ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 26 ข้อสงสัยของลู่จ้าน

“ไสหัวไปให้พ้น กล้าดีอย่างไรถึงจะมาเอาเปรียบเหล่าเหนียง” เจียงหลีหัวเราะเยาะด้วยความรังเกียจ  

 

 

ในภพชาติที่แล้วหรือในภพชาตินี้นางก็ไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายที่มีอายุมากถึงขนาดนี้ได้ ผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าและมีมือหนากว่านางเอ่ยปากเรียกนางว่าแม่ ปฏิกิริยาแรกที่รู้สึกกำลังถูกหยามเหยียด  

 

 

พับผ่าสิ!  

 

 

มีเสียงหัวเราะจากทางซ้ายและขวาอย่างไม่หยุด แม้แต่ใบหน้าอันเย็นชาไร้ความรู้สึกของลู่จ้านก็ยิ้มกระตุกอย่างประหลาดที่มุมปาก  

 

 

มิได้การล่ะ ตอนนี้ท่าทางของเด็กสาวเจียงหลีคนนี้ การพูดจาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ เปิดปากมาก็พูดว่า ‘เหล่าเหนียง’ ทำให้คนอื่นอดหัวเราะออกมาไม่ได้  

 

 

“อ่ะแฮ่ม คือ…คืออย่างนี้” เซียวเซียวกลั้นยิ้มแล้วเดินไปหาเจียงหลีที่กำลังสงสัยและอธิบายให้นางฟัง “ก่อนเข้าสู่สนามรบเขา…”  

 

 

เซียวเซียวใช้คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถอธิบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน  

 

 

ชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก็รู้สึกหดหู่เช่นกัน ถ้าเขาแพ้พนันเขาก็แพ้และเขาก็ยอมรับ ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกเด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้ เยาะเย้ย  

 

 

วันนี้เซียวเซียวได้พูดถึงเรื่องที่ตนขายหน้าอีกรอบ เขาแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี  

 

 

เชอะ!  

 

 

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทันทีตบฝุ่นที่หัวเข่าและพูดเสียงอู้อี้ “ข้าเดิมพันแล้วแพ้ ข้าก็ทำตามสัญญาแล้ว เรื่องนี้เป็นอันว่าเจ๊ากัน”  

 

 

หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ก้มหน้าก้มตาแล้ววิ่งเข้าหากลุ่มของเขาราวกับจะหนีไป   

 

 

จากนั้นก็มีคนจากตระกูลลู่มาพาพวกเขาออกไป ดังเช่นที่เซียวเซียวกล่าวไว้ เมื่อพวกเขาพลาดจากตระกูลลู่ก็จะถูกขายไปอีกครั้ง ต่อจากนั้นพวกเขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันและเป็นการยากที่จะได้เจอกันอีก  

 

 

หลังจากที่เจียงหลีได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางก็กระพริบสองสามครั้งก่อนที่จะเข้าใจว่าทำไมลู่จ้านถึงพูดจาแปลกประหลาดเช่นนั้นหลังจากที่เซียวเซียวชนะได้ที่หนึ่ง  

 

 

ที่แท้เขาเองก็ดูละครอยู่ข้างๆ  

 

 

“เนื่องจากไม่ได้รับความยินยอมจากข้าให้เดิมพัน ฉะนั้นให้อีกครึ่งหนึ่งของหินวิญญาณแก่ข้าซะ” เจียงหลีกล่าวกับเซียวเซียวด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม   

 

 

ขณะเมื่อเขาตกใจและต้องการที่จะโต้แย้ง นางกล่าวเสริมว่า “ถือเสียว่าเป็นการชดเชย”  

 

 

สีหน้าเซียวเซียวเปลี่ยนเป็นดำคล้ำและไม่มีอะไรจะพูด  

 

 

ใครให้เขาไม่มีเหตุผลมาหักล้างเล่า “อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งหกคน” เซียวเซียวอดไม่ได้ที่ขอร้องเจียงหลี  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เป็นหนี้พวกเขาแล้วสิ คิดหาวิธีที่จะชดใช้ด้วยตัวเจ้าเองเถอะ” เจียงหลียักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  

 

 

“…” เซียวเซียวตะลึง แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูด  

 

 

เมื่อลู่จ้านฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองแล้วก็คาดเดาบางอย่างในใจแล้วจึงพูดว่า “พวกคนที่เหลือกลับไปก่อน จะมีคนพาพวกเจ้าไปในที่ที่ควรจะไป” จากนั้นเขาก็มองไปที่เจียงหลีอีกครั้ง “ส่วนเจ้ามากับข้า”  

 

 

เจียงหลีพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ  

 

 

อย่างไรก็ตามเมื่อนางเดินผ่านหน้าเซียวเซียว นางหยุดชั่วขณะแล้วขยับปากพูดอย่างเงียบๆ ว่า จำหินวิญญาณของข้าไว้   

 

 

เซียวเซียวขยับมุมปากอย่างช่วยไม่ได้และพยักหน้า  

 

 

หญิงคนนี้ เมื่อนางอยู่ในจุดที่มีสิทธิ์เหนือกว่าแล้ว เขาจะพูดอะไรได้อีก  

 

 

ช่างเถอะ โอกาสการฝึกฝนยังคงมีอีก! เซียวเซียวปลอบตัวเองอยู่ภายในใจและมองไปที่พี่น้องทั้งหกของเขาด้วยสายตาแห่งความรู้สึกผิด  

 

 

ต่อจากนี้พวกเขาก็จะมีชะตากรรมที่แตกต่างกัน  

 

 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาคิดอยู่ตอนนี้คือจะบอกพวกเขาอย่างไร ว่าถึงแม้ตนจะได้ที่หนึ่งในครั้งนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถรับหินวิญญาณได้เช่นกัน  

 

 

ตอนแรกที่คิดอยากจะแบ่งให้พวกเขาครึ่งหนึ่งนั้น คงต้องติดค้างไว้ก่อนแล้ว  

 

 

…  

 

 

เจียงหลีเดินตามหลังลู่จ้านและเดินไปยังที่เงียบสงบ  

 

 

ลู่จ้านหยุดลงตรงหน้าเจียงหลีจึงหยุดตาม ผู้ที่อยู่ข้างหน้าหันหลังกลับมาจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา และทันใดนั้นก็พูดว่า “ท่าทีของเจ้าเหมือนไม่สนใจอะไรเลย”  

 

 

เจียงหลีผงะและกระพริบตา โดยคิดว่าเขากำลังพูดถึงที่เซียวเซียวพนันกับนาง นางพึมพำในใจ ล้อข้าเล่นอยู่หรือเปล่า ราชินีผู้สง่างามอย่างข้าจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับคนพวกนั้นได้อย่างไร มันเป็นการเล่นๆ ในหมู่เด็ก ถ้าข้าใส่ใจมันก็คงจะเป็นที่ขายหน้าอย่างแท้จริง   

 

 

“เขาก็คำนับและเรียกมารดาแล้วมิใช่หรือ เซียวเซียวยังสัญญาว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้ข้า ข้ายังจะต้องทำอย่างไรอีก” เจียงหลีพูดอย่างไร้เดียงสา  

 

 

คิดว่าว่านางเป็นคนป่าเถื่อนที่ฆ่าโดยไม่ปล่อยโอกาสให้คนได้แก้ต่างหรืออย่างไรกัน  

 

 

“…” ลู่จ้านพูดไม่ออก เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ข้ากำลังถามเจ้า ทำไมถึงช่วยให้เซียวเซียวได้ที่หนึ่ง เจ้ารู้ไหมว่าถ้าทุกคนทำตามพฤติกรรมของเจ้า การเลือกจะสูญเสียความหมายไป”  

 

 

กลายเป็นว่าถามเรื่องนี้  

 

 

เจียงหลีพลันรู้สึกตัว แต่ไม่ได้ตกใจกับอารมณ์ของเขา “ท่านเองได้ยอมรับอันดับของเขาแล้ว ท่านจะมาพูดอะไรกับข้าอีก กลัวว่าจะมีคนทำตาม เริ่มต้นการเลือกในครั้งต่อไป สามารถชี้ให้เห็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”  

 

 

ลู่จ้านส่งลมปราณออกอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นเจียงหลีก็รู้สึกราวกับว่าตนถูกชี้ด้วยอาวุธมีคมนับไม่ถ้วน มันสามารถฉีกนางเป็นชิ้นๆ ได้ตลอดเวลา  

 

 

รุนแรงมาก เจียงหลีกล่าวด้วยความประหลาดในใจ  

 

 

ด้วยดวงตาที่สุกใสของนางมองไปที่ลู่จ้าน แม้ว่าพลังการต่อสู่จะไม่ดีเท่าเขาแต่นางก็จะไม่อ่อนแอในแง่ของลมปราณ  

 

 

ระหว่างพืชพรรณ ที่ต้นหนึ่งใหญ่ต้นหนึ่งเล็ก ต้นหนึ่งสูงและต้นหนึ่งเตี้ยนั้น ร่างทั้งสองก็เผชิญหน้ากัน  

 

 

ลมหายใจที่ปล่อยออกมาจากลู่จ้านก่อให้เกิดคลื่นอากาศล้อมรอบ และได้ล้อมรอบคนทั้งสอง คลื่นอากาศเหล่านั้น เหมือนกับใบมีดที่แหลมคมได้ข่วนผิวหนังของเจียงหลี เสื้อผ้าของนางเกิดเสียงสะบัดพัดปลิว  

 

 

นางกัดฟันและยืนหยัดเอาไว้ ดวงตาไม่ฉายแววอ่อนแอ ขาทั้งสองของนางดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับพื้นโลกและไม่มีทางก้าวถอยหลัง  

 

 

คลื่นอากาศที่รุนแรง ได้พัดพาใบไม้ที่ร่วงหล่น ทรายและกรวดบดขยี้พวกมันอย่างสุดลูกหูลูกตา และสลายไปอย่างสุดลูกหูลูกตา ร่างสูงใหญ่ราวกับภูเขาต้องการที่จะบดขยี้ร่างเล็กและผอมนั้นให้ล้มลงกับพื้น  

 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะกดดันอย่างไร กระดูกสันหลังของหญิงสาวก็ยังไม่ยอมงอ  

 

 

ลู่จ้านหรี่ตาแล้วลดลมหายใจอย่างกะทันหัน และพูดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ เป็นอย่างที่นายน้อยกล่าวไว้ นางแตกต่างจากคนทั่วไป เพราะนางคือผู้มีพรสวรรค์ที่มีเนตรญาณเก้าดวงในตำนานอย่างนั้นหรือ  

 

 

ปฏิกิริยาของเจียงหลีทำให้ลู่จ้านตกใจ  

 

 

ผู้ฝึกตนธรรมดาทั่วไป เมื่อเผชิญกับลมปราณของเขา จะไม่แสดงอาการเหมือนอย่างที่เจียงหลีกำลังกระทำอยู่นี้ แล้วนับประสาอะไรกับนางซึ่งเป็นคนที่ยังไม่ได้เข้าสู่การฝึกฝน เขาอ้างถึงความแตกต่างของนาง อาจเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ที่พิศวงนั้น  

 

 

ทางด้านเจียงหลีหลังจากลมปราณของลู่จ้านหยุดลงก็โล่งใจเช่นกัน เสื้อผ้าของนางเปียกไปด้วยเหงื่อเย็น ข้อต่อทั่วร่างกายของนางก็ดูเหมือนจะถูกแยกออกและประกอบขึ้นมาใหม่อีกครั้ง   

 

 

นี่ยังทำให้นางรู้สึกถึงความเฉยชาของคนอ่อนแออีกครั้ง  

 

 

“ทำไมเจ้าถึงต้องการช่วยเขาให้ได้ที่หนึ่ง เจ้าสามารถจับช่องโหว่ของพลังที่อ่อนแอและเมื่อเจ้าเริ่มการต่อสู้แล้ว เตะเขาออกนั่นหมายความว่าเจ้าสามารถชนะได้ด้วยตัวเอง แล้วทำไมถึงให้โอกาสแก่ผู้อื่น” ลู่จ้านได้ถามถึงจุดประสงค์ของการเรียกเจียงหลีมา  

 

 

เจียงหลีพูดอย่างใจเย็น “มีโอกาสอีกตั้งสามครั้งไม่ใช่หรือ”   

 

 

“…” คำถามนี้ถึงกับทำให้ลู่จ้านพูดไม่ออก   

 

 

เพราะมีโอกาสถึงสามครั้ง นางจึงยอมแพ้ครั้งแรกอย่างนั้นหรือจากนั้น นางแน่ใจเหลือเกินว่าหลังจากที่เขาเห็นเล่ห์เหลี่ยมของนางแล้ว นางจะมีสิทธิ์ได้รับโอกาสสองครั้งถัดไปอย่างง่ายดายอย่างนั้นหรือ  

 

 

“เหอะ ความฉลาดในบางอย่างก็ดีอยู่ แต่อย่าลืมบางครั้งความฉลาดก็อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้” ลู่จ้านเตือนและหันหลังจากไป  

 

 

เจียงหลีไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก มองตามหลังของลู่จ้านไป แล้วนางก็ตะโกนว่า “นี่ แล้วคืนนี้จะให้ข้าพักที่ไหน”  

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset