ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 164 หัวใจของนางสามารถสั่นสะเทือนฟ้าดินได้

พลังอาฆาตทำลายล้างทุกสิ่ง

 

 

หรงจิ่งถูกปกคลุมไปด้วยความพยาบาท จนถึงตอนนี้เขารับรู้ถึงความอาฆาตเขาของเจียงหลีแล้ว

 

 

ไม่!

 

 

นางไม่ได้มีใจอาฆาตแค้นข้า นางใคร่ต่อสู้กับข้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีต่างหาก หรงจิ่งเข้าใจขึ้นมาทันที

 

 

ตู้มม!

 

 

ทันใดนั้นพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งระเบิดออกมาจากร่างของเขาก่อตัวเป็นพายุหมุนวนนอกร่างกาย

 

 

พลังวิญญาณก่อร่างเป็นพายุหมุนเข้าปะทะกับแรงอาฆาตกดดันอย่างดุเดือด ในขณะนั้นแสงไฟกระพริบโลกมืดสลัวและพื้นที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่น่ากลัวและยังทำให้ผู้คนจำนวนมากในซั่งตูตกใจแตกตื่น

 

 

ใครก็มิอาจคาดคิด เพียงการประลองต่อสู้ระหว่างหลิงเจี้ยงจะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้

 

 

เสียงดังตู้มต้ามแสงที่รุนแรงปะทุขึ้นจากจุดปะทะกระจายอย่างรวดเร็วไปรอบๆ กลางอากาศและตัดต้นไม้ในพื้นที่ล่าสัตว์จนราบคาบเป็นหน้ากลอง

 

 

ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเหลือเพียงรอยตัดแบนราบและส่วนที่ถูกตัดก็บิดเบี้ยวเป็นธุลีด้วยพลังที่น่ากลัวนี้และกระจัดกระจายไปบนท้องฟ้า

 

 

อ๊ากกก!

 

 

ทุกคนต่างร้องอุทานก้มตัวและนั่งยองๆ โดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวาและตื่นตะลึง

 

 

แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะมองไปยังสถานที่ที่หรงจิ่งยืนอยู่และ…เจียงหลี!

 

 

อาหลี! จิ่งเยี่ยตะโกนเรียกในใจมองไปยังร่างตรงตระหง่านราวกับมีดดาบปักผืนดินของเจียงหลี

 

 

ฟู่ว!

 

 

บริเวณมุมริมฝีปากของเจียงหลีมีเลือดสีแดงฉานไหลออกมา

 

 

บนคอเรียวของนางมีรอยแตกเปื้อนเลือด กลิ่นอายที่ผสมกับพลังฟ้าดินได้จางหายไปอย่างรวดเร็วและมลายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

แม้แต่ลมหายใจของนางเองก็อ่อนระทวยลงเล็กน้อย

 

 

“นังเด็กบ้านี่!” ฉินเทียนอีมองไปยังเงาร่างในอาภรณ์ชุดดำที่แข็งกร้าวแล้วพึมพำเสียงทุ้มต่ำ

 

 

เล็บทั้งสองข้างของจิ่งเยี่ยจิกลึกเข้าไปในอุ้งมือ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอาหลีถึงทำเยี่ยงนี้ แม้กระทั่งเขาก็แค้นเคืองที่น้องสาวถูกทำให้กลายเป็นผู้ปกป้องนายน้อยตระกูลลู่เยี่ยงนี้!

 

 

เขามีสิทธิ์อะไรถึงให้อาหลีทำเพื่อเขาเช่นนี้

 

 

ดวงตาของจิ่งเยี่ยฉายแววเกลียดชังแม้กระทั่งตอนที่หันไปมองลู่เสวียนก็ยังมีความรู้สึกไม่ชอบใจ

 

 

ลมรอบๆ พัดพลังวิญญาณที่บ้าคลั่งออกไปเผยให้เห็นร่างยาวของหรงจิ่ง

 

 

“ยังไม่ตาย!”

 

 

“คุณชายจิ่งจะมาตายง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้อย่างไร”

 

 

ทุกคนประหลาดใจและรู้สึกโชคดี อย่างไรเสียก็น่าเสียดายหากเทียนเจียวอย่างหรงจิ่งจะมาตายเช่นนี้

 

 

แค่กๆ หรงจิ่งลงมาปรากฏตัวหน้าผู้คนอีกครั้งไอรุนแรงสองครั้งและสีหน้าของเขาดูดีขึ้นหลังจากไอออกมาเป็นเลือด

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หญิงสาวชุดดำที่ยืนอยู่ตรงข้ามและเปิดเผยความอับอายของเขาต่อหน้าผู้อื่นในยามนี้

 

 

ชุดคลุมขาวสว่างสีจันทร์บนร่างของหรงจิ่งเปื่อยยุ่ยจนแทบดูไม่ได้ ช่วงแขนที่เปิดเผยถูกปกคลุมไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์

 

 

เมื่อเห็นเขาเป็นเชนนั้นทุกคนก็ประหลาดใจและถอนหายใจให้กับความเข้มแข็งของหรงจิ่ง

 

 

การประลองเมื่อครู่นี้หากลองเปลี่ยนเป็นพวกเขาเกรงว่าไม่สามารถต้านทานได้เลย

 

 

“หรงจิ่ง…” ฉินเทียนอีหรี่ตาเล็กน้อยเก็บซ่อนสีหน้าขี้เล่นเอาไว้ กระบวนท่านี้ของเจียงหลีมีพลังมากพอที่จะจัดการกับนักฆ่าเหล่านั้นในเวลานั้น แต่ตอนแรกนางยังคงเป็นแค่หลิงซื่อแต่ตอนนี้นางเลื่อนขั้นเป็นหลิงเจี้ยงแล้ว

 

 

กล่าวได้เพียงว่านางไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของวรยุทธ์นี้อย่างเต็มที่ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สงสัยในพลังของวรยุทธ์นี้ แม้แต่สำหรับเขามันก็ยากที่จะสำเร็จโดยไม่เกิดการสูญเสียแต่หรงจิ่งกลับเอาอยู่

 

 

การมองเห็นของหรงจิ่งนั้นชัดเจนมากทำให้ผู้คนรู้สึกว่าภายใต้ดวงตาคู่นี้เก็บซ่อนความคิดชั่วร้ายไว้ไม่มิด

 

 

เจียงหลียกยิ้มมุมปากที่มีรอยเปื้อนเลือดแล้วจ้องมองเขาโดยไม่แสดงความอ่อนแอให้เห็น “คุณชายจิ่งช่างต่อกรยากด้วยจริงๆ” โชคดีที่มีเสวียนกังกุยปกป้องร่างกายเอาไว้ มิฉะนั้นนางจะใช้พลังความโกรธของจักรพรรดินีง่ายๆ ได้อย่างไร

 

 

“เจ้าก็ทำให้ข้าประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน” หรงจิ่งตอบอ้อยอิ่ง

 

 

ฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงของเขายินดีหรือยินร้าย

 

 

ผู้คนยากที่จะคาดเดาว่าสรุปแล้วเพราะการประลองต่อสู้ครั้งนี้โกรธจริงหรือไม่

 

 

“หรงจิ่งหมายความว่าอย่างไร” โจวยวนที่หายจากอาการตกใจขมวดคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเจียงหลีออกหน้าออกตาทำให้นางรู้สึกอึดอัด “เป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เขาเป็นถึงคุณชายตระกูลสูงส่งจะแพ้นางได้หรือ”

 

 

“หรงจิ่งยังไม่ได้ลงมือต่างหาก” มู่หว่านโหรวจดจ้องไปที่สองคนนั้นแล้วแก้คำพูดของโจวยวน

 

 

อันที่จริงการประลองเมื่อครู่นี้หรงจิ่งทำเพียงแค่ตั้งรับยังไม่ทันได้ลงมือ

 

 

“ไม่ว่าการประลองครั้งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตามและไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเยี่ยงไร เจียงหลีนี้จะกลายเป็นสิ่งที่น่าตื่นตาที่สุดของงานล่าสัตว์ฤดูร้อนนี้” มู่ชิงเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

 

 

ในเวลานี้นางได้ขจัดความผิดหวังและความเศร้าโศกในใจและฟื้นคืนกิริยาความสง่างามขององค์หญิง

 

 

เมื่อคำพูดนี้ออกจากปากไปสีหน้าของผู้คนพลันซีดเผือด

 

 

นี่มันอะไรกัน น้ำสียงของหรงจิ่งเหมือนเต็มใจเป็นคู่ฝึกหมายความว่าอย่างไร

 

 

ผู้สังเกตการณ์ต่างประหลาดใจมากและไม่เข้าใจเจตนาของหรงจิ่ง อย่างไรก็ตามเจียงหลีไม่สนใจสิ่งที่หรงจิ่งคิดเพียงแต่ยิ้มเยือกเย็น “แน่นอน!”

 

 

เมื่อกล่าวจบนางก็ปลดปล่อยเลี่ยเทียนซื่อออกมา

 

 

ในฐานะที่นางเป็นหลิงเจี้ยง วิญญาณยุทธ์ยิ่งแกร่งกล้าขึ้นมาก เมื่อปีศาจร้ายที่สามารถแยกฟ้าดินได้ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังนาง ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง

 

 

โฮกกก! เลี่ยเทียนซื่อผงกหัวขึ้นเท้าหน้าเหยียบพื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่น

 

 

“หมัดพิฆาตขั้นหก!” เจียงหลีส่งเสียงต่ำและพุ่งเข้าหาหรงจิ่งด้วยหมัดลุ่นๆ

 

 

หมัดพิฆาตขั้นหกอาจส่งผลมากมายต่อร่างกาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆ แน่นอน แต่ทว่า…

 

 

กรอบบ!

 

 

ในขณะที่เจียงหลีเข้าไปใกล้หรงจิ่ง เสียงแตกละเอียดดังขึ้นดึงดูดจุดสนใจของหรงจิ่ง

 

 

ร่างของเขาวูบไหวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของเจียงหลี ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจโดยจดจ่อไปทีรอยแผลปริแตกที่ลำคอของนาง

 

 

เมื่อเห็นหรงจิ่งหลบเลี่ยงเจียงหลีก็เปลี่ยนท่าและโจมตีเขาอีกครั้ง

 

 

หรงจิ่งหลบตัวอีกครั้งและเจียงหลียังคงตามไล่ล่า

 

 

บาดแผลบนร่างกายของนางฉีกขาดอยู่ตลอดเวลาและเลือดไหลออกจากบาดแผลทำให้อาภรณ์สีดำของนางย้อมไปด้วยสีแดง

 

 

สี่ทิศรอบตัวไม่มีเสียงใดๆ

 

 

ทุกคนมองฉากนี้ด้วยความตกใจ เลือดอาบร่างหญิงสาว ริมฝีปากของนางปิดแน่นสนิท ดวงตาของนางมุ่งมั่นโจมตีหรงจิ่ง

 

 

ดวงตาของเสวียนลู่ประกายความตื่นเต้นแทบรอไม่ไหวที่จะรีบขึ้นต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจียงหลี

 

 

แต่จิ่งเยี่ยมองสถานการณ์ด้วยความตึงเครียด ได้แต่โมโหอยู่ในใจแทบอยากจะเข้าไปฆ่าคนที่ทำให้น้องสาวเขาเป็นเยี่ยงนี้ไม่ไหว

 

 

ฉินเทียนอี ยืดตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัวจ้องมองร่างเล็กที่ไล่ตามอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปอย่างมิอาจคาดเดาได้

 

 

“อะไรที่ทำให้นางดื้อรันได้ถึงเพียงนี้ นายน้อยตระกูลลู่มีเสน่ห์จริงๆ ถึงทำให้นางยินยอมพร้อมใจเช่นนี้” มู่ชิงเหยียนยังตกตะลึงไม่หายพึมพำถามตัวเอง ในดวงตาของนางฉายแววชื่นชมในความดื้อรั้นของเจียงหลี

 

 

“พอได้แล้ว!” จู่ๆ หรงจิ่งก็ส่งเสียงร้องทุ้มต่ำ หยุดร่างของเขาและเปิดหน้าอกต่อหน้าเจียงหลี

 

 

หกหมัดหนักผสานเข้ากับอนุภาพของวิญญาณยุทธ์ พลังโจมตีพุ่งออกมาจากกำปั้นเล็กๆ ของเจียงหลีและชกเข้าที่หน้าอกของหรงจิ่งเข้าอย่างจังงัง…

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset