ในอาณาเขตหลิงอู่ สถานที่ที่เป็นหนองน้ำ
ที่นี่ไม่มีต้นไม้ใบหญ้า มีเพียงดินโคลนที่เหม็นเน่า แล้วก็ซากกระดูก
บนฟ้าร่างคนคนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วลงมาอยู่ที่ใดสักที่หนึ่งในหนองน้ำ ตรงไปยังก้อนหินที่บุ๋มลงไป “นายน้อย!”
ได้ยินเสียงของเขาเรียกด้วยความเป็นกังวล ถึงสังเกตที่เงาของก้อนหินที่บุ๋มลงไปก้อนนั้น มีเงาคนที่มืดครึ้มอยู่ ถูกความมืดมนปกคลุม นั่งอยู่ท่ามกลางดินโคลน
แค่กๆ ร่างคนไอด้วยความกลุ้มใจ ทำให้เขากังวลขึ้นมาทันที
“นายน้อย ข้าน้อยมาช้า ได้โปรดอภัยให้ข้าน้อยด้วย!” ลู่จ้านคุกเข่าลงต่อหน้าเขา สีหน้าดูมีความรับผิดชอบ
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” น้ำเสียงของลู่เจี้ยยิ่งไม่มีอะไร
ลู่จ้านเงยหน้าขึ้นมา พูดขอร้อง “นายน้อย พวกเราออกไปกันเถอะ! ร่างกายของท่านจะแย่!”
“……” ริมฝีปากทั้งสองข้างของลู่จ้านเม้มแน่น เกิดความรู้สึกสับสน ร่างกายของนายน้อยเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเจียงหลีอีก
“ตอนที่ข้าไปถึง มีคนช่วยนางไปแล้ว หลิงไซว่คนนั้นที่ตามฆ่านาง ก็ถูกข้ากำจัดออกจากอาณาเขตหลิงอู่ไปแล้ว” ลู่จ้านพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเรียบง่าย
ได้ยินว่ามีคนช่วยเจียงหลีไว้แล้ว ลู่เจี้ยถึงโล่งอก “ก็ดี”
เดิมทีเขาจะไปตามหาเจียงหลีด้วย แต่ว่าตามหาได้ไม่นาน เขาก็รับรู้ได้ถึงลมปราณของเสวียนกังกุย
ลมปราณนั้นอ่อนมาก เหมือนกับว่าปล่อยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนที่เสวียนกังกุยพลิกตัว
กลัวว่าจะพลาดตำแหน่งที่แน่นอนไป เขาก็เลยเปลี่ยนแผน คนหนึ่งไปยืนยันตำแหน่งของเสวียนกังกุย
ระหว่างทางที่มาถึงที่นี่ เขาได้พบกับวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ได้ทำการสังหารมาตลอดทาง ทำให้โรคเก่าของร่างกายกำเริบ
“นายน้อย ในเมื่อหาเสวียนกังกุยเจอแล้ว พวกเราก็ออกไปกันเถอะ ร่างกายของเนี่ยนซือ อยู่ในอาณาเขตหลิงอู่เสียเปรียบมากจริงๆ แล้วร่างกายของท่านก็อ่อนแออยู่แล้วด้วย” ลู่จ้านพูดด้วยความร้อนใจ
แต่ลู่เจี้ยกลับพูดว่า “ไม่ได้ ยังต้องหาวิธีนำข่าวคราวของเสวียนกังกุยไปบอกหลีเอ๋อร์”
“นี่มัน……” ลู่จ้านขมวดคิ้ว
พวกเขาเข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่ ก็ปิดบังเจียงหลีไว้ แล้วตอนนี้จะเอาเรื่องนี้ไปบอกนางอย่างไร
“เจ้าไปหาคนมาสองคน ให้พวกเขาเอาเรื่องของเสวียนกังกุยเผยแพร่ออกไป” ลู่เจี้ยพูดเสียงเบา
“แต่ว่าหากทำเช่นนี้ คงจะทำให้คนที่อยากได้เสวียนกังกุยมากันมากมาย” ลู่จ้านมีความลังเล
ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีปัญหา ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักที่เหมาะสม มีพวกเราคอยแอบดูอยู่ เจียงหลีก็จะไม่เป็นอะไร เสวียนกังกุยถูกกำหนดมาให้เป็นวิญญาณยุทธ์ตนที่สองของหลีเอ๋อร์”
ลู่จ้านทอดถอนใจ
ดูท่าแล้ว นายน้อยของเขาถ้าไม่เห็นว่าเจียงหลีผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์ตนที่สองสำเร็จก็จะไม่ออกจากอาณาเขตหลิงอู่
……
อีกด้านหนึ่งของอาณาเขตหลิงอู่ เจียงเฮ่าวิ่งออกมาจากฝูงวิญญาณยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ยืนตรงหน้าเจียงหลี ส่ายหัวไปมา
เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย “ก็ยังไม่เจอรึ วิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยอยู่ที่ไหนกันแน่”
“อย่ารีบร้อนไปอาหลี พี่จะช่วยเจ้าหาเสวียนกังกุยจนเจอ” เจียงเฮ่ารีบพูดขึ้นมา
ตอนนี้เขาเพียงแต่เปลี่ยนหน้ากลับเป็นหน้าของจิ่งเยี่ย ยังสวมหน้ากากโลหะนั้นอีก ปิดบังใบหน้าของตนทั้งหมด กลัวแต่ว่าจะเจอเข้ากับคนของสถาบันไป๋หยวนหรือคนของสำนักหลิงอู่ ก็จะถูกจำได้
ก่อนที่ความแค้นของตระกูลเจียงจะได้รับการสะสาง เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่จะพัวพันกับเจียงหลีได้
“แต่ว่าอาณาเขตหลิงอู่ใหญ่ขนาดนี้ เวลาที่พวกเราอยู่ในนี้มีจำกัด ถ้าหากว่าไม่มีข่าวคราวของเสวียนกังกุย กลัวว่าครั้งนี้จะกลับไปมือเปล่า” เจียงหลีขมวดคิ้ว
ก่อนที่จะเข้าสู่อาณาเขตหลิงอู่ นางไม่คิดว่าจะหาวิญญาณยุทธ์ที่เหมาะกับนางได้นั้น จะยากขนาดนี้
แต่ว่าพอคิดดูแล้วก็เป็นเรื่องปกติ
คนอื่นเข้ามา ส่วนมากที่เจอก็ไม่ธรรมดา สามารถทำให้วิญญาณยุทธ์เชื่องและผสานเข้ากันได้ แต่นางมาหาแบบมีเป้าหมายโดยเฉพาะ ก็เป็นธรรมดาที่จะหายากมาก
“ไม่เป็นไร ถ้าหากครั้งนี้หาไม่เจอ อีกไม่กี่วัน เดี๋ยวพี่เข้ามาช่วยเจ้าหาอีก!” เจียงเฮ่าปลอบ
คำพูดของเขาทำเจียงหลีขำ ความรักที่เจียงเฮ่ามีให้น้องสาวคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เพียงแต่ว่า
แววตาของเจียงหลีเปล่งประกาย พูดอย่างแน่วแน่ว่า “ข้าเชื่อว่าข้าต้องหามันเจอ!”
“พวกเราไปดูที่อื่นกันเถอะ” เจียงเฮ่าพูด
ทั้งสองเดินทางต่อในอาณาเขตหลิงอู่ ตั้งแต่หลังจากที่เจียงเฮ่าปรากฏตัว เจียงหลีก็ไม่มีโอกาสได้ลงมือทำอะไรเลย
ถึงอย่างไรเมื่อเจอกับอันตราย หรือเจอกับวิญญาณยุทธ์ เจียงเฮ่าก็จะให้นางหลบอยู่ด้านหลัง
ตอนที่เจอกับคนอื่น ลมปราณที่เจียงเฮ่าปล่อยออกมา ก็ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เพียงแต่ว่าเจียงหลีและเจียงเฮ่าเข้าใจในจุดนี้ดี นั้นก็เพราะว่าไม่มีประโยชน์ในการปะทะกัน
“ได้ยินรึยัง ลมปราณของเสวียนกังกุยปรากฏอยู่ที่หนองน้ำเป่ยยวน”
“ได้ยินแล้ว ข้าก็กำลังจะไปเหมือนกัน”
“แต่เสวียนกังกุยเป็นวิญญาณยุทธ์ขั้นหนึ่ง ไม่ได้เจอกันได้ง่ายๆ แล้วยิ่งทำให้เชื่อง”
“โธ่ ข้าไม่ได้ดวงดีแบบนั้นแน่นอน แต่ไปดูหน่อยก็ดี”
“เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ”
“ได้!”
“……”
สองคนนั้นที่เดินผ่านหน้าเจียงเฮ่ากับเจียงหลีไป เรื่องที่พูดดึงดูดความสนใจของพวกเขา
เสวียนกังกุย?
เจียงเฮ่าพุ่งไปขวางข้างหน้าสองคนนั้นก่อนที่เจียงหลีจะขยับ
“เจ้าเป็นใคร”
การปรากฏตัวของเจียงเฮ่า ทำให้ทั้งสองคนระวังตัวทันที
“ไม่ต้องห่วง ข้าแค่มีเรื่องอยากจะถามท่านทั้งสองเสียหน่อย” เจียงเฮ่าพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน
เห็นเจียงเฮ่าไปแล้ว เจียงหลีก็เลยอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
ครู่หนึ่ง เจียงเฮ่าบอกลากับสองคนนั้น ก้าวย่างเท้าอย่างเร็วกลับมาอยู่ข้างๆ เจียงหลี “อาหลี! เป็นข่าวคราวเรื่องเสวียนกังกุยจริงๆ ด้วย”
ท่าทางที่ดีใจของเขา เหมือนกับตัวเขาเองที่อยากได้วิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุย
“เพียงแต่เรื่องนี้แผ่ออกไป ทำให้คนมามากมาย พวกเราต้องรีบแล้ว รีบไปให้ถึงก่อน แล้วชิงทำให้เสวียนกังกุยเชื่อง” หลังจากที่เจียงเฮ่าตื่นเต้น แววตาของเขาก็จริงจังขึ้น
“ได้!” เจียงหลีพยักหน้า
ตามหาอยู่ในอาณาเขตหลิงอู่มาสิบวัน ในที่สุดก็ได้ข่าวคราวของเสวียนกังกุย นางจะปล่อยไปได้อย่างไร ส่วนคนที่ต้องการจะแย่งกับนาง……
ใครแย่ง! ก็ฆ่าคนนั้น! ดวงตาที่สดใสของเจียงหลี เผยจิตสังหารที่ดุดันออกมา
“วางใจได้อาหลี พี่จะช่วยเจ้าแย่งชิงวิญญาณยุทธ์เสวียนกังกุยมาให้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าใครกล้าเข้ามาขว้าง พี่ก็จะช่วยเจ้าฆ่ามัน”
คำมั่นสัญญาของเจียงเฮ่าที่พูดกับนาง ทำให้จิตสังหารในแววตาของเจียงหลีหายไป
นางมองพี่ชายที่ไม่เอาไหนของตนเอง ยิ้มอย่างสดใส “พี่ใหญ่เก่งมาก!”
คำพูดนี้ทำให้เจียงเฮ่าฮึกเหิม ยิ้มมุมปากอยู่ภายใต้หน้ากาก
ราวกับว่าคำพูดของน้องสาวทำให้เขาดีใจยิ่งกว่าได้เลื่อนขั้นพลังเสียอีก
ในอาณาเขตหลิงอู่ พายุที่สืบเนื่องมาจากเสวียนกังกุยกำลังก่อตัวอย่างช้าๆ แล้วมุ่งไปยังหนองน้ำ เป่ยยวน