ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 140 อยากฆ่าราชินีอย่างข้างั้นรึ

เมื่อเหมิงหนิวได้ยิน หางที่ห้อยอยู่ที่พื้นก็กระดกชี้ขึ้นฟ้าด้วยความตกใจ

 

 

มอออ

 

 

มันเงยหัวส่งเสียงร้อง วิ่งอย่างสุดพลัง พวกวิญญาณยุทธ์ระดับต่ำที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ล้วนแต่โดนมันขวิดจนกระเด็น พาเจียงไปหลีไปด้วยท่าทางที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางกลุ่มวิญญาณยุทธ์ ได้ฆ่าผู้คนไปมากมาย

 

 

เห็นว่าเจียงหลีจะหนีไปอีกครั้ง หลิงไซว่ที่ไล่ตามมาฆ่า หัวเราะอย่างเยือกเย็น สายตาคู่นั้นราวกับกำลังมองคนตายอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เขากระโดดขาคู่ไปในอากาศ ภาพมายาสามตนลอยขึ้นมาอยู่ด้านหลังของเขา พลังที่แข็งแกร่งปรากฏออกมาจากตัวของเขา

 

 

เขายื่นมืออกมา จับไปทางที่เจียงหลีหนี

 

 

กรงเล็บที่แหลมคมของวิญญาณยุทธ์ก็ผสานเข้ากับนิ้วมือของเขา ยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพุ่งไปยังเจียงหลีอย่างรวดเร็ว หลิงเจี้ยงสองคนนั้นก็แยกกันออกเป็นซ้ายทาง ขวาทาง เพื่อต้องการที่จะขัดขว้างเหมิงหนิวที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว

 

 

ความคับขัน ความร้อนรน แล้วยังมีอันตรายจากด้านหลัง ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ หนังหัวชาไปหมด

 

 

โดยเฉพาะตอนที่กรงเล็บที่แหลมคมใกล้จะจับโดนหัวของนาง ท่ามกลางการถูกโจมตี นางได้ตอบโต้กลับ ยกมือขึ้นโบกไปด้านหลังโดยที่ไม่ได้มองอะไรเลย

 

 

โฮกกก

 

 

เลี่ยเทียนซื่อส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ รวมเป็นหนึ่งเข้ากับมือของเจียงหลี โบกมืออย่างแรงไปด้านหลัง

 

 

ตู้มมม

 

 

กรงเล็บยักษ์ใหญ่ของวิญญาณยุทธ์ทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ พลังวิญญาณที่สั่นสะเทือนจากการปะทะแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง

 

 

ฟูว

 

 

ถูกการตอบโต้ของพลังวิญญาณราวกับเจียงหลีโดนกระแทกเข้าที่ด้านหลังอย่างแรง ร่างกายถูกตีตกลงจากหลังของเหมิงหนิว กระอักเลือดออกมา

 

 

และภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อก็ได้สลายหายไปท่ามกลางการโจมตีครั้งนี้ ประสานเข้ากับกรงเล็บยักษ์ใหญ่เกิดแสงสีทอง

 

 

หลิงไซว่คนนั้นเห็นเจียงหลีที่แบกรับพลังจนเกินตัว มือไขว้หลังแล้วสบถอย่างเยือกเย็น ไล่ตามเจียงหลีไปอีกครั้ง

 

 

แต่เจียงหลี ร่างเล็กๆ ของนางหมุนอยู่กลางอากาศหลายรอบ โผเข้าหาเหล่าวิญญาณยุทธ์ ล้มลงบนพื้นหินทราย

 

 

ที่หน้าอก เลือดลมไหลเวียนไม่ดี รู้สึกอึดอัดมาก

 

 

เจียงหลีกลับไม่ได้สนใจร่างกายที่อาการไม่ค่อยดี ลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม

 

 

ในตอนที่หางตานางเปล่งประกาย ร่างทั้งสอง ทั้งทางซ้ายและทางขวาที่ไล่ตามมาก็ใกล้เข้ามาแล้ว

 

 

เหมือนกับพวกเขาจะฆ่าเจียงหลีในอาณาเขตหลิงอู่นี้ให้ได้!

 

 

ตูม

 

 

เจียงหลีปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์อีกครั้ง ภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

 

“ฉีกเวหาาาาา!”

 

 

“ฉีกเวหาาาาา!”

 

 

“ฉีกเวหาาาาา!”

 

 

“…….”

 

 

เจียงหลีใช้ทักษะพรสวรรค์อย่างต่อเนื่องหกครั้ง ซ้ำกันหกครั้ง ทำให้เกิดพลังรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก พุ่งเข้าใส่หลิงไซว่และหลิงเจี้ยงทั้งสอง

 

 

“เป็นไปได้อย่างไร นางสามารถใช้ทักษะพรสวรรค์ติดต่อกันถึงหกครั้งได้อย่างไร!”

 

 

“ร่างกายของนางกักเก็บพลังวิญญาณได้มากแค่ไหนกันแน่”

 

 

หลิงเจี้ยงทั้งสองตกใจหน้าซีด รีบรับมือ

 

 

ใช้ทักษะพรสวรรค์ซ้ำกันหกครั้ง ทำให้พวกเขารู้สึกถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เหมือนกับว่าภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งนี้ ถึงแม้ขั้นพลังของพวกเขาจะสูงกว่าเจียงหลี แต่ก็สามารถบาดเจ็บสาหัสได้

 

 

หลิงไซว่หรี่ตา รูม่านตาหดลง

 

 

ราวกับว่าตอนนี้เขาเข้าใจความคิดของอู๋เชียนที่ต้องฆ่าเจียงหลีให้ได้แล้ว และความสนใจนาง พรสวรรค์ที่อัปมงคลเช่นนี้ ร่างกายที่พิเศษเช่นนี้ ถ้าหากปล่อยให้เติบโตไป ต้องกลายเป็นหอกข้างแคร่ของสำนักหลิงอู่เป็นแน่

 

 

ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้มมม!

 

 

พลังที่บ้าคลั่งกลายเป็นคลื่นพลังมหึมา กลืนกินโลกใบนี้

 

 

ภูเขาแม่น้ำสลายไป ผืนแผ่นดินล่มสลาย วิญญาณยุทธ์เหล่านั้นถูกพลังของทางนี้ทำให้เปลี่ยนทิศทาง หนีไปอีกทางหนึ่ง

 

 

และคลื่นพลังที่ใหญ่ขนาดนี้ ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนบริเวณนั้น

 

 

ท่ามกลางความโกลาหล ก่อนที่เจียงหลีจะเข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่ ได้หยิบลูกศรที่สถาบันไป๋หยวนแจกให้ออกมา ขอเพียงยิงมันออกไป ก็จะสามารถเรียกคนสถาบันไป๋หยวนให้รีบตามมาช่วยได้

 

 

คนพวกนี้ต้องการจะฆ่านาง เกรงว่าจะกล้าแค่ลับหลัง ไม่กล้าลงมือท่ามกลางผู้คนมากมาย มิฉะนั้นคนของสถาบันไป๋หยวนต้องสืบหาอยู่ด้านนอก

 

 

ถึงอย่างไร ตอนนี้นางก็เป็นลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน ยิ่งไปกว่านั้นเข้ามาที่นี่เพราะผ่านสถาบันไป๋หยวน

 

 

ดังนั้น ในตอนที่นางยิงลูกศรออกไป กลับพบว่าลูกศรได้ยิงออกไปแล้ว แต่กลับเงียบเชียบ เจียงหลีสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วรีบควักลูกศรที่เหลืออกมา นางยิงออกไปอีกหนึ่งดอก

 

 

ครั้งนี้ ก็ยังคงไม่มีเสียงอะไรเหมือนเดิม เดิมทีก็ไม่มีวิธีขอความช่วยเหลือจากคนสถาบันไป๋หยวนที่อยู่รอบๆ

 

 

ใบหน้าเล็กๆ ของเจียงหลีเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง สีหน้าดูไม่ค่อยดี นางกลอกตาไปมา ใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้น ยากจะคาดเดาได้ว่านางรู้สึกอย่างไร

 

 

ลูกศรดอกสุดท้าย นางไม่ได้ยิงอีกครั้ง แต่เก็บกลับเข้าไป

 

 

ลูกศร ล้วนแต่ถูกแจกจ่ายโดยศิษย์ปัจจุบันของสถาบันไป๋หยวน นางจำได้ว่าผู้ชายที่แจกลูกศรให้นางที่เจดีย์หิน เป็นคนที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้มีอะไรดึงดูดให้คนสนใจ ตอนที่แจกลูกศรเหล่านี้ให้นาง ก็ไม่ได้ดูมีอะไรผิดปกติ

 

 

เป็นแผนการที่น่าสงสัยจริงๆ! เจียงหลีหัวเราะในใจ

 

 

อ้ากกก เสียงที่น่าเวทนาดังขึ้น

 

 

หลิงเจี้ยงทั้งสองที่ตามไล่ฆ่านั้น มีคนหนึ่งหลบไม่ทัน ร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาถูกเลี่ยเทียนโจมตีเสียยับเยิน

 

 

แต่ยังไม่ทันรอให้เจียงหลีดูเขาชัดๆ หลิงไซว่คนนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าเจียงหลีแล้ว

 

 

……

 

 

“ลมปราณของเลี่ยเทียนซื่อ!”

 

 

ตรงที่เจียงหลีอยู่นั้นไกลมาก ลู่เจี้ยที่พาดเสื้อคลุมสีดำไว้บนบ่า แล้วก็หยุดลงทันที หันกลับไปมองทางนั้น

 

 

เขาเป็นเนี่ยนจง พลังแข็งแกร่งมาก ยิ่งเป็นลมปราณของเลี่ยเทียนซื่อก็คุ้นเคยเป็นอย่างมาก

 

 

หลังจากที่ระเบิดทักษะพรสวรรค์ซ้ำกันหกครั้ง เกือบจะทำให้ลมปราณของเลี่ยเทียนซื่อกระจายไปทั่วอาณาเขตหลิงอู่ เพราะระยะห่างของการแผ่กระจายลมปราณ จึงเบาบางมากๆ แต่ลู่เจี้ยก็ยังคงรับรู้ได้

 

 

“เกิดเรื่องกับหลีเอ๋อร์แล้ว! มีคนลงมือกับหลีเอ๋อร์!” ครู่เดียวน้ำเสียงของลู่เจี้ยก็เย็นชาขึ้นมา

 

 

“ลู่จ้าน” ลู่เจี้ยเรียก

 

 

ลู่เจี้ยเดินไปถึงตรงหน้าของลู่จ้าน เดินกลับมาในทันที “นายน้อย”

 

 

“หลีเอ๋อร์เกิดเรื่องอยู่ทางนั้น เจ้ารีบไป ถ้าหากใครกล้าทำร้ายนาง ตายสถานเดียว!” ในน้ำเสียงของลู่เจี้ยแฝงไปด้วยความดุดันและจิตสังหาร

 

 

ลู่จ้านตกใจ แต่มองลู่เจี้ยด้วยความเป็นห่วง “นายน้อย ข้าน้อยไปแล้ว ท่านจะทำอย่างไร” ร่างกายของเนี่ยนซืออ่อนแอมาก ยิ่งไปกว่านั้นเป็นนายน้อยของเขา ถ้าหากว่าเจอกับคนอื่น หรือว่าวิญญาณยุทธ์ ถึงแม้ว่าลู่เจี้ยจะเป็นเนี่ยนจงก็น่าจะไม่ไหว

 

 

“ไม่จำเป็นต้องสนใจข้า รีบไป ถ้าหากว่าหลีเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว เจ้าต้องรับผิดชอบ!” ลู่เจี้ยพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

 

ลู่จ้านตาจ้องมอง กัดฟันแล้วหันตัวไปปลดปล่อยพลังวิญญาณ ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปจากตรงหน้าลู่เจี้ย

 

 

ลู่เจี้ยเงยหน้าขึ้นมา ใต้หมวกของชุดคลุม เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติ เพียงแต่ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดมาก แม้แต่ริมฝีปากก็ซีดขาว

 

 

หลีเอ๋อร์! หลีเอ๋อร์!

 

 

มือทั้งสองข้างที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อคลุม ค่อยๆ กุมแน่น

 

 

เขาไม่เคยเกลียดตัวเองแบบนี้ที่ไม่สามารถฝึกฝนพลังขั้นหลิงซือมาก่อน เนี่ยนซือ ถึงแม้ว่าเป็น

 

 

เนี่ยนซือ แต่ความเร็วของเขาเร็วกว่าหลิงเจี้ยงแค่นิดเดียว

 

 

ดังนั้น เขาทำได้เพียงให้ลู่จ้านตามไปคนเดียว

 

 

ส่วนเขา ทำได้เพียงใช้ความเร็วที่สุดของตนเองตามไปอยู่ข้างเจียงหลี

 

 

……

 

 

รอยยิ้มที่โหดเ**้ยมของหลิงไซว่ สะท้อนอยู่ในลูกตาดำของเจียงหลี

 

 

ภายในระยะห่างที่ใกล้เช่นนี้ เจียงหลีรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกายของตัวเองแข็งตัว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นางอยากใช้ตี๋หวังนู่ แต่ว่าการจะใช้วิชาลับ ต้องใช้เวลาพอสมควร

 

 

หลิงไซว่ชูมือขึ้น หมายจะกำจัดเจียงหลี

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset