ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 205 เจ้าควรไปได้แล้ว

“ลู่เจี้ยไม่ได้ขึ้นครองราชย์รึ”  

 

 

หลังจากข่าวคราวด้านนอกพระราชวังไปถึงจวนหรง หรงจิ่งที่กำลังจิบชาอยู่ ใบหน้าที่สงบนิ่งเกิดความประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย วางถ้วยชาในมือลง  

 

 

“ขอรับ ลู่จ้านพูดเช่นนี้ หลังจากนี้สามวัน นายท่านตระกูลลู่ ลู่วั่งชวนจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้” อาเฉวียนยืนอยู่ตรงหน้าหรงจิ่งอย่างเคารพนอบน้อม นำข่าวที่ไปสืบ กลับมารายงาน  

 

 

หรงจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย วนนิ้วมือบนขอบถ้วยชาเบาๆ เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ลู่วั่งชวนก็แก่แล้ว ถึงจะมีพลังขั้นสูง แต่ก็เป็นคนแก่คนหนึ่ง ทำไมลู่เจี้ยถึงผลักดันเขา”  

 

 

เดิมที่เขาคาดเดาไว้ตอนแรก คนที่จะขึ้นครองราชย์ต้องเป็นลู่เจี้ยเองอย่างแน่นอน!  

 

 

แต่ทว่า แผนของลู่เจี้ยตอนนี้ กลับทำให้การคาดเดาของเขาผิดไป  

 

 

“คุณชาย พวกเรา……” อาเฉวียนเงยหน้าขึ้น ถามอย่างระมัดระวัง  

 

 

หรงจิ่งส่ายหัวช้าๆ “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”  

 

 

“แต่ว่าฝั่งนายท่านนั้น……” อาเฉวียนมีความลังเลใจนิดหน่อย  

 

 

มือที่เคลื่อนไหวของหรงจิ่งหยุดลง ในแววตาที่สดใสเหมือนมีความจำใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาถกแขนเสื้อ แล้วพูดกับอาเฉวียนว่า “ให้ท่านพ่อเตรียมเครื่องบรรณาการให้เรียบร้อย หลังจากนี้สามวันจะเข้าไปแสดงความยินดีกับฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์”  

 

 

“ขอรับ!” อาเฉวียนรับคำสั่ง โค้งตัวแล้วถอยออกไป  

 

 

……  

 

 

ในพระราชวังอันสวยงามและเงียบสงบ เจียงหลีอมยิ้มอย่างซุกซน มองชายที่หมอบตัวเขียนหนังสืออยู่  

 

 

เห็นเขาหยุดเขียน นางจึงพูดหยอกล้อว่า “ผู้เฒ่าลู่น่าจะเป็นฮ่องเต้ที่อายุเยอะที่สุดขณะที่ขึ้นครองราชย์ในประวัติศาสตร์แล้วกระมัง”  

 

 

ลู่เจี้ยวางพู่กันลงไว้บนที่วาง เงยหน้ามองนาง “เจ้าควรเรียกท่านปู่ว่าท่านพ่อ หรือว่าท่านพ่อบุญธรรม”  

 

 

เจียงหลีทำเสียงหัวเราะออกจมูก พูดอย่างหยอกล้อว่า “ท่านอยากจะเตือนข้าว่าท่านเป็นคนวางแผนเรื่องของข้ารึ” ให้นางเรียกลู่วั่งชวนว่าพ่อ ไม่มีทาง  

 

 

ลู่เจี้ยเม้มปากหลุบตามองต่ำ ไม่ได้พูดอะไรต่อ  

 

 

เห็นเขาเงียบไป เจียงหลียืนขึ้นมา เดินไปข้างหน้าโต๊ะแล้วมองตาเขา “ทำไมคนที่ขึ้นครองราชย์ถึงไม่เป็นท่าน หรือไม่ก็เป็นลู่เสวียนเจ้าเด็กหนุ่มนั่น”  

 

 

ลู่เจี้ยตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “ร่างกายของข้า ไม่สามารถทำงานหนักได้ เสี่ยวเสวียนก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะขึ้นเป็นฮ่องเต้”  

 

 

“เช่นนั้นตามที่ท่านพูด หลังจากรอให้ผู้เฒ่าอายุร้อยปี ราชวงศ์ที่ตระกูลลู่ของพวกท่านสร้างขึ้นมาจะไม่มีคนสืบทอด” เจียงหลีตั้งใจพูดโจมตีเขา  

 

 

นางไม่ชอบมองเขาที่มองความเป็นความตายทะลุปรุโปร่งด้วยควาบสงบแบบนี้  

 

 

“ไม่หรอก” ลู่เจี้ยตอบอย่างมั่นใจ  

 

 

“……” เจียงหลีพูดมาออก เขาเอาอะไรมามั่นใจขนาดนี้  

 

 

“มานี่” ทันใดนั้นลู่เจี้ยก็สั่งเจียงหลี  

 

 

ได้ยินน้ำเสียงของเขา เจียงหลีพูดอย่างไม่สบายใจว่า “ตอนนี้ฐานะของข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่านต้องเคารพข้า”  

 

 

ท่าทีที่เล่นแง่ของนาง ทำให้ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย ในแววตาปรากฏความเอ็นดูออกมา “ขอรับ ลู่เจี้ยขอเชิญท่านอามาดูนี่หน่อยขอรับ”  

 

 

“นี่ยังถือว่าใช้ได้” เจียงหลีเชิดคางอย่างลำพองใจ  

 

 

นางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ มองตัวหนังสือที่ลู่เจี้ยหมอบลงเขียนก่อนหน้านี้ “ราชวงศ์จยาเซียน?” นางเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างที่งดงามของชายผู้นี้อย่างงงัน  

 

 

ใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบนั้น ทำให้คนหลงใหลจนตาลาย ทำให้คนอยากเข้าใกล้  

 

 

เจียงหลีคิดแบบนี้ และก็ทำแบบที่คิด  

 

 

จุ้บ!  

 

 

แก้มที่ชุ่มชื้น ทำให้ลู่เจี้ยตัวแข็งทื่อ แววตาที่มืดครึ้มมองสาวน้อยคนนี้ที่ไม่มีความสำรวมเลยสักนิด  

 

 

เจียงหลีกลับยิ้มจนตาทั้งสองข้างหยีลงคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว ยกมือขึ้นตบไหล่เขา “เด็กอย่างเจ้าช่างน่ารัก ผู้ใหญ่จูบก็เป็นเรื่องธรรมดามาก”  

 

 

หางตาของลู่เจี้ยกระตุกเล็กน้อย เก็บสายตาลงอย่างช่วยไม่ได้  

 

 

เห็นว่าเขาไม่ซักถามอะไรอีก เจียงหลียิ้มมากยิ่งกว่าเดิมอีก นางชี้ตัวหนังสือบนกระดาษแล้วถามว่า “ทำไมถึงเป็นจยาเซียน”  

 

 

ลู่เจี้ยตอบว่า “คำว่าจยาหมายถึงความงดงาม คุณงามความดี ปฏิบัติต่อประชาชนอย่างดี อีกความหมายก็คือร่วมแรงร่วมใจ ถือเป็นการอวยพร การอธิฐานอย่างหนึ่งของราชวงศ์ใหม่ ส่วนคำว่าเซียน……” เขาหันไปมองใบหน้าของเจียงหลีที่มองด้วยความสงสัย พูดในใจ  เจ้าคือผู้ที่มาจากแดนไกล ย่อมเป็นเทพเซียน  

 

 

“แล้วคำว่าเซียนหมายถึงอะไร” เห็นเขาไม่ตอบ เจียงหลีทนไม่ไหพูดเร่ง  

 

 

ลู่เจี้ยเก็บงำความรู้สึก ยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไร เพราะว่าอยู่ด้วยกันแล้วเพราะดี”  

 

 

ฮะ……  

 

 

นี่มันคำตอบอะไรของเขา  

 

 

คิดไม่ถึงว่าลู่เจี้ยก็มีตอนที่ทำตามใจตัวเองดื้อๆ แบบนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ และยังเป็นเรื่องของชื่อใหม่ของประเทศชาติด้วย  

 

 

ถึงแม้เจียงหลีก็รับรู้ว่าในคำพูดของลู่เจี้ยมีอะไรปิดบังอยู่ แต่กลับไม่ได้ซักถามอะไรต่อ  

 

 

สามวันต่อมา ลู่เจี้ยยุ่งอย่างผิดปกติ การเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ เขามีเรื่องให้ต้องจัดการเยอะมาก หลายครั้งที่เจียงหลีรู้สึกว่าลู่วั่งชวน ฮ่องเต้คนนี้ เพียงแค่ออกหน้ารับตำแหน่งฮ่องเต้เท่านั้น คนที่จัดการเรื่องทุกอย่างจริงๆ ก็ยังคงเป็นลู่เจี้ย  

 

 

……  

 

 

ในสถานที่อันห่างไกลจากราชวงศ์โฮ่วจิ้นเดิม มีเรือรบลำใหญ่ลำหนึ่งแล่นไปด้านหน้าอยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่  

 

 

มู่หว่านโหรวปรากฏตัวในห้องผู้โดยสารของเรือ เดินเข้าสู่ห้องโดยสารที่งดงาม “เสด็จพ่อ ท่านเรียกข้าหรือเพคะ”  

 

 

คังอ๋องเงยหน้ามองลูกสาวสุดที่รักแล้วพยักหน้าช้าๆ “นั่งสิ ดูนี่”  

 

 

มู่หว่านโหรวนั่งลงตามที่บอก รับรายงานลับมาจากมือของพ่อ หลังจากที่อ่านเนื้อหาในนั้นหมด สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก  

 

 

คังอ๋องถอนหายใจ พูดอย่างถอดใจว่า “คิดไม่ถึงว่าลู่เจี้ยจะซ่อนตัวเก่งขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็น  เนี่ยนจง”  

 

 

ลู่เจี้ยเป็นเนี่ยนจง!  

 

 

ถ้าไม่ใช่คังอ๋องเป็นคนบอกนาง ต่อให้ตีมู่หว่านโหรวให้ตายก็คงไม่เชื่อ คนรูปงามที่เจ็บออดๆ แอดๆ นั้น อายุมากกว่านางไม่กี่ปี ทำไมถึงเป็นเนี่ยนจงแล้ว  

 

 

เนี่ยนจง ทั้งราชวงศ์โฮ่วจิ้นคงจะไม่มี  

 

 

“หว่านโหรว เจ้าเสียใจไหม” ทันใดนั้นคังอ๋องก็พูดขึ้นมา  

 

 

มู่หว่านโหรวอึ้งไป หันกลับมามองเสด็จพ่อของนาง ภายใต้การมองของเขา นางกัดริมฝีปาก ส่ายหัวช้าๆ “ถึงแม้เขาจะเป็นเนี่ยนจง ก็ไม่มีทางที่ข้าจะชอบ”  

 

 

คังอ๋องพยักหน้าอย่างชื่นใจ “เจ้าปล่อยวางเรื่องนี้ได้เป็นดีที่สุด วางใจเถอะ ในที่ๆ พวกเราจะไป ยังมีเทียนเจียวที่ยอดเยี่ยมอีกมากมายรอเจ้าอยู่”  

 

 

“เสด็จพ่อ พวกเราจะไปไหนเพคะ” มู่หว่านโหรวใช้โอกาสนี้ถาม  

 

 

คังอ๋องแววตาแวววาว ปรากฏสีหน้าที่โหยหา “ซีฮวง”  

 

 

……  

 

 

ระยะเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

หลังจากสงครามนองเลือด พระราชวังถูกล้างทำความสะอาดเสร็จนานแล้ว ถนนในซั่งตูก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวาอีกครั้ง นี่คือการเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ ปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงสายเลือดมังกร ก็เป็นความหวังใหม่ของประชาชนเช่นกัน  

 

 

ส่วนหน้าของพระราชวัง กำลังเตรียมการอย่างสุดท้ายของพิธีราชาภิเษก  

 

 

ลู่เจี้ยกลับไม่เข้าร่วมพิธีการใหญ่นี้ ยังคงหลบซ่อนอยู่ในพระราชวังอย่างเงียบๆ ทำหน้าที่ของตัวเอง  

 

 

เจียงหลีปรากฏตัวตรงหน้าเขาด้วยเสื้อผ้าที่งดงาม ถามเขาว่า “หลานแท้ๆ อย่างท่านยังไม่เข้าร่วมพิธีราชาภิเษก แล้วลูกสาวบุญธรรมอย่างข้าจะเข้าร่วมทำไม”  

 

 

“ไม่ใช่ว่ายังมีเสี่ยวเสวียนอีกหรือ” ลู่เจี้ยตอบกลับ  

 

 

เจียงหลีมองบน “ประเด็นที่ข้าพูด เพราะข้าไม่อยากเข้าร่วมพิธี!”  

 

 

“ให้เจ้าไป มักมีเหตุผลเสมอ อย่าดื้อน่ะ อดทนหน่อยนะ” ลู่เจี้ยหว่านล้อมนางอย่างอดทน  

 

 

เจียงหลีขมวดคิ้ว สีหน้าไม่ยินยอม  

 

 

ลู่เจี้ยกลับใช้โอกาสนี้ พูดออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้นางตกใจ “หลังจากที่พิธีราชาภิเษกจบลง เจ้าก็ควรออกเดินทางได้แล้ว”  

Related

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset