ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 211 นางเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา

ใต้พระอาทิตย์ที่แผดเผา เดิมทีควรจะรู้สึกร้อน แต่เพราะเหตุการณ์เข่นฆ่าอย่างโหดร้ายในเมืองอู๋เขิ่นที่เกิดขึ้น ทำให้บรรดาฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่รอบๆ ต่างรู้สึกหนาวเหน็บ

 

 

ท่ามกลางฝูงชนนั้นเงียบสนิท ถึงแม้ว่าจะมีเสียงพูดคุยกันบ้างเบาๆ แต่ก็ค่อยๆ เงียบหายไปโดยปริยาย

 

 

ความเงียบเช่นนี้ ทำให้พวกเขาทั้งสามที่มาจากต่างเมืองรู้สึกถึงอันตรายที่แพร่ขยายออกมา

 

 

ในเมืองหลวง เขาผู้เป็นถึงองค์รัชทายาท กลับใช้อำนาจบาตรใหญ่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม นี่หรือคือราชนิกุลของซีเฉียน

 

 

เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย แววตามีความเยือกเย็น

 

 

การอุทานของลู่เสวียน ส่งผลให้ผู้คนลอบถอนหายใจ

 

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ด้วยนิสัยของเขา คงจะรีบพุ่งออกไปเป็นวีรบุรุษแล้ว แต่ตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร

 

 

“โธ่ ความขัดแย้งกันระหว่างไท่จื่อและองค์ชายรอง ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว พวกเราชินแล้วล่ะ” หญิงสาวชาวซีเฉียนที่เบียดอยู่ข้างๆ ลู่เสวียน พูดขึ้นอย่างเศร้าโศกหลังจากได้ยินเขาอุทาน

 

 

ชิน?

 

 

“พูดเช่นนี้ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกหรือ!” ลู่เสวียนยิ่งประหลาดใจเข้าไปอีก ตอนนี้เขาก็ลืมเรื่องที่ตัวเองถูกลวนลามไปแล้ว

 

 

หญิงสาวซีเฉียนคนนั้นพยักหน้า พูดอย่างจนปัญญาว่า “ไท่จื่อมีฐานะเป็นบุตรชายคนโต เป็นโอรสของฮองเฮา และองค์ชายรองเป็นบุตรชายคนเดียวของกุ้ยเฟยที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุด ผู้คนต่างบอกว่าแม่ได้ดีเพราะลูก แต่ว่ากลับกันกับองค์ชายรองของพวกเรา เป็นลูกที่ได้ดีเพราะแม่”

 

 

คำพูดนี้ ทำให้ทั้งสามคนกระจ่างแจ้งแล้ว

 

 

คนหนึ่งได้รับฐานะ คนหนึ่งได้รับความโปรดปราน ย่อมไม่ถูกชะตากัน

 

 

เพียงแต่ ที่ทำให้ทั้งสามคนสงสัยก็คือ……

 

 

“พวกเขาทั้งสองเป็นเช่นนี้ ฮ่องเต้ซีเฉียนไม่สนใจเลยรึ” เจียงเฮ่าถามคำถามที่ทั้งสามคนสงสัย

 

 

ครั้งนี้ กลับเป็นหญิงสาวซีเฉียนที่เบียดอยู่ข้างๆ เขาแย่งพูดก่อน “คุณชายไม่รู้อะไร ฮ่องเต้พระองค์นี้ของพวกเราน่ะ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย เคยมีประชาชนที่ถูกกดขี่ข่มเหงไปพระราชวังตีกลองร้องทุกข์ แต่กลับถูกไล่ออกมา วันรุ่งขึ้นต้องตกตายอย่างน่าอนาถทั้งครอบครัว ท่านคิดว่ายังจะมีใครกล้าไปหาเรื่องคนใจเหี้ยมสองคนนี้อีกเจ้าคะ”

 

 

“พวกเราก็เป็นเพียงแค่ประชาชนที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปวันๆ การปะทะกันของผู้สูงศักดิ์เหล่านี้ พวกเราทำได้เพียงแค่ถอยห่าง ถ้าหากว่าโชคไม่ดีเข้าไปเอี่ยวด้วย ก็ทำได้แค่ยอมรับความโชคร้าย” หญิงสาวข้างๆ ลู่เสวียนพูดเสริมขึ้นมาอีก

 

 

การพูดคุยครั้งนี้ ทำให้พวกเขาทั้งสามคนเงียบไป ในขณะเดียวกันก็ได้รู้จักประเทศซีเฉียนที่ไม่คุ้นเคยนี้มากขึ้น

 

 

อำนาจของจักพรรดิก็ยังเป็นเช่นนี้ ที่นี่คงจะเป็นที่ๆ น่ากลัวยิ่งกว่าโฮ่วจิ้นในอดีต

 

 

และก็เป็นที่ๆ……ลู่เจี้ยเลือกให้พวกเขามา!

 

 

ทันใดนั้น ในใจเจียงหลีก็นึกถึงถุงสามใบที่ลู่เจี้ยให้นางไว้ นางเริ่มเข้าใจนัยยะของมันแล้ว

 

 

ขณะที่ทางนี้พูดคุยกันเบาๆ การปะทะกันระหว่างองค์ชายทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป

 

 

ซากปรักหักพังและศพเต็มพื้นไปหมด

 

 

กลิ่นคาวเลือดกระตุ้นสัตว์ป่าที่ลากรถม้าเหล่านั้นให้เริ่มอยู่ไม่นิ่ง

 

 

“เดรัจฉานก็คือเดรัจฉาน ให้พวกมันกินให้พอเถอะ” เสียงของไท่จื่อดังออกมาจากในรถม้า องครักษ์ที่อยู่ข้างๆ เขา รับคำสั่งแล้วปล่อยสัตว์ร้ายจากการควบคุม

 

 

เพิ่งจะถอดเชือกบังเหียนออก สัตว์ป่าสามตัวที่ลากรถม้า ก็พุ่งไปด้านหน้าซากศพ แล้วเริ่มกัดกิน

 

 

ภาพเหตุการณ์นั้น ทำให้ประชาชนไม่น้อยหน้าซีดเผือก ในแววตามีความหวาดกลัว อยากจะหนีไปให้พ้นจากนรกนี่

 

 

“เหอะ” เสียงที่ไม่พอใจ ดังออกมาจากในรถม้าขององค์ชายรอง “ยังจะนิ่งอยู่ทำไม สัตว์เลี้ยงของข้าก็หิวแล้วเหมือนกัน ทาสรับใช้ไร้ค่าอย่างพวกเจ้าจะให้สัตว์เลี้ยงของข้ากินของเหลือรึ”

 

 

ต่อมา สัตว์ป่าที่ลากรถม้าให้องค์ชายรองก็ถูกปล่อยเหมือนกัน คำรามแล้วพุ่งไปแย่งซากศพกันกับสัตว์ป่าเหล่านั้นของไท่จื่อ

 

 

สัตว์ป่าของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มเปิดศึกแย่งอาหารกันอย่างรวดเร็ว

 

 

และเหตุการณ์นองเลือดในเมืองซีเฉียนก็เกิดขึ้นเช่นนี้

 

 

“ฮาๆๆๆๆ! เยี่ยมจริงๆ! เดรัจฉานแสนรู้ ฉีกซากศพเหล่านี้ให้ข้า! เย็นนี้ข้าจะเลือกสาวใช้ที่ผิวอ่อนนุ่มมาเป็นอาหารให้พวกเจ้าเพิ่ม” เสียงขององค์ชายรองผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่และถือดี ดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

การไม่เห็นค่าของชีวิตเช่นนี้ ยิ่งทำให้ประชาชนที่อยู่รอบๆ รู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก

 

 

“ถ้าหากไม่ชนะเดรัจฉานที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเหล่านี้ เย็นนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้า” ไท่จื่อก็พูดอย่างไม่ยอมแพ้

 

 

ความขัดแย้งของทั้งสองคน ทำให้บรรยากาศรอบๆ ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

โฮกกก

 

 

ทันใดนั้น สัตว์ป่าที่ต่อสู้อย่างดุเดือดสูญเสียการควบคุม พุ่งไปยังฝูงชนที่อยู่รอบๆ

 

 

อ้ากกก!

 

 

“ช่วยด้วยยย!”

 

 

เสียงกรีดร้อง เสียงอุทานด้วยความตกใจ โกลาหลไปหมด

 

 

ฝูงชนที่เบียดเสียดเริ่มหนีเตลิดไปทั่วทุกทิศทาง ต่างคนต่างวิ่งอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าภาพเหตุการณ์แบบนี้ สำหรับองค์ชายทั้งสองคนแล้ว กลับเป็นเพียงแค่เรื่องสนุก

 

 

องค์ชายรองหัวเราะอย่างเบิกบานใจ และในรถม้าที่ค่อนข้างเงียบของไท่จื่อ ก็ไม่ได้อยากหยุดคำสั่งที่ก่อความวุ่นวายนี้แต่อย่างใด

 

 

โกลาหลไปหมดแล้ว! โกลาหลไปหมดแล้ว!

 

 

ฝูงชนยิ่งวุ่นวายมากขึ้น เสียงกรีดร้อง เสียงหวาดกลัว แพร่ขยายไปถึงตรงที่พวกเขาทั้งสามคนอยู่

 

 

อ้ากกก!

 

 

เหล่าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ลู่เสวียนและเจียงเฮ่า ส่งเสียงกรีดร้องที่ทำเอาคนตกใจ ตอนนี้ ที่พวกนางสนใจไม่ใช่ชายรูปงามที่อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่เป็นการหนีเอาชีวิตรอด

 

 

ทันใดนั้น รอบๆ ทั้งสามคนก็โล่งขึ้น

 

 

ท่ามกลางความโกลาหล ความไม่ตื่นตระหนก ความไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อยของทั้งสามคน กลับเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สะดุดตาขึ้นมา

 

 

จนกระทั่ง

 

 

โฮกกก!

 

 

สัตว์ป่าตัวหนึ่งที่หน้าตาดุร้าย จะว่าเป็นหมาป่าก็ไม่เหมือน จะว่าเป็นเสือดาวก็ไม่ใช่ สลัดคนที่คาบอยู่ในปากทิ้งไปข้างๆ กระโจนพุ่งมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสามคน

 

 

และคนที่รับเคราะห์เป็นคนแรกก็คือคนที่ยืนอยู่หน้าสุด เจียงหลีที่ถูกเขาทั้งสองปกป้องอยู่ตรงกลาง

 

 

“อาหลีหลบไป!”

 

 

“ระวัง!”

 

 

เจียงเฮ่าและลู่เสวียนตกใจมาก จนลืมไปเลยว่าสาวน้อยคนนี้คือหลิงเจี้ยงขั้นห้า ต่างยื่นมือออกมาปกป้องนางไว้ตามสัญชาตญาณ

 

 

แต่ทว่า ในตอนนี้ เจียงหลีกลับมองสัตว์ป่าที่ดุร้ายที่พุ่งมาหานางด้วยแววตาที่เย็นชา

 

 

!

 

 

สัตว์ร้ายที่ป่าเถื่อนถูกสายตาคู่นั้นทำให้ตกใจ สัญชาตญาณที่รับรู้ได้ถึงอันตราย ทำให้มันรู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องผิดคนแล้ว

 

 

แม้ว่า ‘อาหาร’ นี้จะดูน่าอร่อยมาก

 

 

น่าเสียดาย มันมาเสียใจในเวลานี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

 

 

ขณะที่เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมอง หมัดพิฆาตขั้นหกที่กักเก็บพลังในมือของนางได้ถูกเหวี่ยงออกไปแล้ว

 

 

หมัดธรรมดาๆ หมัดหนึ่ง ค่อยๆ เหวี่ยงออกมาท่ามกลางสายตาที่เป็นห่วงของทั้งสองคนที่อยู่ทางซ้ายและขวา

 

 

ตูม!

 

 

กำปั้นเล็กๆ ที่ขาวและอ่อนนุ่มของเจียงหลี ต่อยเข้าไปที่หัวของสัตว์ป่าตัวนั้น

 

 

กรอบ!

 

 

กรอบ! กรอบ!

 

 

เสียงกระดูกแตกร้าว ดังออกมาจากใต้ผิวหนังที่มีขน ช่างไพเราะยิ่งนัก

 

 

สัตว์ร้ายที่พุ่งเข้ามา นิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่ยอมส่งเสียงร้อง ตกลงกระแทกกับพื้น ดังสะเทือนเลือนลั่น

 

 

ตูม!

 

 

เสียงสัตว์ป่าตกลงบนพื้น และศพที่ผิดรูปของมัน ทำให้ความวุ่นวายสงบลง

 

 

ชาวซีเฉียนต่างพากันมองพวกเขาทั้งสามคนด้วยความตะลึง โดยเฉพาะเจียงหลี ไม่คิดว่านางจะกล้าฆ่าสัตว์เลี้ยงของเหล่าองค์ชาย!

 

 

ประชาชนค่อยๆ ถอยห่างไปในที่ๆ ไกลขึ้นกว่าเดิม เว้นที่ว่างให้พวกเขาทั้งสามกับเหล่าสัตว์ป่า

 

 

บนถนนใหญ่ในเมืองอู๋เขิ่น ประเทศซีเฉียน เด็กหนุ่มสาวจากต่างแดนสามคน สัตว์ป่าห้าตัว รถม้าที่วิจิตรตระการตาสองคัน กำลังปะทะกันอยู่

Related

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

Status: Ongoing
หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset