ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 202 จิตใจที่มุ่งหวังจะทำบางสิ่งของลู่เจี้ย

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ขณะนี้ราชวงศ์ได้มาถึงจุดวิกฤตแล้ว ผู้อาวุโสทุกท่านได้โปรดลงมือจัดการกับตระกูลลู่ให้สิ้นซาก” ใบหน้าที่เคารพนอบน้อมของมู่เจิ้งเฟิงที่หาได้ยาก มองห้าคนข้างหลัง  

 

 

ในแววตาของเขามีความโหดร้าย  

 

 

มู่เจิ้งเฟิงมีความมั่นใจในตัวผู้อาวุโสของราชวงศ์มาก  

 

 

ตระกูลลู่……  

 

 

มู่เจิ้งเฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่เชื่อว่าตระกูลลู่ก็มีหลิงจงสองคนเหมือนกัน!  

 

 

“เดิมข้าก็มีหน้าที่ปกป้องโฮ่วจิ้นอยู่แล้ว ตระกูลลู่ก่อกบฏ สมควรตาย!” หลิงจงหนึ่งในนั้น หลังจากพูดจบ ก้าวออกมา ร่างยกสูงขึ้น พุ่งขึ้นไปบนฟ้า  

 

 

การเคลื่อนไหวของเขา ส่งผลให้อีกสี่คนที่เหลือก็ต่างพากันกระโดดขึ้นไปบนฟ้า มุ่งไปหาคนของตระกูลลู่ด้วยท่าทีที่โหดร้ายและน่ากลัว  

 

 

ภายใต้การนำของทหารรักษาพระองค์ที่แปรพักตร์ ลู่เจี้ยและคนอื่นๆ ก็เข้ามาถึงพระราชวังแล้ว  

 

 

เพียงแต่เขาหยุดเดิน แล้วเงยหน้ามองจุดดำๆ ที่เข้ามาใกล้อย่างเร็ว แววตาเปล่งประกาย  

 

 

“เป็นมือดีลับๆ ของราชวงศ์พวกนั้น!” เจียงหลียืนอยู่ข้างๆ เขา จ้องตาเขม็งแล้วพูด  

 

 

ลู่เจี้ยค่อยๆ เก็บสายตา พูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวล”  

 

 

เขาเพิ่งพูดจบ ลู่วั่งชวนก็แสดงความไม่พอใจ นำผู้อาวุโสของตระกูลลู่ออกไปรับมือ  

 

 

ชั่วพริบตา ทั่งสองฝ่ายต่อสู้กันกลางอากาศทันที ภายใต้แสงสีทองของวิญญาณยุทธ์มากมายที่ปะทะกัน ทำให้สั่นสะเทือนไปทั่วพระราชวัง ปรากฏรอยแตกสีทองละเอียด  

 

 

เจียงหลีตะลึงกับเบื้องหลังของตระกูลลู่ เสียงของลู่เจี้ยดังขึ้น “พวกเราไปกันต่อเถอะ”  

 

 

เจียงหลีหยุดมอง แล้วพยักหน้า  

 

 

การต่อสู้กลางอากาศ ไม่สามารถขัดขวางผู้คนด้านล่างที่จะเดินต่อได้  

 

 

ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงที่ๆ มู่เจิ้งเฟิงซ่อนตัวอยู่  

 

 

และในตอนนี้ รอบๆ ตัวเขา เหลือเพียงหลิงเจี้ยงของสถาบันหลิงอู่อยู่เล็กน้อย  

 

 

“ไอหมาแก่อู๋……” เจียงหลีหรี่ตา รอยยิ้มที่เย็นชา ยิ้มมุมปาก นางแค่มองปราดเดียว ก็สาดสายตาจ้องไปที่อู๋เชียนที่อยู่ท่ามกลางผู้คน  

 

 

และในขณะเดียวกัน อู๋เชียนก็มองเจียงหลี แววตาดุร้ายมาก  

 

 

“อาหลี ข้าเอง” ตอนนี้เจียงเฮ่าได้ทิ้งใบหน้าของจิ่งเยี่ยแล้ว อู๋เชียนและคนอื่นๆ จำเขาไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ว่าเขายังจำเรื่องที่อู๋เชียนจะฆ่าเจียงหลีได้ขึ้นใจ อยากจะแก้แค้นให้น้องสาว  

 

 

“ไม่จำเป็นแล้ว ข้าจัดการเอง” เจียงหลียิ้มเยาะ แค้นของนาง แน่นอนว่านางต้องชำระเอง  

 

 

“จัดการ” ลู่เจี้ยและมู่เจิ้งเฟิงสบตากัน ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงใดๆ ออกคำสั่งกับลู่จ้านและคนอื่นๆ  

 

 

“ลุย!” ลู่จ้านตะโกนเสียงต่ำ นำคนตระกูลลู่มุ่งไปจัดการกับฝ่ายราชวงศ์  

 

 

หลักจากเจียงเฮ่ากำชับเจียงหลีให้ระวังตัวด้วย สายตาก็มองไปยังมู่เจิ้งเฟิง คนนั้นคือศัตรูของตระกูลเจียงของเขา ศัตรูที่ฆ่าพ่อของเขา!  

 

 

เสียงดังครั่นครืน  

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องกลางอากาศ ก้อนเมฆรวมกันอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเดียวฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก  

 

 

ฟึบ!  

 

 

ในขณะที่เจียงเฮ่ากำลังจะไปจัดการมู่เจิ้งเฟิง ทันใดนั้นก็มีร่างหนึ่งมาขวางหน้าเขาไว้ มองเห็นใบหน้าชัดเจนแล้วท่ามกลางฝนที่ตกหนัก แววตาของเจียงเฮ่าก็ดับลง  

 

 

น่าเสียดายที่คนๆ นั้นจำเขาไม่ได้ เพียงแต่โจมตีด้วยใบหน้าที่โหดเหี้ยม  

 

 

อีกด้านหนึ่ง เจียงหลียืนอยู่ด้านหน้าอู๋เชียน แววตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อ  

 

 

อู๋เชียนโมโหมากที่ถูกนางเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีมองด้วยสายตาแบบนี้   

 

 

“ไอหมาแก่อู๋ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ล่ะสิ” เจียงหลีหัวเราะขึ้นด้วยความเหยียดหยาม  

 

 

อู๋เชียนไม่พอใจ จ้องนางด้วยสายตาดุร้าย “ก็แค่พวกกบฏ”  

 

 

“พวกกบฏอย่างนั้นหรือ ผู้ชนะคือราชา ผู้แพ้คือกบฏ ท่านมีชีวิตอยู่มานานรึยัง เหตุผลง่ายๆ แค่นี้ ท่านก็ไม่เข้าใจหรือ” เจียงหลีพูดเหน็บแนม  

 

 

“เช่นนั้นแล้วอย่างไร เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะชนะได้อย่างนั้นหรือ” อู๋เชียนหัวเราะเยาะ สายตาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่การต่อสู้บนฟ้า  

 

 

ท่ามกลางฟ้าฝน ทันใดนั้นแสงสีทองก็ปรากฏ แยกเอาไว้ ไม่สามารถเห็นการต่อสู้บนนั้นได้อย่างชัดเจน  

 

 

เพียงแต่เขามีความมั่นใจในผู้อาวุโสของราชวงศ์  

 

 

ยิ่งตอกย้ำว่าเขาเลือกไม่ผิดที่จงรักภักดีต่ออีกฝ่าย!  

 

 

เจียงหลีทำเสียง  จุ๊ๆ  แล้วส่ายหัวพูดว่า “ถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังมองความเป็นจริงไม่ออกอีกหรือ ตาคงไม่ดีจริงๆ”  

 

 

“ปากคอเราะร้ายนัก!” อู๋เชียนกัดฟันพูดออกมา  

 

 

เจียงหลีส่ายหัวอีกครั้ง มองเขาอย่างจริงจัง “ข้าไม่เพียงแต่ปากคอเราะร้าย มือของข้าก็ร้ายกาจเหมือนกัน!”  

 

 

โฮกกก!  

 

 

เสียงคำรามที่ผสานเข้ากับเสียงฟ้าร้องดังขึ้น  

 

 

ทันใดนั้นร่างของเลี่ยเทียนซื่อก็ปรากฏอยู่ด้านหลังของเจียงหลี ชั่วพริบตาก็ปลดปล่อยทักษะการต่อสู้โดยกำเนิด จู่โจมไปยังอู๋เชียน  

 

 

อู๋เชียนตกใจ ชั่วขณะนั้นก็ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตัวเองมาต่อสู่กับเจียงหลีเหมือนกัน  

 

 

ลู่เจี้ยที่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ มองไปยังเจียงหลีที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ถึงแม้ขั้นพลังของอู๋เชียนจะสูงกว่าเจียงหลี แต่เขาไม่ได้กังวลเลยสักนิด  

 

 

เพราะเขารู้ว่าเจียงหลีมีพลังที่ซ่อนอยู่มากมาย การโจมตีที่คาดไม่ถึงในหลายๆ ครั้ง จะเป็นตัวกำหนดการต่อสู้โดยตรง  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มีเขาคุมอยู่ จะมีใครกล้าทำร้ายนาง  

 

 

“เกราะเสวียน กัง!”   

 

 

ท่ามกลางพายุฝน ก็มีเสียงตะโกนที่น่ารักดังขึ้น  

 

 

ท่ามกลางสายฝน ทันใดนั้นร่างของเสวียนกังกุยก็ปรากฏขึ้น มันกลายเป็นเสื้อเกราะ สวมอยู่บนตัวเจียงหลี ด้านหลังของนางมีร่างที่สูงใหญ่ปรากฏขึ้น ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าของพระราชวัง จนใครๆ ก็เห็น  

 

 

“สาวน้อยคนนั้นเป็นใครกัน ทำไมภาพของนางถึงปรากฏอยู่บนระหว่างผืนฟ้าและผืนดิน”  

 

 

ด้านหลังของนาง ร่างที่ดุร้ายสองร่างคอยปกป้องนาง พลังสูงเทียมฟ้า ชั่วขณะนั้นทำให้คนที่เห็น ล้วนแต่ต้องตะลึง นี่มันเหมือนดั่งเทพเจ้า แท้จริงแล้วหมายถึงอะไร!  

 

 

ลู่เจี้ยเงยหน้าท่ามกลางสายฝน ฝนที่เทลงมาอย่างหนักไม่ได้ทำให้ตัวเขาเปียก เหมือนว่าภายนอกตัวเขามีเสื้อคลุมล่องหน ที่ป้องกันเขาจากสิ่งต่างๆ  

 

 

เขามองภาพมายาของเจียงหลีบนท้องฟ้า อารมณ์ที่เย็นชาของสาวน้อย ริมฝีปากยิ้มอย่างเต็มที่ ปรากฏท่าทางที่เคร่งขรึมและน่าเกรงขามของราชาอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้คนตกตะลึง  

 

 

เขายิ้มเล็กน้อย พลังจิตขยับอย่างไร้เสียง ควบคุมทั้งพระราชวังอย่างเงียบๆ แม้กระทั่งทั้งซั่งตู……  

 

 

หลีเอ๋อร์ ข้ายอมเป็นปีกทั้งสองข้างด้านหลังเจ้า ช่วยเจ้าให้บินขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นที่เก้า!  

 

 

“หยุด” เสียงที่ยากจะสังเกตเห็น ดังออกมาจากปากของลู่เจี้ย  

 

 

ชั่วขณะนั้น ทุกคนในพระราชวัง ไม่ว่าจะเป็นหลิงจง หลิงไซว่ที่ต่อสู้กันอยู่บนฟ้า หรือคนที่ต่อสู้กันอยู่บนพื้นดิน  

 

 

ที่สามารถขยับได้มีเพียงภาพมายาของสาวน้อยที่สูงใหญ่นั่นเท่านั้น  

 

 

“สังหาร!” เจียงหลีไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เปลี่ยนพลังวิญญาณเป็นคมดาบ ฟันไปที่ร่างของอู๋เชียน อย่างรุนแรง  

 

 

ชั่วพริบตา คนมากมายที่ให้ความสนใจกับเหตุการณ์นี้อยู่ เห็นเพียงสาวน้อยคนนั้นกระโดดฟันลงอย่างห้าวหาญ  

 

 

บนพื้น อู๋เชียนตะลึงจนตาโต ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น  

 

 

เพียงแต่ตอนนี้ เขายังสามารถขยับร่างกายได้ แต่ เขากลับทำได้เพียงเอามือทั้งสองข้างมาบังไว้ด้านหน้าของเขาตามสัญชาตญาณ ส่งเสียงร้องที่น่าเวทนาด้วยความสิ้นหวัง  อ้ากกก!  

 

 

ตุบ!  

 

 

การโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตของเจียงหลี ไปโดนตัวอู๋เชียน จนเขาตายก็ยังไม่เข้าใจว่าสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ทำไมถึงสามารถฆ่าเขาได้  

 

 

ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือน การเติบโตของนางเร็วมากจริงๆ!  

 

 

ลู่เจี้ยเพียงแค่หยุดทุกอย่างเพียงชั่วครู่ ทำให้คนทั้งใต้หล้าเห็นเจียงหลีกับตา หลังจากที่ชั่วขณะนี้ที่ปลดออก แววตาของเขาก็ดับลง  

 

 

ทันใดนั้น ‘เงา’ ก็ปรากฏอยู่ข้างๆ เขา แอบพยุงร่างที่สั่นไหวเล็กน้อยของเขา  

 

 

นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น  

 

 

ผู้อาวุโสเหล่านั้นของราชวงศ์ประหลาดใจ  

 

 

เนี่ยนซือ!  

 

 

ความคิดที่น่ากลัว ก็จู่โจมพวกเขา  

 

 

และยังมีเนี่ยนซือที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เนี่ยนซือเหล่านั้นที่ราชวงศ์เลี้ยงไว้ ไม่สมควรพูดถึงต่อหน้าเขาด้วยซ้ำ แต่ทว่าในตอนนี้อีกด้านหนึ่งกลับมีเสียงน่ารักที่พูดขึ้นมาด้วยความตะลึงว่า “คือท่าน!”  

Related

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset