“ที่นี่งั้นหรอ..ที่นี่คือ ไฮท์เฮเวน บ้านของพวกข้ายังไงล่ะ” แอริสตอบพร้อมกับยิ้ม
“ไฮท์เฮเวน..ข้านึกว่าที่แห่งนี้เป็นเพียงตำนานเสียอีก ข้าเคยอ่านเจอสมัยเด็ก มันคือที่อยู่ของเหล่าเทวทูต..” สกาเล็ตพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ
“ฮ่าๆนี่พวกข้าเป็นเพียงตำนานไปแล้วหรือนี่” แอริสกล่าวและหัวเราะ
“อย่างไรก็ตามสกาเล็ตสหายข้า ข้าขอเป็นสหายเจ้าได้หรือไม่?” แอริสกล่าวพร้อมกับจับหน้าสกาเล็ต
สกาเล็ตเริ่มหน้าแดง แม้ตัวนางจะเป็สตรีแต่นางก็ไม่สามารถทนความงดงามของแอริสได้ สกาเล็ตเริ่มตั้งสติอีกครั้งและตอบคำถามของแอริส “แน่นอนอยู่แล้วเราก็ผ่านเรื่องร้ายๆมาด้วยกันนี่” สกาเล็ตตอบด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“เอาล่ะถึงเวลาแล้ว เจ้าต้องไปกับข้าเพื่อไปพบใครบางคน นางรอพบเจ้ามานานแล้ว” แอริสกล่าว
ในขณะที่แอริสกำลังจะพาสกาเล็ตไปแอริสก็หยุดและมองดูสกาเล็ต “แต่ว่าชุดของเจ้านี่มันดูไม่ได้เลย”
ทันทีที่แอริสพูดจบนางก็ได้โบกมือไปทางสกาเล็ต..ชุดของสกาเล็ตถูกเปลี่ยนเป็นชุดเดรสสำหรับงานสำคัญ
“พลังของท่านนี่สุดยอดไปเลยนะ” สกาเล็ตกล่าวพร้อมกับยิ้ม
แอริสที่ได้เห็นรอยยิ้มของสกาเล็ตก็ถึงกับเขินและพูดตอบกลับไปทันทีว่า “เจ้านี่ขี้ยอจริงๆเลยเชียว” แอริสกล่าวและเดินนำไปในทันที
แอริสทำการเปิดเกท(ประตูวาป) และพาสกาเล็ตไปพบกับใครบางคน..
ทันทีที่สกาเล็ตก้าวข้ามเกทเข้ามา นางก็ได้พบกับ ห้องโถ่งอันกว้างใหญ่ สุดขอบห้องโถ่งนั้นมีบัลลังสีทองอันว่างเปล่า น่าแปลกที่ห้องโถ่งใหญ่ขนาดนี้กลับไม่มีผู้ใดอยู่เลย
แอริสเดินนำสกาเล็ตไปยังบัลลังอันว่างเปล่า…ทันใดที่เดินมาถึงแสงสว่างสีทองก็ปรากฏ..บัลลังที่เคยว่างเปล่าก็มีสาวน้อยร่างเล็กก็ปรากฏ…
สกาเล็ตที่ได้เห็นสาวน้อยคนนั้นก็ถึงกับคิดในใจ “นางงดงามพอๆกับแอริสเลย”
ระหว่างที่สกาเล็ตกำลังตะลึงกับความสวยของสาวน้อยนั้น แอริสก็ได้กล่าวบางอย่างขึ้นมา
“ท่านพี่ น้องพานางมาพบท่านแล้ว..หากแต่เราอาจจะไม่มีเวลาคุยกับนางมากนัก” แอริสกล่าว
สาวน้อยลุกขึ้นและเดินลงมาหาแอริสและสกาเล็ต
“พี่รู้ น้องข้าขอบใจเจ้ามากที่อุส่าพานางมาพบข้า” สาวน้อยกล่าว
สาวน้อยเดินมาหาสกาเล็ตและ จับไปที่ใบหน้า
“เจ้านี่ช่าง งดงามเหมือนกับแม่ของเจ้าเสียจริง” สาวน้อยกล่าว
สกาเล็ตทำหน้าตกใจและกล่าวถาม “ท่านรู้ท่านแม่ของข้าอย่างงั้นหรือ?”
“แน่นอนข้าและแม่ของเจ้าเคยเป็นสหายกัน แต่วันหนึงนางก็จากไป..” สาวน้อยกล่าว
“ท่านคือใครกันแน่ เหตุใดท่านจึงเป็นสหายกับแม่ของข้า..” สกาเล็ตกล่าวถามอย่างร้อนรน
“สกาเล็ต..จะ..เจ้าใจเย็นลงหน่อย..” แอริสกล่าวพร้อมกับเดินเข้าไปจับไหล่สกาเล็ต
สาวน้อยยืนมือมาและบอกกับแอริส “ไม่เป็นไรน้องข้า ข้าเข้าใจนางดี”
“ข้ามีนามว่าเกว็น…ส่วนเรื่องที่ข้ารู้จักกับแม่เจ้าได้อย่างไร ข้าคิดว่าการที่เจ้ายังไม่รู้นั้นเป็นเพราะแม่ของเจ้ายังไม่อยากให้เจ้ารู้… เจ้าจะได้รู้มือถึงเวลา” เกว็นได้กล่าว
“ขะ..ข้าเข้าใจแล้ว” สกาเล็ตกล่าวและเริ่มใจเย็นลง
“ที่จริงแล้ว ที่ข้าให้แอริสพาเจ้ามาหาข้าที่นี่ก็เพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า…ก่อนอื่นเจ้าช่วยเล่าถึงการใช้ชีวิตของเจ้าให้ข้าฟังที” เกว็นได้กล่าว
ทันใดที่เกว็นกล่าวจบพวกนางก็ถูกวาไปยังห้องนั่งเล่น น้ำชาและขนมได้ถูกเตรียมไว้ก่อนแล้ว
สกาเล็ตที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็กล่าวขึ้นมาว่า “หากท่านจะพาข้าไปไหนมาไหนอีกรบกวนท่านบอกข้าก่อนด้วยก็ดี..” สกาเล็ตกล่าวและยิ้ม
“ข้าเข้าใจแล้ว” เกว็นกล่าวและยิ้มกลับ
“เอาล่ะ เจ้าเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังได้รึยัง?” เกว็นกล่าว
“โอเค เรื่องมันเริ่มตั้งแต่ข้ายังจำความได้…” สกาเล็ตเริ่มเล่าเรื่องของตนตั้งแต่สมัยจำความได้จนถึงปัจจุบัน
และเรื่องที่แอริสเข้าไปช่วยเหลือพวกนางและได้เป็นเพื่อนกัน..
สกาเล็ตเล่าจนถึงที่นางเข้าต่อสู้กับพวกโจรและนางก็..คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว แต่ก็ได้แอริสช่วยไว้อีกครั้ง..
เกว็นทีไ่ด้ยินดังนั้น ถึงกับหลั่งน้ำตาและกล่าวขึ้นมาว่า “ชีวิตที่เจ้าเจอมา…มันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน..แต่เจ้าเองก็แข็งแกร่งมากที่ยังต่อสู้และพยามมีชีวิตอยู่”
สกาเล็ตที่เห็นเกว็นร้องไห้ก็ได้กล่าวปลอบเกว็นไป “ข้าขอบใจท่านมากที่ท่านเป็นห่วงข้า แต่ข้าก็ต้องขอบคุณน้องสาวท่านที่ช่วยให้ข้ารอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้” สกาเล็ตกล่าว
ทันทีที่แอริสได้ยินสกาเล็ตกล่าวจบ นางก็ทำหน้าเศร้าและบอกกับสกาเล็ตว่า “ข้ามิได้ช่วยเจ้าไว้..ที่จริงแล้วเจ้าตายไปแล้ว ทันทีที่ข้ากลับมาเจ้าก็ถูกฆ่าไปเสียแล้ว ข้าขอโทษจริงๆสกาเล็ต” แอริสกล่าว
สกาเล็ตที่ได้ยินอย่างงั้นก็ถึงกับช็อกกับเรื่องที่แอริสพูด นางตกใจว่าหากนางตายไปแล้วเหตุใดนางถึงมาอยู่ที่นี่
เกว็นที่ได้ย่ินความคิดของสกาเล็ตก็กล่าวตอบข้อสงสัยของสกาเล็ตในทันที “ก็เพราะว่าข้าขอให้แอริส นำร่างวิญญานของเจ้ามาพบกับข้า” เกว็นตอบและเช็ดน้ำตา
“ชะ..เช่นนั้นแล้วข้าก็ตายไปแล้วสินะ แล้วพวกสาวๆละ” สกาเล็ตถามกับแอริส
“พวกนางปลอดภัยกลุ่มอัศวินมาพบพวกนางและรีบเร่งเข้ามาช่วยเจ้า แต่มันก็สายไปเสียแล้วทุกคนเสียใจกับการจากไปของเจ้ามาก” แอริสกล่าวตอบสกาเล็ต
“พวกลุง..หวังว่าพวกเขาจะเดินหน้าต่อไปได้ และไม่โทษตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าตาย..” สกาเล็ตคิดในใจ
เกว็นมองไปที่สกาเล็ตและกล่าวขึ้น “เจ้ามีเวลาอีก 2 ปีที่จะใช้ชีวิตอยู่ในร่างวิญญาน ข้าอยากให้เจ้าพักอยู่กับแอริสและฝึกฝนการควบคุมมานาของเจ้า”
สกาเล็ตที่ได้ยินเช่นนั้นนางก็มึนงงว่าเกว็นกล่าวเกี่ยวกับเรื่องใด
“อีก 2 ปี..ข้าจะต้องไปที่ใดงั้นรึ นรก? หรือร่างวิญญานของข้าจะหายไปหลังจากนั้น?” สกาเล็ตกล่าวถาม
“ไม่ใช่ๆ ในร่างกายของเจ้า มีเจ้าแกนเวทย์ของเจ้านั้นอยู่นั้นเป็นสาเหตุที่ข้าให้เจ้าฝึกควบคุมมานาของเจ้า หากเจ้าไม่สามารถควบคุมมันได้เจ้าจะถูกมันกัดกิน..แต่หากเจ้าควบคุมมันได้เจ้าก็จะใช้พลังของเจ้าได้อย่างเต็มที่ และเมื่อถึงเวลา ร่างกายของเจ้าจะฟื้่นฟู ดังนั้นร่างวิญญานของเจ้าต้องกลับไปยังร่างเดิม ข้าคิดว่าอาจจะมีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป เพราะร่างกายเจ้าน่าจะเปลี่ยนไปเป็นเผ่าพันธุ์แวมไพร์โบราณ..” เกว็นกล่าว
“ข้าจะเป็นแวมไพร์โบราณอย่างงั้นหรอ..นี่มัน เรื่องอะไรกัน” สกาเล็ตกล่าว
“ข้าเข้าใจว่าเจ้ากำลังสับสนสกาเล็ตแต่ข้าจะอยู่ช่วยเจ้าจนถึงเวลานั้น เจ้าไม่ต้องห่วงไป” แอริสกล่าวและกอดสกาเล็ต
กลิ่นตัวและความอบอุ่นของแอริสทำให้สกาเล็ตใจเย็นลง
“ขอบใจเจ้ามากแอริส ข้าจะพยามใจเย็นลง” สกาเล็ตกล่าว
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิ่ดข้ายังมีงานต้องทำอีกเยอะ นี่ข้าแอบมานั่งจิบชากินขนมข้าจะต้องโดน วีนัสบ่นแน่ๆเลย” เกว็นกล่าว
“ทราบแล้วพี่ข้า ข้าจะพาสกาเล็ตไปพักผ่อนและเตรียมการฝึก” แอริสกล่าว
ทันทีที่แอริสกล่าวจบแอริสก็เปิดเกทและพาสกาเล็ตกลับไปยังห้องพักเพื่อให้นางได้พักผ่อน
“นอนพักเถอะสกาเล็ตข้าจะไปอาบน้ำสักหน่อย” แอริสกล่าวและเปิดเกทไปยังน้ำตก
สกาเล็ตนอนคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและหลับตาลง….
ในรุ่งเช้า..
(เสียงเหล่านกต่างขับร้องเพลงอันแสนไพเราะ)
สกาเล็ตตื่นขึ้นและพบกับแอริสที่นอนอยู่ข้างๆ.. “นะ..นี่มันอะไรกันทำไมนางถึงมานอนอยู่ข้างๆข้า” สกาเล็ตคิดในใจด้วยความเขินอายเล็กน้อย
แอริสค่อยๆลืมตาตื่นขึ้น..
“เจ้าตื่นแล้วอย่างงั้นรึสกาเล็ต” แอริสกล่าวถาม
“อะ..อื้ม” สกาเล็ตตอบและลุกขึ้นอย่างไว
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงมานอนอยู่ข้างข้าได้กัน..” สกาเล็ตถามแอริส
“ก็นี่มันห้องข้าแล้วเหตุใดข้าถึงจะต้องไปนอนที่อื่น?” แอริสตอบและยิ้ม
“ขะ..ข้าเข้าใจแล้วงั้นคืนนี้ข้าจะไปนอนโซฟ้าก็แล้วกัน” สกาเล็ตกล่าว
“ไม่ต้องหรอกเจ้าจะทนนอนปวดหลังอยู่ทำไมกัน หรือเจ้ารังเกลียดข้าที่ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าได้..” แอริสกล่าวและทำหน้าเศร้า
“ไม่ใช่อย่างงั้น!! ขะ..ข้าแค่..” สกาเล็ตกล่าวและทำหน้าเขินอายเล็กน้อย
“เจ้าแค่..??” แอริสกล่าวและวาปไปข้างหน้าสกาเล็ต “เจ้าแค่อะไรกันหื้ม??..” แอริสถามอีกครั้ง
“ข้าก็แค่ เขินอายเล็กน้อย ข้าไม่เคยนอนใกล้สาวงามเช่นเจ้ามาก่อน” สกาเล็ตกล่าวและเขินอาย
“ฮ่าๆ ข้าเข้าใจแล้วข้าก็แค่แกล้งเจ้าเล่นนิดหน่อย” แอริสกล่าวและหัวเราะ
“วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปฝึกการควบคุมมานา เจ้าตามข้ามาก็แล้วกัน..” แอริสกล่าวและเดินออกจากห้องไป
“คราวนี้เราจะไม่เปิดเกทไปงั้นหรอ??” สกาเล็ตเดินตามและถามแอริส
“เหตุใดต้องใช้เกทก็เราจะฝึกกันอยู่หน้าบ้านข้า” แอริสกล่าว
“ข้านึกว่าจะไปที่อื่นเสียอีก ดีแล้วล่ะอย่างน้อยข้าก็สบายใจที่ได้อยู่ที่นี่” สกาเล็ตกล่าวและยิ้ม
แอริสที่ได้เห็นรอยยิ้มของสกาเล็ตก็ถึงกับคิดขึ้นในใจ “น่ารัก!! เหตุใดนางจึงน่ารักเช่นนี้!!”
“ตั้งสติสิแอริสเราต้องเริ่มการฝึกแล้ว” แอริสคิดในใจ
“เอาล่ะเรามาเริ่มการฝึกกัน” แอริสกล่าว
และการฝึกก็เริ่มต้นขึ้น..
ทางด้านกลุ่มอัศวินเรเว่น
กลุ่มอัศวินเรเว่นเดินทางกลับมาถึงดากูล(ป้อมปราการ) เพื่อพักผ่อนและรักษาคนเจ็บ..พวกเขากลับมาถึงและกำลังโศกเศร้ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่เป็นดั่งน้องสาวของพวกเขา
คนที่เสียใจที่สุดก็คือ มิร่า มาริ ลุงยิ้ม และ ลูคัส พวกเขาไมไ่ด้เตรียมใจเพื่อมาเจอกับสิ่งนี้เลย…
ในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งโศกเศร้ากันอยู่ในโรงอาหาร…มาริก็กล่าวขึ้น “พวกท่าน สกาเล็ตคงไม่ได้สละชีวิตของตนเพื่อให้พวกเรามานั่งจมปลักอยู่เช่นนี้แน่นอนข้าแน่ใจ!!”
ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็เริ่มพยามหยุดความโศกเศร้า ทันใดนั้นลูคัสก็ยกแก้วขึ้นและกล่าว “ข้ารู้ว่าข้าไม่มีสิทธ์จะกล่าวสิ่งใดๆต่อนาง ดังนั้นข้าจึงอยากจะขอให้มิร่ามาเล่าถึงนางแทนข้า..”
มิร่าที่ได้ยินดังนั้นก็เช็ดน้ำตาและเดินขึ้นไปยังโต๊ะอาหารและยกแก้วขึ้น “คุณหนู..ของข้า นางเป็นคนที่จิตใจดีอย่างมากแม้แต่ตอนที่ตนเองบาดเจ็บใกล้ตายหรือแม้แต่ตอนที่ข้าขาแพลงนางไม่คิดจะทิ้งพวกข้า และพร้อมจะสละชีวิตของตนเพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง..ส่วนตัวข้าเองนั้นกลับทำได้แค่กลัว..” มิร่ากล่าวจบและยกแก้วชูขึ้น “แด่คุณหนูสกาเล็ต”
“แด่สกาเล็ต!!” ทุกคนในโรงอาหารกล่าวและยกแก้วขึ้น
“แด่ลูกสาวของข้า!!” ลุงยิ้มได้กล่าวและยกแก้วขึ้น
ทันใดนั้นมีม้าเร็วส่งสารมาจากพระราชาถึงลุงยิ้ม
“ท่านครับมีจดหมายส่งมาถึงท่านครับ” อัศวินจากเมืองหลวงกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว ลุงยิ้มกล่าวและหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน”
เนื้อหาภายในจดหมายกล่าวถึง การปลดประจำการของกองอัศวินเรเว่นทั้งกอง ให้ปลดประจำการ การรักษาชายแดนและส่งไปเข้าร่วมสงครามระหว่างอาณาจักรอวาร่อน(Avalon) และ กลุ่มพันธมิตรแห่งไฟ(alliance of flame) ซึ่งประกอบด้วย อาณาจักรเครียมอ(Klearmo) และ อาณาจักรริเวีย(Rivie) สงครามกำลังรุกหน้าเข้ามาใกล้เมืองหลวง
ดังนั้นพระราชาจึงต้องการกองกำลังหลักเช่น กลุ่มอัศวินเรเว่นที่เก่งกาจที่สุดกลับไปเพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรแห่งไฟ
ทันทีที่ลุงยิ้มอ่านจดหมายจบ เขาก็ประกาศให้ทุกคนทราบ
“เอาล่ะทุกคนฟังทางนี้!! ข้ารู้ว่าพวกเจ้าเหนื่อย..และข้ารู้ดีว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการลงโทษข้าที่ละเลยคำสั่งพระราชาที่ให้รอกำลังหลักมาก่อน.. เราจะต้องไปเข้าร่วมสงครามที่เนินฟามุส เราจึงต้องเตรียมตัวออกเดินทางในรุ่งเช้า ส่วนพวกสาวๆข้าจะให้หน่วยที่ 2 ไปส่งพวกนางให้ถึงที่ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป มิร่าเจ้าไปพบข้าที่ห้องของข้าหลังเจ้าเสร็จธุระด้วยข้าจะไปรอเจ้าที่นั่น” ลุงยิ้มกล่าวจบและเดินออกไป
“สงครามอย่างงั้นหรอ? ข้าคิดไว้แล้วเชียว” อัศวินคนนึงกล่าว
“เจ้ากลัวอย่างงั้นรึ?” อัศวินคนนึงตอบ
“ข้าเปล่าหรอก ข้าสาบานแล้วว่าจะพักดีต่อท่านแม่ทัพตลอดไป” อัศวินกล่าวตอบอัศวินอีกคน
“ข้าก็เช่นกัน” อัศวินอีกคนตอบและกอดคอกัน
“พวกข้าก็เช่นกัน!!” อัศวินทุกคนร้องโห่ลั่นเรียกขวัญกำลังใจ
หลังจากงานอาลัยสกาเล็ตจบมิร่าก็ไปเข้าพบกับลุงยิ้ม
“ท่านลุงข้ามาพบท่านแล้ว..” มิร่าเดินเข้ามาภายในห้องและเรียกลุงยิ้ม
“สงครามรอบนี้เจ้ามิต้องเข้าร่วม อยู่รอพวกข้าที่นี่พร้อมกับอัศวินอีกสองคนข้าจะให้พวกเขาช่วยดูแลเจ้าจนกว่าข้าจะกลับมา” ลุงยิ้มกล่าว
“ข้าเป็นตัวถ่วงสินะเจ้าคะ..” มิร่ากล่าวและทำหน้าเศร้า
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ข้าได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด ข้าจะให้เจ้าฝึกฝนอยู่กับอัศวินทั้งสองจนกว่าข้าจะกลับมา” ลุงยิ้มกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้ว..ข้าจะตั้งใจฝึกเจ้าค่ะ” มิร่ากล่าวและยิ้ม
“เอาล่ะแค่นี้แหละ ใช้ชีวิตที่เหลือของเจ้าให้ดี ข้าไม่อยากให้ลูกสาวอีกคนของข้าต้องมาจากไปอีกคน..” ลุงยิ้มกล่าวและหลั่งน้ำตาหลังกล่าวจบ…
รุ่งเช้า..
กลุ่มอัศวินเรเว่นและลุงยิ้มได้ออกเดินทางจากดรากูลไปยังสนามรบ…การรบครั้งนี้อาจจะไปไม่สวยอย่างที่เคยเป็นมา..
ภายในปราสาทของเมืองหลวงราชอาณาจักรอวาร่อน
“คราวนี้แหละ..อาณาจักรอวาร่อนจะต้องชดใช้!!” หญิงสาวปริศนากล่าวพร้อมกับหัวเราะ