“เลี่ยเทียนซื่อ”
ทันทีที่เสียงของเจียงเงียบลง เสียงที่น่าตกใจกว่าของนางก็ปรากฏขึ้น
เลี่ยเทียนซื่อหรือ
เจียงหลีมองไปที่ลู่เจี้ย เป็นเรื่องยากที่ผู้ชายคนที่ไม่แยแสผู้อื่น และมักจะซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงของเขาเอาไว้ จะมีช่วงเวลาที่มีท่าทีตกใจเช่นนี้
“เลี่ยเทียนซื่อ นี่เป็นสัตว์ร้ายชนิดไหนกัน” เจียงหลีถาม ดวงตาของเขาเคลื่อนออกจากลู่เจี้ย และมองไปสบเข้ากับวิญญาณสัตว์ร้ายนั้นอีกครั้ง
นี่คือสัตว์ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
ร่างกายใหญ่โต มีกรงเล็บสี่กรง ลำตัวเหมือนม้า แต่มีเก้าหาง และแต่ละหางก็เหมือนแส้ หัวของมันเหมือนเสือ เขี้ยวของมันโผล่ออกมาอยู่ข้างนอก ตาของมันใหญ่เหมือนกระดิ่ง บนหัวของมันมีเขาอันเดียวที่แหลมคมซึ่งชี้ตรงขึ้นไปบนฟ้า
ความยาวของเขาตัวนั้น เกือบยาวเท่ากับความสูงของตัวมันเอง!
“เลี่ยเทียนซื่อเป็นสัตว์ดุร้ายโบราณชนิดหนึ่ง มีนิสัยหยิ่งผยองและดื้อรั้น ด้วยกรงเล็บทั้งสี่ใต้เท้าของมัน สามารถข่วนภูเขาแม่น้ำและแผ่นดินได้ เขาเดียวที่อยู่เหนือหัวของมันสามารถฉีกท้องฟ้า ความดุร้ายของมันสามารถติดอันดับหนึ่งในสิบของสัตว์ดุร้ายโบราณ” เสียงพูดของลู่เจี้ยลอยมาช้าๆ
เขาไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ก็เพียงพอแล้วที่เจียงหลีจะเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเลี่ยเทียนซื่อนี้คือตัวอะไร
สมัยโบราณ ในยุคแห่งความวุ่นวายของเหล่าสัตว์ใหญ่ กลุ่มสัตว์ร้ายได้ลุกฮือขึ้น และสถานการณ์เปลี่ยนไป การที่สามารถติดอันดับหนึ่งในสิบของรายชื่อสัตว์ดุร้าย แสดงให้เห็นถึงความดุร้ายของเลี่ยเทียนซื่อ ลู่เจี้ยยิ้มทันที ความหมายในรอยยิ้มนั้น ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้
เขามองไปที่เจียงหลีและพูดกับนางว่า “ข้ารู้แค่ว่าในลูกเก็บวิญญาณนี้มีวิญญาณยุทธ์ระดับหนึ่ง เน้นการโจมตีเป็นหลัก ด้วยนิสัยของเจ้า การประสานเนตรญาณขั้นที่หนึ่งกับวิญญาณยุทธ์ที่ดีที่สุด มันควรจะเป็นตัวโจมตีหลักด้วย แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นเลี่ยเทียนซื่อ อย่างไรก็ตาม ลักษณะนิสัยของเลี่ยเทียนซื่อนั้นเข้ากันได้ดีกับนิสัยใจคอของเจ้า หากเจ้าสามารถรวมเข้าด้วยกันได้สำเร็จ ให้มันกลายเป็นวิญญาณยุทธ์แรกของเจ้า เมื่อเจ้าอยู่ในการโจมตี เจ้าจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ ความเร็วดั่งฟ้าร้อง มีอำนาจในการทำลายล้างสวรรค์และโลก มากไปกว่านั้น ยังได้รับทักษะการต่อสู้โดยกำเนิดที่เป็นความสามารถของเลี่ยเทียนซื่อ”
“ทักษะการต่อสู้โดยกำเนิดนั่นคืออะไร” หัวใจของเจียงหลีเต้นแรง นางรู้สึกว่า ในครั้งนี้ตัวเองได้สมบัติสมบัติแล้ว
ลู่เจี้ยลุกขึ้นจากม้านั่ง รูปร่างที่สูง ยืนอยู่ภายนอกแสงสีทอง แต่ก็ไม่ได้สูญเสียความสง่างาม “ทักษะการต่อสู้ แบ่งออกเป็นทักษะพรสวรรค์ ซึ่งเป็นทักษะการต่อสู้โดยกำเนิด และทักษะมานะสร้าง เป็นทักษะการต่อสู้ที่ได้มาภายหลัง ทักษะการต่อสู้พรสวรรค์มาจากวิญญาณยุทธ์ที่ผสานเข้าด้วยกัน วิญญาณยุทธ์ทุกตัว จะมีทักษะเฉพาะของตัวเอง นี่คือทักษะการต่อสู้พรสวรรค์ ส่วนทักษมานะสร้างที่ได้มาภายหลังนั้น คือทักษะการต่อสู้ที่สร้างขึ้นโดยผู้ฝึกฝนนับครั้งไม่ถ้วนเป็นเวลาหลายพันปี เป็นทักษะการต่อสู้ที่สามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเอง ทักษะการต่อสู้ประเภทนี้ ไม่ทรงพลังเท่าทักษะการต่อสู้ที่มีโดยกำเนิด อีกทั้งยังมีการแบ่งลำดับขั้นด้วย เจ้าจะรู้เรื่องเหล่านี้ในภายหลัง แต่ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือ ทำให้เลี่ยเทียนซื่อเป็นวิญญาณยุทธ์ตัวแรกของเจ้า”
เจียงหลีพยักหน้า แววตาที่สดใสของนาง มองลงไปบนร่างของเลี่ยเทียนซื่อ
ในเวลาเดียวกัน แววตาของเลี่ยเทียนซื่อก็มองไปที่ตัวนาง
วูบ!
เมื่อเลี่ยเทียนซื่อมองดูนาง เจียงหลีรู้สึกราวกับว่าร่างกายของนางกำลังจะระเบิด และอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงคำรามออกมา ยังอ่อนแอเกินไป! นางถอนหายใจรำพึง
“อืม เนตรญาณเก้าดวงรึ” สัตว์ร้ายเลี่ยเทียนซื่อกำลังมองดูเจียงหลี ถ้าต้องผสานอย่างน้อยความสามารถจะต้องเป็นที่ยอมรับสำหรับเขา เห็นได้ชัดว่าเจียงหลีผ่านระดับแรกนี้ไปแล้ว
แน่นอนเลี่ยเทียนซื่อกล่าวด้วยท่าทางรังเกียจ “อ่อนแอเกินไป! กล้าให้ข้าเป็นเทพวิญญาณยุทธ์ตัวแรกของเจ้าได้อย่างไร มองตัวเองสูงส่งมากไป หรือกำลังดูถูกเทพอย่างข้า”
ปากของเจียงหลีกระตุกอย่างแรง “เจ้าพูดถูก ข้าก็คิดว่าตัวข้าเองอ่อนแอเกินไป อย่างไรก็ตามเนื่องจากมันถูกลิขิตแล้ว เจ้าควรจะให้โอกาสแก่ข้า เพื่อให้ข้าได้ลองดู”
นางไม่อายที่จะบอกว่านางอ่อนแอเกินไป ซึ่งทำให้เลี่ยเทียนซื่อประหลาดใจเล็กน้อย
“สาวน้อยเจ้าน่าสนใจมาก แต่ว่า หากเจ้าอยากลองดู รู้ผลของความล้มเหลวหรือไม่ เจ้าอ่อนแอเกินไป จะฝืนรวมร่างกับเทพอย่างข้า แม้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากสำหรับเทพ แต่ตัวเจ้าอาจจะระเบิด และจะตายเจ้าก็รู้ใช่หรือไม่” แววตาของเลี่ยเทียนซื่อเปลี่ยนเป็นแหลมคม
ทันใดนั้นลมปราณของการฉีกฟ้าดินให้ขาด เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เจียงหลีรู้สึกถึงความเล็กของตนอีกครั้ง
นางมองไปที่ลู่เจี้ย เห็นอาการของเขาเหมือนปกติ รับรู้ได้ถึงลมปราณของของเลี่ยเทียนซื่อ อยู่ภายในวงรอบของแสงนี้เท่านั้น
“ข้าก็ยังอยากที่จะลองดู แม้จะตายก็ไม่เสียใจ” เจียงหลีกล่าวอย่างหนักแน่น
ท่าทางดื้อรั้นและหยิ่งยโสของนาง ทำให้เลี่ยเทียนซื่อสนใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หากเจียงหลีล้มเหลว ก็ไม่มีผลกระทบใดๆ เพียงแค่กลับไปนอนในลูกเก็บวิญญาณอีกครั้ง หากโชคดีประสบความสำเร็จ ด้วยพรสวรรค์ของเนตรญาณเก้าดวง…
แววตาของเลี่ยเทียนซื่อเปลี่ยนไปมาสองสามครั้ง
เขาถูกปิดผนึกไว้มายาวนาน และไม่ต้องการจะนอนหลับอีกต่อไปแล้ว อยากที่จะออกมา อยากรื้อฟื้นอำนาจเพื่อสะเทือนแผ่นดินใหญ่อีกครั้ง ก็ต้องยึดติดอยู่กับคนอื่น สาวน้อยผู้มีเนตรญาณและความสามารถในตำนาน จะทำให้มันผิดหวังหรือ
“ตกลง! เทพผู้นี้จะให้โอกาสเจ้า” เลี่ยเทียนซื่อตัดสินใจแล้ว
เจียงหลีดีใจเป็นอย่างมาก
วิญญาณยุทธ์ไม่ได้ต่อต้าน การประสานของนางประสบความสำเร็จในขั้นตอนแรก
“สาวน้อย ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะทำให้เทพองค์นี้เป็นวิญญาณยุทธ์ในขั้นแรกของเจ้าได้หรือไม่” เลี่ยเทียนซื่อกล่าว เจียงหลีพยักหน้าและกลั้นลมหายใจ
แสงสีทองที่ล้อมรอบตัวนางค่อยๆ ลดลง เหลือเพียงวงแหวนสีทอง ซึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นจากศีรษะของนาง และค่อยๆ ขยายวงกว้าง
นี่ก็คือเนตรญาณดวงแรกของเจียงหลี!
เนตรญาณดวงแรก ลอยจากข้างบนไปยังเลี่ยเทียนซื่อ แน่นอนว่าเลี่ยเทียนซื่อไม่ได้ต่อต้าน และใช้แหวนทองคำที่ขยายใหญ่ขึ้นเพื่อนำเอาตัวเองเข้าไว้ในนั้น
“เลี่ยเทียนซื่อได้เข้าสู่ญาณ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะสามารถผสานได้หรือไม่ ในขั้นตอนนี้ ต้องพึ่งพาตัวเจ้าเองเท่านั้นไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้” ลู่เจี้ยเตือนจากด้านข้าง
เจียงหลีหลับตาทั้งคู่ และพลังวิญญาณที่สะสมอยู่ในร่างกาย ราวกับว่าไม่ต้องการเงิน พุ่งเข้าสู่เนตรญาณ
ไม่พอ! ยังไม่พอ! เสียงของเลี่ยเทียนซื่อ ดังขึ้นในห้วงความคิดของนาง
เจียงหลีขมวดคิ้วเล็กน้อย และพ่นพลังวิญญาณของเขาออกมาอีกครั้ง!
“…”
ในร่างกาย ปั่นป่วนราวกับคลื่นทะเล ลึกลงไปในจิตวิญญาณ ความเจ็บปวดนั้นเหมือนการฉีกขาด เจียงหลีไม่เคยคิดมาก่อนว่าการหลอมรวมวิญญาณยุทธ์จะเจ็บปวดเพียงนี้ อาจจะเป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป หรืออาจเป็นเพราะเลี่ยเทียนซื่อ แข็งแกร่งเกินไป!
ความรู้สึกนั้น เหมือนใช้ถ้วยสุราใบหนึ่งเพื่อจะใส่สุราทั้งไหลงไป นางรู้สึกว่าร่างกายของตนกำลังจะแตกกระจาย
อดทนไว้! เจียงหลี! นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น เจะยอมแพ้แบบนี้ได้อย่างไร ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ขอเพียงอดทนให้ได้! เจียงหลีพูดกับตัวเองในใจ
นางทนต่อความเจ็บปวดจากร่างกาย นางทนต่ออันตรายจากการแตกกระจายของวิญญาณ
พรวด!
เลือดสดๆ พุ่งออกมาจากปากของนาง แต่ร่างกายของนางไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ยังคงส่งพลังวิญญาณของตนไปยังเลี่ยเทียนซื่ออย่างบ้าคลั่ง
ร่างของเลี่ยเทียนซื่อ ลับกกลายเป็นความว่างเปล่ามากขึ้น ราวกับว่าเริ่มผสานกันแล้วเล็กน้อย
แต่ว่าใบหน้าของเจียงหลีเริ่มซีดลง เหงื่อเย็นที่ไหลออกมาทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกและพลังวิญญาณในร่างกายของนางก็เบาบางลง
อ้ากกก!
พลังวิญญาณของเจียงหลีหมดลง และมีเกล็ดเลือดเล็กๆ พุ่งออกมาบนผิวหนังของนาง ทำให้เสื้อผ้าของนางเป็นสีแดงทันที
“เจ้าพยายามมากแล้ว แต่ยังอ่อนแอเกินไป เจ้าล้มเหลว” เมื่อเห็นเจียงหลีที่เป็นลมไป แต่นางยังไม่ยอมเลิกรา เลี่ยเทียนซื่อพูดด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเช่นกัน
“ไม่จำเป็น” ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้น