ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 178 เหล่าเทียนเจียวที่หายสาบสูญ

ลู่เสวียนและเจียงหลีถูกท่านอ๋องลู่ ‘ไล่ออก’ จากกระโจมท่านแม่ทัพ

 

 

ลู่เสวียนเดินออกไปอย่างมึนงงโดยไม่ได้สังเกตเห็นใบหน้าครุ่นคิดของเจียงหลี

 

 

แปลกประหลาดยิ่งนัก!

 

 

ปฏิกิริยาตอบสนองของท่านอ๋องทำให้นางรู้สึกว่าฝนฟ้าคะนองกำลังจะมาถึง

 

 

ความรู้สึกว่าจุดประสงค์ของกลุ่มเทียนเจียวสังเกตการณ์ที่ไม่ธรรมดายิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

 

 

“เจ้าว่าท่านพ่อข้าหมายความว่าอย่างไร” ลู่เสวียนถามเจียงหลี

 

 

เจียงหลีเงยหน้ามองฟ้าทันใดนั้นรู้สึกอยากให้ลู่เจี้ยยืนอยู่ข้างๆ เช่นนี้นางก็ไม่ต้องเปลืองสมองคิดเรื่องราวคำถามเหล่านี้

 

 

โดยเฉพาะคำพูดที่ลู่อ๋องพูดกับนางและคำกำชับต่อลู่เสวียน

 

 

เพราะอะไรท่าทีที่ท่านอ๋องลู่มีต่อนางถึงแตกต่างยิ่งนัก

 

 

หรือว่า เป็นเพราะลู่เจี้ยนำเรื่องที่ข้ามีเนตรญาณเก้าดวงบอกกล่าวแก่ท่านอ๋องลู่ บอกข้อตกลงกันระหว่างพวกเราด้วย เจียงหลีคาดเดาในใจ

 

 

น่าเสียดาย ที่นางรู้ไม่ทั่วถึงเส้นทางที่ลู่เจี้ยปูให้นางมันมากเกินกว่าที่คิดไว้

 

 

“ซ้อเล็ก เจ้าอธิบายให้ข้าหน่อยสิ” ลู่เสวียนยังไม่เลิกถาม

 

 

เจียงหลีอดไม่ได้ที่จะสูดปาก สองตาเบิกจ้องไปที่เขา “ข้าว่าอย่างน้อยเจ้าก็เป็นลูกผู้ชายเชียวนะ ใช้สมองคิดหน่อยได้ไหมอย่าเอาแต่ถามข้า”

 

 

โธ่เว้ย! เขาถามนางแล้วนางจะไปถามใครล่ะ

 

 

เอ่อะ…

 

 

ลู่เสวียนถูกนางตะคอกใส่จนอึ้งไปกะพริบตายืนอยู่กับที่ดูท่าทีนางที่ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก เดินกร่างผ่านหน้าเขาไป

 

 

เมื่อเจียงหลีเดินไกลออกไปเขาเพิ่งจะตอบสนองรีบตามขึ้นไปถามว่า “ถ้าอย่างนั้น…การเคลื่อนไหวของเหล่าเทียนเจียวพวกเราจะเข้าร่วมไหม”

 

 

“ต้องเข้าร่วมสิ ไม่เข้าร่วมจะรู้ได้อย่างไรพวกเขาทำบ้าอะไรกันอยู่” เจียงหลีตอบแบบไม่คิด

 

 

ความอยากรู้อยากเห็นในใจถูกปลุกขึ้นมาไม่ทำให้เรื่องราวชัดเจนขึ้นนางไม่ยอมง่ายๆ แน่

 

 

 

 

เป็นไปตามคาดเมื่อถึงเวลาตอนเย็นต้าฉินส่งทหารม้ามาร้องตะโกนโวยวายนอกเมืองชายแดน

 

 

คำพูดที่สกปรกพ่นออกมาจากปากพวกไม่หยุดทำให้เหล่าเทียนเจียวที่ยืนมองบนกำแพงเมืองไม่พอใจอย่างรุนแรง แววตาดั่งใบมีดจ้องทหารเป่ยฝางที่อยู่บนกำแพง

 

 

เทียบกับความตื่นเต้นของพวกเขาเหล่าทหารเป่ยฝางเงียบสงบเหมือนปกติ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น

 

 

“พวกเขากำลังด่าพวกเจ้าอยู่ พวกเจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร” ในหนึ่งเทียนเจียว อดถามทหาร

 

 

เป่ยฝางเสียงดังไม่ได้

 

 

ทว่ามีแต่ความเงียบที่ตอบเขา

 

 

“หึ! พวกขี้ขลาดตาขาว เสียดายที่ข้านึกว่าพวกเจ้าทหารเป่ยฝางเป็นคนกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เลือดร้อนไม่กลัวใคร” เทียนเจียว ‘ถุย’ ออกมาคำหนึ่งก่อนจะเดินกลับไป

 

 

สายตาเหยียดหยามจากกลุ่มเทียนเจียวสังเกตการณ์ไม่ได้ทำให้ทหารเป่ยฝางสะทกสะท้าน

 

 

ใต้ป้อมเมืองเสียงด่าของทหารม้าต้าฉินยังไม่หยุดปาก

 

 

“โฮ่วจิ้นที่ขี้ขลาดตาขาวทั้งหลาย ตอนเกิดมาจากท้องแม่ ลืมเอาสมองออกมาด้วยหรือไง ฮ่าๆๆ อยู่ต่อหน้าลูกผู้ชายที่แท้จริงอย่างต้าฉินแล้วกลายเป็นผู้หญิงอ่อนแอที่เอาแต่หลบซ่อนในหอคอยหรือ กล้าเปิดประตูเมืองไหมให้พวกข้าแสดงให้พวกเจ้าเห็นว่าอะไรที่เรียกว่าลูกผู้ชาย”

 

 

“คนเป็นแบบไหนทหารก็เป็นแบบนั้น แม่ทัพขี้ขลาดทหารก็ขี้ขลาด ลู่ซิ่งเฉาเจ้าเป็นถึงท่านอ๋องของโฮ่วจิ้นทำไมตอนนี้ถึงเหมือนเต่าหัวหดเอาแต่หลบอยู่บนกำแพงเมือง กลัวจนฉี่ราดใส่กางเกงหรือไง”

 

 

“ราชวงศ์โฮ่วจิ้นอะไรกัน ข้าว่าต่อไปก็เรียกว่าราชวงศ์สตรีละกัน ผู้ชายโฮ่วจิ้นทั้งหลาย กลับไปอยู่บ้านซะ ใส่กระโปงแต่งหน้าดีดดิ้นอยู่อย่างนั้นนั่นแหละ ผิวหนังที่อ่อนโยนอย่าถูกลมทรายจากสนามรบพัดจนผิวแตกล่ะ”

 

 

“ฮ่าๆๆ”

 

 

“รสชาติผู้หญิงโฮ่วจิ้นข้าเคยลิ้มรสมาก่อนแล้ว แต่ว่ารสชาติผู้ชายโฮ่วจิ้นข้ายังไม่เคยลองมาก่อนหลังจากครั้งนี้ได้รับชัยชนะข้าจะเลือกชายหนุ่มรูปงามมารับใช้ข้าให้ได้”

 

 

“ถูกต้องแล้วพวกหนุ่มๆ โฮ่วจิ้นฟังไว้ให้ดีล่ะ ล้างตูดรอข้าได้เลย”

 

 

“…”

 

 

วาจาคำพูดที่ยิ่งอยู่ยิ่งสกปรก

 

 

สีหน้าเหล่าทหารเป่ยฝางยังคงหน้าตึงพยายามจะระงับอารมณ์

 

 

ทว่าเหล่าเทียนเจียวที่มาจากซั่งตูกลับทนไม่ไหว

 

 

“บังอาจนัก กล้าเยาะเย้ยโฮ่วจิ้นว่าไม่เหลือใคร ทุกท่านล้วนเป็นเทียนเจียวจากโฮ่วจิ้น พวกเราไปตัดหัวหมาเหล่านี้กัน ให้พวกมันต้าฉินดูให้ดีๆ ว่าพวกเราโฮ่วจิ้นรังแกง่ายขนาดนั้นหรือไม่” ในกลุ่มเทียนเจียวถือโอกาสยุแหย่

 

 

แววตาเจียงหลีกลอกไปมาหาคนพูดเจออย่างรวดเร็ว

 

 

“ใช่! ข้าจะลงไปฉีกปากพวกมันให้ขาด”“ฆ่าพวกมัน!”

 

 

“ไป ออกเมืองฆ่าพวกมันซะ ให้พวกมันมาแล้วกลับไม่ได้”

 

 

เหล่าเทียนเจียวเริ่มจะไม่หยุดนิ่ง

 

 

ทว่าก่อนที่พวกเขาจะลงมือปฏิบัติ ทหารเป่ยฝางกลับมาห้ามไว้ กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง ไม่ว่าใครก็ห้ามออกรบโดยพลการ”

 

 

“พวกข้าไม่ใช่ทหารเป่ยฝาง แม่ทัพที่ไม่เอาไหนของพวกเจ้าสั่งพวกข้าไม่ได้หรอก” ในกลุ่มเหล่าเทียนเจียวถูกห้ามไว้มีคนโห่ขึ้นมากลับทำให้เจียงหลีให้ความสนใจมากขึ้น

 

 

“ใช่ ถูกต้อง สั่งพวกข้าไม่ได้หรอก”

 

 

“อย่าไปฟังพวกมันเลย พวกเราฆ่าข้าศัตรูเพื่อโฮ่วจิ้น ฮ่องเต้มีแต่จะตบรางวัลให้ให้พวกข้า จะรับโทษได้อย่างไรกัน”

 

 

“ถูกต้อง เรามาที่นี่เพื่ออะไรกันไม่ใช่เพื่ออนาคตที่ดีหรอกหรือ ตอนนี้ก็มีโอกาสที่ดีอยู่ตรงหน้าแล้ว จะพลาดได้อย่างไรกัน”

 

 

ในฝูงชนที่ถูกการปลุกปันยั่วยุเหล่าเทียนเจียวนับพันคนต่างก็ไม่ฟังคำห้ามปรามกระโดดลงจากกำแพงเมือง มองดูเหล่าเทียนเจียวที่โดดลงมา ทหารม้าต้าฉินที่ด่าอยู่ใต้กำแพงต่างก็สื่อสารผ่านสายตาอย่างลับๆ ต่างมีรอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้น

 

 

“ไป!”

 

 

ทหารม้าต้าฉินออกคำสั่งพลางควบม้าหันหลังจากไป

 

 

เหล่าเทียนเจียวที่ลงมาถึงพื้นเห็นท่าทีอย่างนี้ภูมิใจยิ่งนัก “ดูสิ พวกเขาถูกพวกเราไล่ไปแล้ว เรารีบตามขไป ฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่ชิ้นส่วนชุดเกราะ”

 

 

“ฆ่ามัน!”

 

 

เหล่าเทียนเจียวส่งเสียงร้องวิ่งไล่ตามทิศทางที่ทหารม้าต้าฉินหนีไป

 

 

“เจ้าพวกโง่เอ๊ย” เจียงหลีกระโดดตามลงไปเห็นเหล่าเทียนเจียวที่วิ่งไล่ตามออกไปถอนหายใจส่ายหน้า เล่ห์เหลี่ยมล่อศัตรูชัดเจนขนาดนี้ พวกโง่ดูไม่ออกหรือไง

 

 

“พวกเราควรทำอย่างไรต่อดี” ลู่เสวียนและจิ่งเยี่ยทั้งคู่ยืนหลังเจียงหลี ลู่เสวียนเป็นฝ่ายถามนาง

 

 

แววตาเจียงหลีขยับพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คงต้องเข้าถ้ำเสือเสียแล้ว” พูดเสร็จ ทั้งสามก็วิ่งไล่ตามไปติดๆ

 

 

จนกระทั่งร่างของเหล่าเทียนเจียวลับตาไป ทหารเป่ยฝางถึงจะให้คนมารายงานลู่ซิ่งเฉา

 

 

หลังจากลู่ซิ่งเฉาได้ยินเรื่องนี้แค่รับสั่งให้กองทัพแนวหน้าเดินทางไปตามหาเหล่าเทียนเจียวทั้งหลาย

 

 

ไปครั้งนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมงจนฟ้ามืด

 

 

หัวหน้ากองแนวหน้าที่กลับมาถึงค่ายพบลู่ซิ่งเฉาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “ท่านแม่ทัพ เหล่าเทียนเจียวหายสาบสูญไปแล้วขอรับ”

 

 

ลู่ซิ่งเฉาเงยหน้าขึ้นไม่พบสีหน้าสุขทุกข์

 

 

ขณะนี้ ผู้นำกลุ่มเหล่าเทียนเจียววิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน บุกเข้าไปค่ายแม่ทัพถามขึ้นมาว่า “ท่านแม่ทัพ หากเหล่าเทียนเจียวเกิดอะไรขึ้น ฝ่าบาทจะเอาผิดท่านแน่”

 

 

เวลาเดียวกันข่าวที่เหล่าเทียนเจียวหายสาบสูญก็ถึงหูโจวยวนและมู่ชิงเหยียนที่หลบซ่อนอยู่

 

 

“อะไรนะ หายสาบสูญหรือ ลู่ซิ่งเฉาทำอะไรอยู่ ทหารชายแดนตั้งมากมายกลับปล่อยให้กลุ่มสังเกตการณ์ไปฆ่าศัตรูหรือ” โจวยวนโมโหจนปาแก้วทิ้ง

 

 

มู่ชิงเหยียนกลับสัมผัสถึงกลิ่นอายของพายุที่กำลังเคลื่อนตัวมา…

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset