ท่ามกลางซากปรักหักพังของเมืองนั้น ก็เริ่มเห็นเงาคนปรากฏขึ้น
เห็นได้ชัดว่า ต่างก็ถูกแสงที่เจดีย์หินปล่อยชักนำมาทั้งสิ้น
“เร็วเข้า จะต้องมีภารกิจอะไรบางอย่างถูกเปิดใช้งานเป็นแน่” ท่ามกลางคนที่ตามมานั้น ผลการคาดคะเน ใกล้เคียงกับความจริงเป็นอย่างมาก
“อืม พวกเราเร็วหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะได้คะแนนบ้างก็ได้” คู่หูของเขากล่าว
“ใช่! คนที่ไม่สามารถเรียกกองหนุนจากภายนอกได้อย่างพวกเรา ก็ต้องพึ่งตัวเองแล้ว” เขากล่าวถอนใจ
ประโยคนี้ ทำให้ทั้งสองต่างก็ถอนหายใจ
ความแตกต่างของฐานะ ความแตกต่างของพื้นเพ เหมือนจะทำให้คนธรรมดาอย่างพวกเขา ต่ำต้อยกว่าพวกราชนิกูลพวกผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายแต่กำเนิด
พวกเขาอยากจะใช้การฝึกบำเพ็ญมาเปลี่ยนแปลงสถานะในปัจจุบัน แต่กลับพบว่าถึงแม้อยู่ในการแข่งขันเดียวกัน จุดเริ่มต้นของแต่ละคนก็แตกต่างกัน
อย่างเช่นทรัพยากรการฝึกบำเพ็ญมากมายนั้น พวกเขาทำได้เพียงทำภารกิจของสถาบันให้สำเร็จจึงจะได้มา แต่เหล่าศิษย์จากตระกูลสูงศักดิ์นั้น สามารถได้รับการแบ่งสรรปันส่วนจากตระกูลมาอย่างสบาย
“พวกเจ้าจะไปที่ใด” ทันใดนั้น ด้านหลังของพวกเขาก็มีเสียงเหมือนหยอกล้อดังขึ้น
ทั้งสองที่เดิมทีกำลังเดินเท้ากันอย่างรวดเร็วอยู่นั้น เวลานี้กลับตัวสั่น หยุดอยู่กับที่ พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไป ในสายตามีความหวาดกลัวและความหมดหวัง
เฉียนจวิ้นพาผู้ช่วยของเขาเดินมาตรงหน้าของทั้งสองอย่างช้าๆ จ้องทั้งสองพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย
เห็นได้ชัดว่า เขาก็มาเพราะแสงของเจดีย์เช่นกัน
“องค์…องค์ชายรอง! ”
ทั้งสองคนกล่าวเสียงสั่นเครือ
ยอดฝีมือที่คุ้มกันอยู่ข้างกายเฉียนจวิ้น มีพลังอันแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากบนร่างกาย กดดันพวกเขาจนแทบหายใจไม่ออก
“พวกเจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลย” เฉียนจวิ้นยิ้มกล่าว เพียงแต่ รอยยิ้มเย็นยะเยือกไปเล็กน้อย ทำให้คนหวาดกลัว
“พวก…พวกข้า…”
คนโชคร้ายทั้งสองมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นรีบคิดหาเหตุผลได้อย่างว่องไวแล้วกล่าวขึ้นว่า “พวกข้าแค่เดินผ่านมาทางนี้ ไม่คิดว่าจะพบกับองค์ชายรอง”
“ผ่านมาหรือ” มีความขี้เล่นมากขึ้นในน้ำเสียงของเฉียนจวิ้น
ทั้งสองรีบพยักหน้าขานรับ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ส่งคะแนนของพวกเจ้ามาแล้วรีบไสหัวไปเสีย” เฉียนจวิ้นเย้าหยอกและมองดูทั้งสองคน
ส่งคะแนนให้หรือ!
ทั้งสองคนตัวสั่นเทา สีหน้าซีดเซียว
“ทำไม ไม่ยอมหรือ หากไม่ให้ ข้าก็คงต้องลงมือเสียแล้ว หู่อี้…” เฉียนจวิ้นตะโกนเรียกชื่อยอดฝีมือข้างกายของเขา
“ช้าก่อน! พวกข้ายอมแล้ว พวกข้ายกคะแนนให้…”
ทั้งสองรีบมอบคะแนนของตนให้ด้วยความหวาดกลัว
มอบคะแนนไป ยังสามารถไปทำภารกิจได้ใหม่ แต่หากตกรอบ ก็จะไม่เหลือโอกาสอีกแล้ว
จุดนี้ พวกเขามองออกอย่างแจ่มแจ้ง ถึงแม้จะเสียดาย แต่ก็ทำตามที่เฉียนจวิ้นบอก
หลังจากมอบคะแนนไปแล้ว ทั้งสองก็รีบออกไป ส่วนด้านเจดีย์หินนั้น พวกเขาก็ทำได้เพียงละทิ้งไป ไม่กล้าแย่งภารกิจกับเฉียวจวิ้น
“หึ พวกไร้ประโยชน์” เฉียนจวิ้นมองดูด้านหลังของทั้งสองที่กำลังหนีอุตลุดไปแล้วหัวเราะเยาะ
“หู่อี้ ไปกันเถิด”
…
นอกเจดีย์นั้น ฉากนั้นจากที่ห่างไกลออกไป ล้วนอยู่ในการสำรวจของมู่ชิงเกอทั้งสิ้น นางเห็นกับตาว่าเฉียนจวิ้นข่มแย่งคว้าชิง แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ ในโลกของการฝึกฝนบำเพ็ญ นี่ก็คือกฎ ฉะนั้น มีเพียงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะไม่ถูกผู้อื่นรังแก
เฉียนจวิ้นและผู้ติดตาม เข้าใกล้เจดีย์หินเรื่อยๆ
ส่วนในทิศทางอื่นๆ ก็มีผู้เข้าสอบไม่น้อยที่เข้าใกล้เจดีย์หินเรื่อยๆ เช่นกัน
ในเจดีย์นั้น เจียงหลีไม่สามารถจะแสดงฝีมือได้ ถือทักษะอวี้ซานในมือ กัดฟัน กรอดๆ! นางรู้สึกว่า ทำไมทุกครั้งที่นางได้ของมีค่าอะไรมา ของเหล่านั้นก็มักจะขุดหลุมพรางให้นางตกอยู่เรื่อย
เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อเป็นเช่นนี้ ทักษะอวี้ซานนี้ก็เป็นเช่นนี้!
เดี๋ยวนะ!
ทันใดนั้น ดวงตาของเจียงหลีก็เปล่งประกาย ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ “เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ ข้าลืมมันไปได้อย่างไรกัน!” ในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อมีคุณสมบัติควบคุมการเดินของเวลา หากนางผ่านด่านได้ ก็จะให้รางวัลนางเป็นไหลผ่านของเวลา!
ใช่! จริงด้วย!
ในช่วงนี้ที่นางฝึกฝนอยู่ในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ รางวัลเป็นอัตราการไหลของเวลาที่เร็วขึ้นแทบทั้งหมด จนถึงตอนนี้ นางทำได้เพียงพนันสักตั้ง พนันว่าเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อจะไม่ทำร้ายนาง และรางวัลจากการผ่านด่านสำเร็จนั้นจะเป็นสิ่งที่นางอยากได้พอดี
ถึงแม้ว่า การผ่านด่านจะเสียเวลาอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสีย เวลาที่เหลืออยู่ก็ไม่อาจฝึกฝนทักษะอวี้ซานได้สำเร็จ ลองไปสู้สักตั้งยังจะดีกว่า!
“เอาตามนี้แล้วกัน!” เจียงหลีตบหน้าตักอย่างดีใจ รีบใช้พลังความคิดเปิดเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อโดยทันที
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เจียงหลีพยายามอย่างมากเพื่อผ่านด่านในครั้งนี้ และในครั้งนี้ เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็ไม่ได้ทำร้ายนาง รางวัลที่ให้กับนางนั้นก็เป็นสิ่งที่นางอยากได้จริงๆ
“หนึ่งวันเท่ากับหนึ่งเดือน ตอนนี้ไม่ถึงหนึ่งวันแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังเหลือยี่สิบวัน ก็ยังดีกว่าตอนแรกอยู่มาก” เจียงหลีพอใจยิ่งนัก
ทว่า ขณะที่นางกำลังจะฝึกฝน ก็พบเหตุการณ์ประหลาดอย่างหนึ่ง
เมื่อนางเข้าสู่พื้นที่ที่การเดินของเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ทักษะอวี้ซานที่เดิมทีนั้นหายไปแล้ว กลับปรากฏขึ้นในสมองของนางอย่างชัดเจน เหมือนว่ารอให้นางทำความเข้าใจและฝึกฝนมันเท่านั้น แต่ว่า เมื่อนางออกมาแล้ว การฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับทักษะอวี้ซานเหล่านั้นก็จะหายไป
ราวกับว่า หากนางยังไม่แตกฉาน นางก็จะไม่สามารถจดจำทักษะอวี้ซานระดับหายากนี้ได้อย่างชัดเจน
ปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆ ไม่ได้ทำให้เจียงหลีวอกแวกมากนัก
เมื่อตั้งสติได้แล้ว เจียงหลีก็เริ่มทำความเข้าใจกับทักษะอวี้ซาน
นอกเจดีย์หินนั้น มู่ชิงเกอมองดูเงาคนที่ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ นั้น รอยยิ้มที่มุมปากก็ไม่ได้หายไป
“เจ้าเองหรือ” เฉียนจวิ้นจำนางได้แต่แรกเห็น
เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกออยู่ที่นี่ ในใจของเขาก็รู้สึกไม่ดีนัก “ยัยนั่นอยู่ข้างใน!”
ผู้เข้าสอบคนอื่นๆ เมื่อเห็นการเผชิญหน้าของทั้งสองฝั่งแล้ว คิดอยู่สักครู่ ต่างก็ยืนแอบดูอยู่ข้างๆ
“เจียงหลีอยู่ข้างใน รอให้นางออกมาก่อน พวกเจ้าค่อยเข้าไปทำภารกิจ” มู่ชิงเกอกล่าวอย่างช้าๆ
แต่ว่า เฉียนจวิ้นสายตาเคร่งเครียด เขาเป็นถึงองค์ชาย กลับให้เขารออยู่ที่นี่หรือ “ไสหัวไป!”
มู่ชิงเกอยกปลายคิ้ว กี่ปีแล้ว ที่ไม่มีคนมาพูดเช่นนี้กับนาง
หู่อี้ที่ยืนอยู่ข้างกายเฉียนจวิ้น เฝ้ามองมู่ชิงเกออย่างระแวดระวัง กล่าวเสียงแผ่วเบาข้างหูเฉียนจวิ้น “องค์ชายรอง คนผู้นี้ยากจะคาดเดา อย่าล่วงเกินเลยจะดีกว่าขอรับ”
“ไร้ประโยชน์! ข้าพาเจ้าเข้ามา เพื่อจะมาฟังคำพูดไร้ประโยชน์เหล่านี้ของเจ้าหรือ” เฉียนจวิ้นสายตาเคร่งเครียดกว่าเดิม
ดวงตาของหู่อี้มีความโมโหแล่นผ่าน
เขาเป็นถึงหลิงไซว่ขั้นสูงที่ราชสำนักบ่มเพาะเลี้ยงดู ต่อให้อยู่หน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ ก็ได้รับความเคารพนับถือ แต่ว่า องค์ชายรองผู้นี้ถือว่าฮ่องเต้เอ็นดูตน กลับไร้มารยาทกับเขาเช่นนี้
ทว่า หน้าที่ของเขาก็คือการรักษาความปลอดภัยให้กับองค์ชายรอง ช่วยให้เขาได้เป็นที่หนึ่งของการสอบวัดผลครั้งนี้ ดังนั้น เขาจะขัดขืนคำสั่งของเขาไม่ได้
“องค์ชายรอง ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” หู่อี้คิดทบทวนอยู่สักครู่ สุดท้ายก็พูดความจริงกับเฉียนจวิ้น
ดวงตาของเฉียนจวิ้นเต็มไปด้วยความโมโห เขาพาหู่อี้เข้ามา ไม่ใช่เพื่อมาฟังคำพูดประโยคนี้
ตู้ม…!
ทว่า เวลานี้เอง เจดีย์หินด้านหลังมู่ชิงเกอกลับมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นกะทันหัน
พื้นใต้เจดีย์หิน สั่นสะเทือน พื้นผิวของเจดีย์หินนั้นเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวอย่างรวดเร็ว
เจดีย์หินจะถล่มแล้ว! มู่ชิงเกอเหลียวไปมอง ดวงตาอันสดใสก็ชะงักไปทันใด เจียงหลีทำอะไรอยู่ด้านในกันแน่!
……………….