ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 184 เมื่อท่านไปยังปรโลก ข้าก็จะขอตามท่านไปด้วย

“พระราชโองการของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ตรัสว่า ความทะเยอทะยานของหมาป่าต้าฉิน นี่เป็นจดหมายแด่ท่านลู่อ๋องที่ทำผิดต่อเป่ยฝางของข้า ที่ให้เทียนเจียวไปดูการต่อสู้ เรียนรู้ก่อนออกรบ แน่นอนกลุ่มเทียนเจียวนับพันกลับหายตัวไปขณะอยู่ในสนามรบ ไม่รู้ชะตาชีวิต ลู่อ๋องไม่สามารถหนีความผิด…”

 

 

กลุ่มเทียนเจียวเพิ่งจะหายไปเมื่อวาน วันนี้คำบัญชาของฮ่องเต้ก็มาถึงแล้วหรือ

 

 

ใช่แล้ว! เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินทางทหารก็ไม่เห็นจะรวดเร็วเท่านี้

 

 

ราวกับว่าได้มีการเตรียมเอกสารเอาไว้แล้ว แค่รอให้กลุ่มเทียนเจียวหายตัวไป ค่อยนำราชโองการออกมาประกาศ

 

 

 

 

เหล่ารองแม่ทัพทหารของเป่ยฝางลองส่งสายตาให้กันในพวกเขาต่างรู้สึกตกใจ

 

 

ความรู้สึกที่เหมือนกับบ่งบอกว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นขณะนี้มันมีมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ลู่ซิ่งเฉายังคงยิ้มเหมือนเดิม ดวงตาเขาสงบนิ่งโดยไม่มีความตกใจและไม่ได้แสดงความเศร้าโศกใดๆ

 

 

ราวกับว่าคำบัญชานี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา

 

 

ผู้บัญชาการเงยหน้าขึ้นสายตาเขามองไปยังหลังของลู่ซิ่งเฉา จากนั้นมองลงมาด้วยสายตาที่ดูซับซ้อน และอ่านรายละเอียดของคำบัญชาต่อ “จากนี้ขอเพิกถอนตำแหน่งทั้งหมดของจวนลู่ ถอดยศอ๋อง คุมตัวลู่ซิงเฉากลับไปสอบสวนที่เมืองหลวง”

 

 

อะไรนะ!

 

 

เหล่ารองแม่ทัพพากันตกใจ

 

 

“พระราชโองการเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”

 

 

“นั่นสิ ตอนนี้ศัตรูยังไม่ถอยจะเปลี่ยนนายพลก่อนสงครามสงบได้อย่างไร เหล่าเทียนเจียวลงสนามกันเอง ต่อให้หายตัวไปก็ไม่เกี่ยวข้องกับท่านแม่ทัพ!”

 

 

“ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพไม่มีความผิด!”

 

 

ปั้ง!

 

 

มีเสียงดังขึ้น ผู้บัญชาการปิดราชโองการในมือด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ทุกท่าน ตอนนี้ลู่ซิ่งเฉาเป็นเพียงผู้ที่มีความผิด ไม่ใช่ท่านแม่ทัพของพวกท่านแล้ว สำหรับคำรับสั่งใหม่ของทหารเป่ยฝาง ฮ่องเต้จะมีการตัดสินพระทัยเอง ทุกท่านยังคงต้องทำหน้าที่ของตน ปกป้องดูแลเป่ยฝาง และรอแม่ทัพคนใหม่ ”

 

 

เหล่ารองแม่ทัพแสดงสีหน้าโกรธ ไม่พอใจกับคำบัญชานี้

 

 

“ทหารทุกนาย เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าฮ่องเต้จะมีการพิพากษาเอง เป่ยฝางก็ต้องฝากให้พวกเจ้าดูแลแล้ว” ลู่ซิ่งเฉาหันตัวกลับ ภายใต้ใบหน้าที่สง่างาม ดูเรียบง่ายและไม่แยแส

 

 

คำพูดของเขา เป็นการปลอบใจรองแม่ทัพ

 

 

แต่ว่า เหล่ารองแม่ทัพที่ตามติดเขามาหลายปี ยังคงรู้สึกเสียใจจากการพรากจากกัน ฮ่องเต้ไม่พอใจตระกูลลู่ เรื่องนี้ พวกเขาก็ย่อมรู้ดี

 

 

แต่ว่า ฮ่องเต้ต้องการใช้โอกาสนี้ในการลงมือกับตระกูลลู่จริงหรือ

 

 

แม่ทัพของพวกเขา คือดาบแรกที่ใช้จัดการตระกูลลู่หรือ

 

 

ไม่พอใจ!

 

 

พวกเขาไม่พอใจ!

 

 

รองแม่ทัพกล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด ถ้าลู่ซิ่งเฉายกแขนขึ้นคัดค้าน พวกเขาจะตามแน่นอน แต่ท่าทางของลู่ซิ่งเฉา กลับดูไร้ปฏิกิริยา ท่าทางดูเหมือนว่ายังคงเชื่อฟังฮ่องเต้

 

 

น่าเศร้า!

 

 

ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก!

 

 

“ท่านแม่ทัพ!”

 

 

เหล่ารองแม่ทัพกัดฟันกล่าวพร้อมเพรียงกัน

 

 

ลู่ซิ่งเฉาค่อยๆ ส่ายหัว และปลอบประโลมความโกรธของพวกเขา

 

 

“ท่านอ๋องลู่……ไม่สิ ลู่ซิ่งเฉา ได้เวลาออกเดินทางแล้ว” ผู้บัญชาการถือโอกาสเตือน

 

 

อีกด้านหนึ่ง ผู้นำของเหล่าเทียนเจียว ก็แสดงรอยยิ้มได้ใจออกมา

 

 

ลู่ซิ่งเฉากวาดสายตามองเขาเบาๆ เขากลับรู้สึกเหมือนมีคนมาหยิกที่คอ รอยยิ้มที่ติดค้างอยู่บนใบหน้ากลับยู่ยี่ ท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนกับคนท้องผูก

 

 

“เชิญ” ลู่ซิ่งเฉายกใบหน้าอย่างธรรมชาติ และเดินตามผู้บัญชาการ

 

 

ทหารเป่ยฝางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เห็นเพียงแค่ท่านแม่ทัพที่พวกเขาเคารพถอดชุดเกราะและเครื่องแบบออก เหลือเพียงแต่เสื้อชั้นในสีขาว บนคอสวมแผ่นไม้หนัก ข้อเท้าถูกสวมด้วยโซ่เหล็ก และขึ้นรถม้าเรือนจำ

 

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

 

 

เหล่าทหารที่เฝ้าประตู มารวมตัวกัน และขวางทางออก

 

 

สายตาผู้บัญชาการหดลง ดูไม่เป็นธรรมชาติ

 

 

ผู้นำตะโกนขึ้นอย่างรุนแรง “อะไรกัน พวกเจ้าคิดจะกบฏหรือ พวกข้าแค่ทำตามคำบัญชาจากฮ่องเต้ ถ้าคิดขัดขวาง จะถือว่ามีความผิด มีโทษเก้าชั่วโคตร พวกเจ้าคิดจะลงมืองั้นหรือ คิดดูให้ดีอีกที”

 

 

น่าเสียดาย เหล่าทหารเป่ยฝางไม่สนใจคำพูดของเขา ยังคงไม่ถอยหลังไป

 

 

“เจ้า…พวกเจ้า…” ผู้บัญชาการรู้สึกตกใจกับแรงผลักดันของทหารเป่ยฝางจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แววตาของเขาแฝงด้วยความกลัว

 

 

“ถอยไป” ลู่ซิ่งเฉาที่อยู่บนรถคุมนักโทษออกคำสั่ง

 

 

คำพูดง่ายๆ สองคำ แต่กลับเหมือนคำสั่งของทหารภูเขา ทำให้ทหารเป่ยฝางหยุดการกระทำ พวกเขาถอยหลังสามก้าวด้วยความเป็นระเบียบ และถอยห่างจากทางออก

 

 

ขณะนี้ มีเสียงเกราะดังขึ้นจากด้านหลัง ลู่ซิ่งเฉาไม่ได้หันหลังไปดู เขากล่าวเสียงดัง “ทหารทุกนาย ขอให้ดูแลเป่ยฝางให้ดี”

 

 

คนที่ตามมาจากข้างหลัง เป็นรองแม่ทัพเหล่านั้นพอดี หลังจากที่ได้ยินคำพูดของลู่ซิ่งเฉา ก็ไม่อาจไม่หยุดฝีเท้าลง

 

 

คอยดูท่าทางของลู่ซิ่งเฉา พวกเขาเองก็รู้สึกเสียใจ กริ้วโกรธ แต่กลับทำอะไรไม่ได้

 

 

“ทหารทุกนายฟังคำสั่ง!” ทหารสูงสุดของรองแม่ทัพ ตะโกนเสียงดัง

 

 

พรึ่บ

 

 

ทหารทุกนาย ยืนตรง และมองอย่างไม่ละสายตา

 

 

“ส่งท่านแม่ทัพ!” เขาตะโกนสี่คำนี้อย่างสุดเสียง หลังจากตะโกน ใบหน้าและหูของเขาแดงก่ำ และมีเส้นเอ็นสีเขียวปรากฎขึ้น

 

 

ขณะนั้นสายตาของทหารทุกนาย มองไปยังลู่ซิ่งเฉาที่อยู่บนรถคุมนักโทษ แววตาที่แน่วแน่และร้อนแรงแบบนั้น ทำให้ลู่ซิ่งเฉารู้สึกสบายใจ

 

 

วูวู!

 

 

เสียงแตรดังขึ้น ส่งผู้ออกเดินทางที่หน้าประตู

 

 

ตามมาด้วยเสียงกลอง ราวกับเป็นการบอกลา

 

 

“ขอให้ท่านแม่ทัพโชคดี! รักษาตัวด้วย พวกข้ารอท่านกลับมาต่อสู้ร่วมกันในสนามรบอีกครั้ง!” รองแม่ทัพตะโกนลั่น คุกเข่าลงพื้น กราบลู่ซิ่งเฉา

 

 

“ขอให้ท่านแม่ทัพโชคดี! รักษาตัวด้วย พวกข้าจะรอท่านกลับมา!”

 

 

ทหารทุกนาย คุกเข่าลงพื้น กราบลาลู่ซิ่งเฉา

 

 

ลู่ซิ่งเฉาเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าของเป่ยฝาง กลั้นน้ำตาไว้ และหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างกะทันหัน เสียงหัวเราะเยี่ยงวีรบุรุษนี้สัมผัสจิตใจผู้คนนัก

 

 

 

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในเป่ยฝาง เจียงหลีและลู่เสวียนต่างไม่ได้รับรู้

 

 

ขณะที่ทั้งสองพบกัน ก็ได้มาถึงยังสถานที่ที่ไกลจากเป่ยฝางมากแล้ว ตามที่ลู่เจี้ยมอบหมาย ทั้งสองต้องกลับไปที่ซั่งตู ไปยังสถาบันไป๋หยวน เพื่อพบหนานอู๋เฮิ่น

 

 

แต่ต้องไปนำสิ่งใดกลับมานั้น ลู่เจี้ยไม่ได้บอก ขอแค่ได้เจอกับหนานอู๋เฮิ่นก็จะกระจ่างเอง

 

 

ทว่า พวกเขาทั้งสองกลับไม่คิดไม่ถึงว่า เมื่อกลับถึงซั่งตู ขณะที่พวกเขากำลังย่างเท้าเข้าไปยังสถาบันไป๋หยวนนั้น รถคุมนักโทษของลู่ซิ่งเฉาก็ถึงซั่งตูพอดี

 

 

รถคุมนักโทษเข้าไปยังประตูเป่ยเฉิง มีทหารรักษาพระองค์นำคำบัญชาของฮ่องเต้รออยู่แล้ว

 

 

ประชาชนของซั่งตู เห็นท่านอ๋องลู่ที่ถูกคุมตัวกลับมา ต่างรู้สึกตกใจกลัว ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น

 

 

หลังจากที่อ่านคำบัญชาจบ ประชาชนทั้งเมืองต่างพากันตกใจ

 

 

อา!

 

 

ในคำบัญชากล่าวว่า ท่านอ๋องลู่สมคบคิดกับทหารต้าฉินศัตรูของประเทศ สังหารเทียนเจียวนับพันของราชวงศ์

 

 

ยังกล่าวต่ออีกว่า หลักฐานที่ท่านลู่อ๋องกบฏ มีชายผู้ภักดีและรักชาติที่มารายงานต่อฮ่องเต้

 

 

แล้วยังกล่าวอีก เหล่าเทียนเจียวที่หนีจากการสังหารหลายคน พวกเขาทูลต่อฮ่องเต้ถึงความเลวทรามและการกบฏของท่านอ๋องลู่

 

 

ตระกูลลู่แห่งซูหนานยังฝึกทหารอย่างเงียบๆ มีการสร้างอาวุธส่วนตัว ต้องการแย่งชิงบัลลังก์!

 

 

ข่าวสารเหล่านี้ เหมือนกับฟ้าผ่าในวันที่สดใส จนทำให้ประชาชนทั้งเมืองลืมใช้สมองไปชั่วขณะ และครอบครัวของเหล่าเทียนเจียว ก็ปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ร้องไห้อย่างอ้างว้าง แทบทนไม่ไหวอยากจะถลกหนังของท่านลู่อ๋องออก และดื่มเลือดของเขา

 

 

“…มีรับสั่ง ให้ส่งลู่ซิ่งเฉาคนกระทำผิดไปยังแท่นประหาร”

 

 

นี่จะต้องรับโทษ โดยไม่ต้องสอบสวนเลยหรือ

 

 

ข่าวสาร ถูกส่งไปยังจวนท่านอ๋องลู่อย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนนี้พระชายาลู่แต่งกายมิดชิด ราวกับว่านางคาดไว้แล้วว่าวันนี้จะมาถึง นางไม่ได้ตกใจเหมือนบ่าวไพร่ ยังคงความสง่างามของนายหญิงแห่งจวนไว้ดังเดิม

 

 

หลังจากได้ยินรายงาน ก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆ “เตรียมสุราด้วย ข้าจะไปพบท่านอ๋อง”

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset