ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 69 กลับมาได้ด้วยตัวเอง

หม่าหยวนจย่ากลับไปที่จวนตระกูลลู่อย่างเร็วที่สุด

 

 

เขารู้ว่าครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีเพียงนายน้อยคนเดียวที่สามารถช่วยคุณหนูได้! เขาอาศัยตอนที่เรื่องยังไม่เลวร้าย แอบย่องออกจากงานประลองชิงเจียว รีบวิ่งกลับมารายงานนายน้อย

 

 

“นายน้อย หม่าหยวนจย่าขอเข้าพบขอรับ!”

 

 

หม่าหยวนจย่าเข้าประตูจวนตระกูลลู่มา ก็ส่งเสียงดังแล้ววิ่งไปตรงหน้าห้องของลู่เจี้ย

 

 

จะช้าไม่ได้ ช้าไม่ได้เด็ดขาด

 

 

ตอนนี้ลู่เจี้ยอยู่ในห้อง ในมือมีกระดาษที่เขียนไว้ว่า ‘เย่ว์หนานซีจะฆ่าเจียงหลี เจียงหลีจึงฆ่าเย่ว์หนานซี’

 

 

ลู่หวาที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ในมือทั้งสองข้างอุ้มนกส่งข่าวสีแดงอยู่

 

 

“นายน้อย”

 

 

หม่าหยวนจย่ามาตรงหน้าประตูห้องของลู่เจี้ย คุกเข่าลงพร้อมน้อมคำนับขอเข้าพบ “นายน้อย หม่าหยวนจย่าขอเข้าพบนายน้อยขอรับ บ่าวรับใช้มีเรื่องสำคัญมารายงาน”

 

 

ลู่หวามองเงาคนที่ประตู แล้วมองลู่เจี้ย

 

 

ลู่เจี้ยเงยหน้าขึ้นมามองอย่างช้าๆ ดวงตาวาวเผยให้ถึงความเฉื่อยชาและไม่ใส่ใจ เขาค่อยๆ อ้าปากพูด “ให้เขาเข้ามา” ม้วนกระดาษที่อยู่ในมืออย่างเบามือ

 

 

ลู่หวาได้รับคำสั่ง เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวแล้วพูดกับหม่าหยวนจย่าว่า “เข้ามาได้”

 

 

หม่าหยวนจย่าดีใจ รีบเข้าไปในห้อง หลังจากที่คำนับอีกครั้ง ก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่งานประลองชิงเจียวด้วยความรวดเร็ว “…ตอนที่ข้ามา คนตระกูลเย่ว์ได้พากันขึ้นไปบนเวทีการประลองแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้คนของจวนท่านเจ้าเมืองกำลังถ่วงเวลาอยู่ แต่ข้าเป็นกังวลว่าพวกเขาจะเสียใจจนบ้าแล้วทำร้ายคุณหนูถึงชีวิต ข้าขอร้องให้นายน้อยช่วยชีวิตคุณหนูด้วย”

 

 

ลู่เจี้ยยิ้มอ่อน “เจ้านี่จงรักภักดีจริงๆ”

 

 

หม่าหยวนจย่าตกใจ เงยหน้ามองลู่เจี้ย ใบหน้าที่งดงามดูไม่ออกว่ายินดีหรือยินร้าย ที่ยิ่งเดายากกว่าก็คือความคิดของเขา

 

 

คำพูดนี้เป็นความหมายเชิงบวกหรือความหมายเชิงลบกันแน่

 

 

“ในเมื่อกลับมาแล้ว เจ้าก็อยู่นี่แหละ” ทันใดนั้นลู่เจี้ยก็พูดขึ้นมาอีก

 

 

หม่าหยวนจย่าตกใจจนหน้าถอดสี พลั้งปากถาม “นายน้อย แล้วคุณหนู…”

 

 

“ถ้านางสามารถกลับมาจวนตระกูลลู่ได้ด้วยตัวเอง ก็เป็นธรรมดาที่ข้าจะหนุนหลังนาง” ลู่เจี้ยพูดแทรกเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

หม่าหยวนจย่าอึ้งกิมกี่ ไม่ค่อยเข้าใจที่ลู่เจี้ยพูด

 

 

ตระกูลลู่จะช่วยหรือไม่กันแน่

 

 

ระยะทางจากที่จัดการประลองชิงเจียวมาถึงจวนตระกูลลู่ ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาครู่เดียว แต่ว่าในระยะเวลาครู่เดียวนี้ หากคนตระกูลเย่ว์คิดจะฆ่านาง นางตายได้เป็นร้อยครั้งเลย!

 

 

ถึงเจียงหลีแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็มีพลังแค่หลิงซื่อระดับห้า จะรับมือกับคนตระกูลเย่ว์ได้อย่างไรกัน

 

 

หม่าหยวนจย่ากัดฟันคำนับลู่เจี้ย “นายน้อย ถ้าหากตอนนี้จวนตระกูลลู่ไม่พร้อมลงมือ ก็ขอให้นายน้อยอนุญาตให้ข้าออกจากจวน เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณหนูด้วย!”

 

 

“ตอนนี้เจ้าอยู่ระดับอะไร” ลู่เจี้ยถาม

 

 

สายตาของหม่าหยวนจย่าเผยให้เห็นความอับอาย ก้มหน้าตอบว่า “หม่าหยวนจย่าพรสวรรค์ธรรมดาทั่วไป ทุกวันนี้พลังหลิงซื่อระดับหกขอรับ”

 

 

“ถ้าเจ้าไป จะมีประโยชน์อะไร อยู่นี่แหละ” ลู่เจี้ยสะบัดแขนเสื้อ พูดอย่างเย็นชา

 

 

หม่าหยวนเจี้ยพูดอย่างรีบร้อน “นายน้อย ข้าอยู่ที่นี่ไม่ได้! ถึงแม้ว่าข้าจะมีพลังเพียงน้อยนิด แต่ข้าก็รู้จักภักดี ตอนนี้คุณหนูตกที่นั่งลำบาก บ่าวรับใช้อย่างข้าจะมีความคิดที่จะเอาตัวรอดคนเดียวได้อย่างไร”

 

 

“หม่าหยวนจย่า นายน้อยมีเมตตา ไม่อยากให้เจ้าไปตาย ทำไมเจ้าถึงไม่รับความเมตตาไว้ ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางเจียงมีวิธีเอาตัวรอดมากมาย เจ้าไปแล้วมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของนาง” ลู่หวาพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

 

 

หม่าหยวนจย่าหน้าถอดสี ยังคงกัดฟันพูดว่า “ข้าจะไม่เป็นตัวถ่วงของคุณหนู ข้าจะกลับไป อย่างน้อยก็เอาคำพูดของนายน้อยไปบอกนาง ให้นางมีความหวังแล้วช่วยนางถ่วงเวลาคนตระกูลเย่ว์!”

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปเถอะ” ลู่เจี้ยโบกมือ ไล่ให้หม่าหยวนจย่าไป

 

 

หม่าหยวนจย่าคาดเดาความคิดลู่เจี้ยไม่ถูก ทำได้แค่ถอยออกไป ยังไม่ทันได้พัก ก็ขี่ม้าไปงานประลองชิงเจียวในทันที

 

 

ลู่หวาก็ไม่รู้เช่นกันว่าลู่เจี้ยคิดอะไรอยู่

 

 

ว่ากันตามจริง หลายปีมานี้ เจียงหลีเป็นผู้หญิงคนเดียวที่นายน้อยเลือกให้เป็นคนอุ่นเตียง ก็น่าจะสนใจนางอยู่บ้าง แต่ทำไมพอนางเข้าใกล้ความเป็นความตายขนาดนี้แล้วนายน้อยถึงยังใจเย็นได้

 

 

ทว่าในใจของพวกเขา นายน้อยเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ความคิดยากที่จะคาดเดาได้ สรุปก็คือเชื่อนายน้อย จะมีชีวิตยืนยาวแน่นอน!

 

 

“เจ้าก็ไปได้แล้ว” ลู่เจี้ยพูดขึ้นในทันที

 

 

หลังจากที่ลู่หวาทำความเคารพ ก็ถอยออกไปอย่างเงียบๆ

 

 

ในตอนที่ลู่เจี้ยอยู่ในห้องคนเดียว เขาค่อยๆ เปิดปาก “เงา ไปบอกผู้อาวุโสทั้งสองคนในตระกูล ให้แอบตามเจียงหลีไป จำไว้ว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ต้องลงมือ”

 

 

ในห้องเงียบสนิทไร้ซึ่งเสียงอันใด

 

 

แต่ลู่เจี้ยรู้ว่าเงาได้ทำตามคำสั่งของเขาแล้ว เจียงหลีคือผู้มีเนตรญาณเก้าดวงในตำนาน คือต้นไม้ใหญ่แห่งสวรรค์ที่เขาดูแลเพื่อตระกูลลู่ แล้วจะมาตายง่ายๆ ในเมืองเล็กๆ อย่างซูหนานได้อย่างไร นางจำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างหนักท่ามกลางความเป็นความตาย แต่เขาก็ต้องปกป้องนาง!

 

 

……

 

 

ในการประลองชิงเจียว เพราะคำพูดของเฮ่อเหลียนเฟิง ด้านล่างเวทีเงียบไปครู่หนึ่ง

 

 

ผู้คนส่งเสียงดังเกรียวกราว!

 

 

จะยกเลิกคุณสมบัติการเข้าร่วมการประลองของเจียงหลี?

 

 

ท่าทีโต้ตอบของผู้คนต่างพากันมองเจียงหลีด้วยความเห็นใจ ไม่ง่ายเลยที่จะผ่านการประลองมาได้เจ็ดวัน นึกไม่ถึงว่าในรอบคัดเลือกห้าคนสุดท้ายจะถูกยกเลิกคุณสมบัติเช่นนี้

 

 

ไม่ว่าเป็นใครก็เสียใจมากทั้งนั้น

 

 

แล้วก็ถ้าหากว่านางเข้ารอบห้าคนสุดท้ายได้ ก็จะสามารถเอาสัญญาขายตัวเป็นทาสของนางคืนจากตระกูลลู่ได้ กลับคืนสู่สถานภาพคนธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องไปเป็นบ่าวรับใช้ใครอีก

 

 

ตอนนี้ทุกอย่างว่างเปล่า

 

 

ถึงขั้นมีคนคิดว่าเจียงหลีเด็กผู้หญิงอายุสิบสองคนนี้จะร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นไหม

 

 

“ได้! ยกเลิกก็ดี มิเช่นนั้นจะให้นังเด็กต่ำช้าคนนี้มันโอหังอวดดีไปถึงไหน” นางเหอซื่อแววตาเคียดแค้น กัดฟันพูด

 

 

เจียงอวี๋รู้สึกสะใจกับการแก้แค้น

 

 

คนด้านล่างเวทีไม่มีใครที่ไม่เสียใจกับเจียงหลี

 

 

แต่ว่าตัวนางเองกลับไม่ได้มีท่าทีอะไร คะแนนการประลองชิงเจียวอะไร นางไม่เคยสนใจ! จุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียวที่นางมาเข้าร่วมการประลองชิงเจียวก็คือฆ่าเย่ว์หนานซีเท่านั้น

 

 

“เจียงหลี เจ้าจะยอมรับคำตัดสินของข้าไหม” เฮ่อเหลียนเฟิงมองที่สาวชุดดำที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาด้วยท่าทีบีบบังคับเล็กน้อย

 

 

เหมือนว่าถ้าหากเจียงหลีกล้าที่จะไม่ยอมรับคำตัดสิน เขาก็จะลงมือสั่งสอนนาง

 

 

ใครจะรู้ เจียงหลียักไหล่อย่างไม่ใยดี พูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ได้”

 

 

หะ?

 

 

คำพูดของนางทำให้ผู้คนตกใจมาก ท่าทางนี้ คิดว่าการประลองชิงเจียวเป็นการละเล่นของเด็กๆ หรืออย่างไร

 

 

“หึ เจ้าจัดการให้เรียบร้อยเถอะ” ท่าทีของนางเหมือนกับจะทำให้เฮ่อเหลียนเฟิงไม่พอใจ เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าวเตือนอย่างเย็นชา

 

 

ทันทีหลังจากนั้น เขาก็พูดว่า “การประลองชิงเจียวดำเนินต่อไป คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้รีบลงจากเวที”

 

 

พูดจบ ร่างของเขาก็หายวับไปจากบนเวที

 

 

คนของจวนท่านเจ้าเมืองมองไปยังคนตระกูลเย่ว์ แล้วก็เจียงหลี พูดอย่างเย็นชาว่า “ทุกท่าน เชิญลง เรื่องบุญคุณและความแค้น จะจัดการกันอย่างไร พวกข้าไม่ยุ่ง แต่ห้ามส่งผลกระทบต่อการประลองชิงเจียว”

 

 

เจียงหลีเอามือไขว้หลัง หันหลังเดินลงเวทีอย่างสบายอกสบายใจ

 

 

เย่ว์ชิงหลิวก็นำคนตระกูลเย่ว์ยกศพของเย่ว์หนานซีขึ้นมาแล้วเดินลงเวที สายตาที่เหมือนอาบยาพิษจ้องมองตามหลังของเจียงหลี

 

 

“ส่งคนตามนางไป ถ้าหากว่านางก้าวเท้าออกจากงานประลองชิงเจียวเมื่อไหร่ ก็ลงมือได้เลยทันที ข้าอยากให้จับเป็น ข้าจะเอานางมาทรมานจนกว่านางจะตาย!” เย่ว์ชิงหลิวพูดอย่างโหดเ**้ยมอำมหิต

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset