ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 119 ใช้ฝีมือที่แท้จริงตบหน้าหงาย!

หมัดทรงพลังกลายเป็นเสือที่ดุร้ายพร้อมพุ่งไปทางฉู่เฟยชิง

 

 

เดิมทีองค์หญิงฉู่ผู้นี้ยืนอยู่กับที่อย่างหยิ่งผยองเพื่อเตรียมรับกระบวนท่า แต่หลังจากเจียงหลีออกหมัดกระบวนท่าแรก จึงรับรู้ได้ถึงแรงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

เหตุใดนางถึงแข็งแกร่งเช่นนี้! ฉู่เฟยชิงตะลึงงันในใจ

 

 

ทันใดนั้น นางก็พบว่าตนถูกสาวใช้นางนั้นหลอกเข้าแล้ว ตนฝึกฝนหลิงซื่อถึงเพียงระดับเจ็ดเท่านั้น สาวใช้นางนี้ท่าอาวุธทรงพลังกว่าตนมากอย่างเห็นได้ชัด

 

 

แน่นอนว่านางติดกับแล้ว การประลองเป็นเพียงการรับกระบวนท่าเท่านั้น มิใช่การต่อสู้ระหว่างคนสองคน

 

 

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ นางทำได้เพียงรับกระบวนท่าเท่านั้น ไม่สามารถออกอาวุธโจมตีได้

 

 

เจ้าเล่ห์! เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!

 

 

“…หมัดพิฆาตขั้นหก!” เจียงหลีส่งเสียงตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ หมัดที่มองไม่เห็นพุ่งเข้ามาราวกับเสือคำรามและพุ่งตรงไปที่หน้าอกของฉู่เฟยชิง

 

 

บัดนี้ ทุกคนในท้องพระโรงต่างตกตะลึง

 

 

ขณะนี้เอง พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าสาวใช้แห่งตระกูลลู่ซึ่งเป็นบุตรสาวของขุนนางต้องโทษ แท้จริงแล้วแสร้งแต่งเป็นหมูหลอกกินเสือ

 

 

แน่นอนว่าผลแพ้ชนะปรากฎชัดเจนแล้ว พวกเขาจะพูดอะไรได้อีกหรือ

 

 

จะโทษก็ต้องโทษพวกเขาที่ประเมินเจียงหลีต่ำไป!

 

 

ตูมมม!

 

 

อ้ากกก

 

 

เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากของฉู่ชิงเฟย

 

 

ทุกคนเห็นเพียงร่างของนางที่ถูกเจียงหลีชกจนลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่ พลังหมัดของเจียงหลีได้ทำลายพื้นหยกหลายแผ่นของตำหนักบุปผาพังไปเสียแล้ว

 

 

ผลุบ!

 

 

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นภายในท้องพระโรง

 

 

เลือดพุ่งออกมาจากปากของฉู่เฟยชิงและตกลงสู่พื้น

 

 

นางตกลงพื้นอย่างรุนแรงและกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนัก พอนางอ้าปากก็มีเลือดไหลออกมาเพิ่ม

 

 

สีหน้าของมู่เจิ้งเฟิงเปลี่ยนไปและแววตาก็ดุดันขึ้น การต่อสู้เดิมพันครั้งนี้เหนือความคาดหมายของเขานัก สิ่งที่เขาอยากเห็นคือ ตระกูลลู่ถูกเหยียดหยาม มิใช่ให้สาวใช้มาตบหน้าตนเช่นนี้

 

 

น่าเสียดาย ก่อนที่เขาจะขัดขวางการประลองนี้ เสียงของเจียงหลีก็ดังขึ้นภายในท้องพระโรงแล้ว…

 

 

“องค์หญิงเก่งมากเพคะ! กระบวนท่าแรกของข้าคือเชิงหมัดพิฆาตขั้นหก คนที่ฝึกฝนอยู่ในขั้นเดียวกันมีจำนวนน้อยนักที่จะรับมันไว้ได้ ไม่นึกว่าองค์หญิงจะรับอาวุธและกระอักเลือดออกมาเพียงสองคำเท่านั้น” เสียงแห่งความจริงใจพูดตามออกมา

 

 

กระอักเลือดออกมาเพียงสองคำเท่านั้น!

 

 

พอได้ยินเพียงเท่านี้ ก็ทำให้ฉู่เฟยชิงแทบจะไม่มีแรงกระอักเลือดต่อแล้ว

 

 

หลังจากที่คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนต่างแสดงอารมณ์แปลกๆ สาวน้อยคนนี้ช่างปากจัดยิ่งนัก!

 

 

“องค์หญิง กระบวนท่าที่สองและเป็นวิทยายุทธ์ของตระกูลลู่ ท่านตั้งท่ารับไว้ให้ดี! เพียงแค่รับอีกสองกระบวนท่า นายน้อยของข้าก็จะกลับรัฐฉู่พร้อมกับท่านได้แล้ว”

 

 

คำพูดของเจียงหลี ทำให้ฉู่เฟยชิงซึ่งเดิมทีก็โมโหมากอยู่แล้วถึงกับสำลักออกมา

 

 

นางมองไปที่ลู่เจี้ยซึ่งยืนนิ่งอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางที่โดดเด่นของเขาหลั่งไหลเข้ามาในดวงตาของนางดุจน้ำพุก็ไม่ปาน และดับความโกรธที่เจียงหลียั่วยุภายในก้นบึ้งของนางแล้วไปเสียแล้ว ใช่แล้ว อีกเพียงสองท่าเท่านั้น คนรูปงามคนนี้ ก็จะกลับไปกับข้าแล้ว ส่วนสาวใช้ชั้นต่ำนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ค่อยหาโอกาสชำระแค้น

 

 

แววตาที่แข็งกร้าวพุ่งออกจากดวงตาของนางแล้วหายวับไป

 

 

ฉู่เฟยชิงลุกขึ้นจากพื้นและยืนตรงหน้าเจียงหลีด้วยแรงเฮือกสุดท้าย แล้วยกมือขึ้นเช็ดเลือดมุมปากพร้อมกับยกคางขึ้นอย่างหยิ่งผยอง “เจ้าปล่อยมาเต็มที่เลย! ”

 

 

แม้ว่าน้ำเสียงของนางจะดูเย่อหยิ่ง แต่ก็มีความรู้สึกเขินอายซ่อนอยู่ในดวงตาของนาง

 

 

กระบวนท่านั้น แม้ว่าจะไม่ได้เอาชีวิตนาง แต่ก็ทำให้เจ็บหนักมากแล้ว!

 

 

“ฝ่ามือพันคลื่น!” เจียงหลีออกกระบวนท่าอีกครั้ง พอนางพูดจบ ก็ปล่อยเงาฝ่ามือที่โปร่งแสงนับครั้งไม่ถ้วนออกมา โดยพุ่งไปปิดกั้นการหลบหนีทั้งหมดของฉู่เฟยชิง

 

 

สีหน้าของฉู่เฟยชิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่เคยหยิ่งผยองกลับเต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัว

 

 

ทันใดนั้น ร่างของนางที่อยู่ตรงหน้าผ่านไปเพียงชั่วแวบเดียว เดิมทีเจียงหลีซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปกลับปรากฎอยู่ตรงหน้า “เจ้า…”

 

 

แต่ทว่า เจียงหลีกลับยิ้มอย่างสดใส ขณะที่นางตกใจกลัว เพียงแค่รอยยิ้มนั้นยังส่งไปไม่ถึงดวงตา ดวงตาที่เย็นเยือกนั้น ก็ทำให้หัวใจของฉู่เฟยชิงกระตุกหนึ่งครั้ง

 

 

เพียะ!

 

 

เสียงตบหน้าดังขึ้นภายในตำหนักบุปผา ทำให้ทุกคนต่างตกใจ

 

 

ฉู่เฟยชิงก็ตกตะลึงเช่นกัน แก้มของนางเหมือนถูกไฟเผาไหม้ ซึ่งไม่ได้น่าตกใจอย่างที่นางรู้สึกไว้ก่อนหน้านี้ นางช่างบังอาจยิ่งนัก!

 

 

เพียะ!

 

 

ถูกตบหน้าอีกหนึ่งที

 

 

เสียงที่คมชัดนี้ ทำให้ทุกคนภายในท้องพระโรงแข็งทื่อดังหุ่นไก่

 

 

ผ่านไปสักพักหนึ่ง พวกเขาก็ตกตะลึงกับความกล้าหาญของเจียงหลีและลืมที่จะหยุดการเดิมพันในครั้งนี้ แม้แต่ฮ่องเต้มู่เจิ้งเฟิงแห่งราชวงศ์โฮ่วจิ้นก็ตะลึงงันอยู่เช่นกัน เหตุการณ์ที่ดำเนินมาถึงบัดนี้ ล้วนเกินความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง

 

 

ฉู่เฟยชิงตื่นขึ้นหลังจากการถูกตบถึงสองหนโดยเจียงหลี นางพูดด้วยความเดือดดาลว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึง…”

 

 

“ยินดีด้วยพระองค์หญิงสำหรับการรับกระบวนท่าที่สองไว้ได้ เพียงอีกกระบวนท่าเดียว นายน้อยของข้าก็จะกลับรัฐฉู่พร้อมกับท่านแล้ว หากท่านนำคนรูปงามเช่นนี้กลับไปได้ เพลานั้นท่านก็จะกลายเป็นบุคคลที่สตรีฉู่ทุกคนอิจฉา” เจียงหลี่ขัดจังหวะคำพูดของนาง

 

 

คำชมเช่นนี้ ทำให้ฉู่เฟยชิงได้แต่เก็บความโกรธเคืองไว้ในใจ ถึงจะอยากปลดปล่อยอารมณ์โกรธออกมาแต่ก็ทำไม่ได้

 

 

นางคิดเพียงในใจว่า ข้ารับได้สองกระบวนท่าแล้ว เพียงแค่รับอีกกระบวนท่าเดียวเท่านั้นก็จะชนะแล้ว พอถึงเวลานั้น สาวใช้ชั้นต่ำนี้จะต้องตายอย่างแน่นอนและจะให้นางตายทั้งเป็น

 

 

“กระบวนท่าที่สาม…” เจียงหลีกระโดดถอยหลังและยืนห่างจากฉู่เฟยชิง รอยฝ่ามือที่รวมอยู่รอบตัวของฉู่เฟยชิงก็ค่อยๆ จางหายไป

 

 

เวลานี้ แรงกดทรงพลังที่น่าสะพรึงกลัวกำลังรวมตัวอย่างกะทันหัน

 

 

“ฉีกเวหาาาา!” เจียงหลีตะโกนออกมาด้วยเสียงทุ่มต่ำ แววตาของนางเต็มไปด้วยความพิฆาตที่มืดมน

 

 

ฉู่เฟยชิงถูกนางจ้องมอง ราวกับว่าทั้งร่างของนางตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งและทั้งตัวก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยความเย็นเยือก วิกฤตการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและกำลังจะหล่นทับมาใส่ร่างของนาง

 

 

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกกลัวขึ้นมากจริงๆ !

 

 

นางคิดว่าสาวใช้ตัวแสบนางนี้จะเอาชีวิตนางจริงๆ แล้ว…

 

 

“เสด็จอาเขยช่วยข้าด้วย…” ฉู่เฟยชิงรู้สึกหวาดกลัวในใจและไม่สนใจความหยิ่งผยองของตนแล้ว รวมถึงไม่มีความกล้าที่จะต่อกรอีกต่อไป จึงหันหลังและวิ่งไปทางมู่เจิ้งเฟิง

 

 

เพียงแต่ทันทีที่นางหันกลับมา วิญญาณยุทธ์ที่น่าสยดสยองก็ฉีกออกจากด้านหลัง พุ่งใส่เสื้อของนางอย่างรุนแรง ยกโยนร่างนางลอยขึ้นสูงและพุ่งไปทางแท่นสูงที่ฮ่องเต้นั่งประทับอยู่

 

 

ทันใดนั้นภาพลวงตาของเลี่ยเทียนซื่อก็ปรากฏขึ้นและค่อยๆ หายวับไป

 

 

เมื่อวิญญาณยุทธ์ที่รุนแรงและการทำลายล้างได้จางหายไปแล้ว ฉู่เฟยชิงก็ล้มลงอย่างหนักตรงแทบเท้าของมู่เจิ้งเฟิงและกระอักเลือดออกมาไม่หยุดแล้วนางก็หมดสติไป

 

 

“เพียงสามกระบวนท่าของข้าเท่านั้นยังรับไม่ไหว อาศัยฝีมือของเจ้าก็คู่ควรกับนายน้อยของข้าแล้วงั้นหรือ” คำพูดที่ดุดันลอยออกมาจากร่างที่เล็กและผอมบาง แต่กลับทำให้ทุกคนในท้องพระโรงถึงกับตะลึง

 

 

“ชิงชิง!” ฉุนกุ้ยเฟยอุทานพร้อมกับรีบวิ่งไปหาหลานสาวที่แก้มบวมอยู่ โดยอีกด้านหนึ่งนางก็ไม่ลืมที่จะกำชับสาวใช้ว่า “ไปเชิญหมอหลวงเร็วๆ เข้า”

 

 

ณ ตำหนักบุปผา ทุกคนต่างเงียบสนิทและบรรยากาศเหมือนตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง บางคนมองเจียงหลีผู้กล้าหาญด้วยความตกใจ ขณะที่คนอื่นๆ ที่กังวลใจกลับมองไปที่ฮ่องเต้ซึ่งกำลังจะระเบิดอารมณ์โกรธออกมา

 

 

“ฝ่าบาท ท่านต้องยุติธรรมต่อชิงชิงและเพื่อหม่อมฉันด้วยนะเพคะ!” ฉุนกุ้ยเฟยคุกเข่าลงกับพื้น แล้วเงยใบหน้าดอกสาลี่ฉ่ำสายฝนขึ้นมองสามีของนาง

 

 

บัดนี้ เจียงหลียังคงยืนปกป้องลู่เจี้ยอยู่ในท้องพระโรง โดยให้เขายืนอยู่ข้างหลัง

 

 

ขณะที่ลู่เจี้ยดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศอันแสนตึงเครียดภายในท้องพระโรงแห่งนี้เลย และแววตาของเขายังคงจับจ้องไปที่แผ่นหลังที่ยืนตระหง่านเข้มแข็งอยู่

 

 

“จับสาวใช้เหิมเกริมนี้เอาไว้!” ในที่สุด มู่เจิ้งเฟิงที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset