ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 73 ตระกูลเย่ว์ตัวดี

“วิญญาณยุทธ์ของเลี่ยเทียนซื่อนี่ไม่เลวจริงๆ” อู๋เชียนพูด

 

 

หนานอู๋เฮิ่นเห็นเขาปฏิเสธเจียงหลีมาตลอด แผนการต่อสู้ที่เก็บพลังเอาไว้ใช้กับวิญญาณยุทธ์เมื่อครู่นี้ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา “ถ้าไม่ใช่เพราะสติปัญญาที่ล้ำเลิศของเด็กคนนี้ ที่ค่อยๆ ล่อให้คู่ต่อสู้ตกหลุมพรางที่นางวางเอาไว้แล้ว ต่อให้มีพลังที่แข็งแกร่งแล้วจะมีประโยชน์อะไร”

 

 

อู๋เชียนเงยหน้า พูดกับหนานอู๋เฮิ่นอย่างเยือกเย็นว่า “แต่แบบนี้เรียกว่าฉลาดที่ไหนกัน และตอนนี้ หลิงเจี้ยงที่เก่งกาจของตระกูลเย่ว์ก็มาถึงแล้ว กลอุบายเหล่านั้นของนางใช้ไม่ได้ผลหรอก ข้าดูแล้วเรื่องนี้คงจบแค่ตรงนี้แหละ”

 

 

“ข้าไม่คิดเช่นนั้น หลิงซื่อจะข้ามลำดับขั้นมาฆ่าคน ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้” หนานอู๋เฮิ่นยิ้มแล้วพูด

 

 

อู๋เชียนกลับยิ้มถากถาง “เจ้าคิดว่าทุกคนจะเหมือนกับไป๋หลี่เฟิ่งงั้นหรือ ยิ่งไปกว่านั้นที่ไป๋หลี่เฟิ่งสามารถฆ่าหลิงเจี้ยงได้ เพราะเดิมทีเขาพลังหลิงซื่อระดับเก้า หลิงเจี้ยงคนนั้นที่ถูกฆ่าก็เป็นเพียงแค่สวะ แล้วเจียงหลีเพิ่งจะเป็นหลิงซื่อระดับไหนเอง หลิงซื่อระดับห้า ฆ่าหลิงเจี้ยงงั้นรึ ท่านอาจารย์หนาน ท่านกำลังล้อเล่นอยู่รึ!”

 

 

“หรืออาจจะเพราะว่าฆ่าไม่ได้ ก็เลยหนี แต่ก็หนีไม่ได้ ข้าดูท่านางแล้ว คือวางแผนหนีไปให้ถึงจวนตระกูลลู่ ขอเพียงแค่นางไปถึงจวนตระกูลลู่……เอ๊ะ?” หนานอู๋เฮิ่นหยุดชะงัก กวาดสายตามองไปที่ไกลๆ เมื่อครู่นี้เหมือนเขารับรู้ได้ถึงพลังขั้นสูงอย่างเลือนราง

 

 

พวกเขาซ่อนตัวอยู่ พลังมากกว่าหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์พวกนั้นอีก และไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับเจียงหลี หรือว่า…… หนานอู๋เฮิ่นหัวเราะแบบไม่มีเสียง พูดในใจว่า ดูแล้ว ตระกูลลู่ก็ใช่ว่าจะไม่เตรียมพร้อม วันนี้เด็กผู้หญิงคนนี้คงตายยากแล้วล่ะ

 

 

พลังของเขามากกว่าอู๋เชียนอยู่เล็กน้อย พลังที่รางเลือนนั้นก็ปรากฏเพียงวูบเดียว ตอนนี้หายเข้ากลีบเมฆไปนานแล้ว

 

 

ดังนั้นหนานอู๋เฮิ่นถึงสัมผัสได้ แต่อู๋เชียนกลับไม่รับรู้เลย

 

 

เขาในตอนนี้มองเจียงหลีที่ถูกทิ้งไว้อีกครั้ง ความเยือกเย็นในแววตา แยกไม่ออกว่าหมายความว่าอย่างไร

 

 

ถนนใหญ่หน้าประตูเมือง ผู้คนมากมายถูกคลื่นพลังเมื่อครู่ดึงดูดให้มา ในตอนที่พวกเขาเห็นเหล่าหลิงเจี้ยงล้อมสาวชุดดำเพียงคนเดียว ล้วนแต่แปลก

 

 

เจียงหลียิ้มอย่างสดใส ในดวงตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามที่เย็นชา “ตระกูลเย่ว์นี่เก่งจริงๆ ถึงกับต้องส่งหลิงเจี้ยงมารับมือกับเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว มาคนเดียวไม่พอ มาตั้งสี่คน”

 

 

หา?

 

 

เรื่องอะไรกัน!

 

 

หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์มาตั้งสี่คน เพื่อฆ่าเด็กคนเดียว?

 

 

ผู้คนแห่กันมาเหมือนฝูงผึ้ง ได้ยินคำพูดของเจียงหลี ต่างตกใจ สายตาที่มองหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์เปลี่ยนไป

 

 

นี่มันรังแกกันชัดๆ!

 

 

หนึ่งในหลิงเจี้ยงของตระกูลเย่ว์ มองและพูดกับเจียงหลีอย่างเย็นชา “เจ้าฆ่านายน้อยเย่ว์ของพวกข้า แล้วยังวางแผนฆ่าหลิงซื่อตระกูลเย่ว์อีกสิบกว่าคน ข้ารอรับคำสั่งจากนายท่าน มาที่นี่เพื่อนำตัวเจ้ากลับไป หากขัดขืน ตายสถานเดียว!”

 

 

หืมมม

 

 

ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ ได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันที

 

 

พวกเขาฟังไม่ผิดใช่ไหม เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ฆ่านายน้อยเย่ว์งั้นหรือ แล้วยังฆ่าหลิงซื่ออีกสิบกว่าคน เป็น…เป็นไปได้หรือ

 

 

“นางก็คือเจียงหลีคนนั้น”

 

 

“คนที่ถอนหมั้น?”

 

 

“ใช่ คนที่ถอนหมั้นคนนั้นแหละ!”

 

 

“ตอนนี้มีเรื่องน่าสนใจแล้ว สามเดือนก่อนถอนหมั้นต่อหน้าสาธารณชน สามเดือนต่อมาก็ได้ฆ่าอดีตคู่หมั้น”

 

 

“เด็กผู้หญิงที่มีพลังเช่นนี้หายาก อายุแค่นี้ แต่กลับโหดเ**้ยม น่าเสียดายที่วันนี้ต้องมาตกตายที่นี่”

 

 

“นั่นน่ะสิ”

 

 

“……”

 

 

ผู้คนต่างถกเถียงกัน แต่ว่าเจียงหลีไม่สนใจ พวกหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ก็ไม่ได้สนใจ

 

 

นางมองไปที่หลิงเจี้ยงทั้งสี่คนนั้น น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยความถือดี “เลิกพูดจาไร้สาระ คิดว่าจับได้ก็เข้ามาสิ!”

 

 

“โอหัง!”

 

 

“อวดดี!”

 

 

“โง่เขลา!”

 

 

หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์อีกสามคนพูดด้วยความโกรธ

 

 

เจียงหลียิ้มเหยียดหยาม ตระกูลเย่ว์นับว่ามีอิทธิพลในเมืองซูหนานอยู่บ้าง แต่ว่าผู้ที่เป็นระดับหลิงเจี้ยงขึ้นไปจะมีสักกี่คน

 

 

คนที่ถูกส่งมาฆ่านาง คงเป็นเพียงหลิงเจี้ยงระดับหนึ่งกันหาด

 

 

เจียงหลีขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขา นางมองสถานการณ์รอบๆ ดูแล้ว ทันใดนั้นก็เริ่มจู่โจมคนหนึ่งในนั้น

 

 

พอจะลงมือ คนที่ถูกนางเลือกก็ยิ้มอย่างเหยียดหยาม

 

 

พลังขั้นหลิงซื่อ แข็งแกร่งแค่ไหน ก็คือหลิงซื่อ เมื่อเทียบกับพลังขั้นหลิงเจี้ยง ก็เป็นธรรมดาที่จะไม่มีกำลังต้านทาน พูดง่ายๆ ก็คือวิญญาณยุทธ์ตัวเดียว จะมาสู้กับวิญญาณยุทธ์สองตัวได้อย่างไร

 

 

เหมือนเขามองเห็นตัวเองจับกุมเจียงหลีได้ด้วยมือเดียวแล้วกลับไปรับความดีความชอบ

 

 

อีกสามคนก็ดูสบายๆ ราวกับว่าภารกิจครั้งนี้เป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตน

 

 

ทว่าในตอนที่พวกเขาคิดว่าเจียงหลีรนหาที่ตายนั้น นางหันหลังกลับแล้วใช้พลังปิดล้อมระหว่างหลิงเจี้ยงทั้งสองคนแล้ววิ่งหนีเข้าไปในตรอกเล็กๆ อย่างรวดเร็ว

 

 

หลิงเจี้ยงทั้งสี่อึ้ง ไม่คิดว่าเจียงหลีจะหนีไปแบบนี้

 

 

เจียงหลีที่เข้าไปในตรอกเล็กๆ กลับยิ้มในใจ หลิงเจี้ยงสี่คนรังแกข้าคนเดียว หากราชินีอย่างข้าไม่หนี แล้วจะให้ข้าแกล้งทำเป็นคนกล้าหาญแล้วถูกฆ่าตายรึอย่างไร ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ย่อมต้องมีหวัง เหตุผลข้อนี้ นางเข้าใจดี!

 

 

“น่าเกลียด!”

 

 

“เจ้าเล่ห์นัก!”

 

 

“ยังจะนิ่งอยู่ทำไม ตามไป!”

 

 

หลิงเจี้ยงทั้งสี่ของตระกูลเย่ว์รีบไล่ตามไปทางที่เจียงหลีหนีไป ทั้งสี่คนเหินไป ไล่ตามอยู่บนหลังคา เข้าใกล้เจียงหลีขึ้นเรื่อยๆ

 

 

แต่เจียงหลีก็เหมือนกับปลาไหลที่จับยากอย่างไรอย่างนั้น ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในตรอก ทำให้ยากที่จะระบุตำแหน่ง

 

 

“เจียงหลี เจ้าหนีแบบนี้ ลืมไปแล้วหรือว่าสุสานของแม่เจ้า พวกเราตระกูลเย่ว์เป็นคนฝังศพ” ทันใดนั้น หลิงเจี้ยงคนหนึ่งพูดบีบบังคับนาง “ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากให้แม่เจ้าตายแล้วยังอยู่ไม่เป็นสุข ถูกคนเขาขุดศพขึ้นมาเฆี่ยนตีจากสุสาน ทางที่ดีเจ้าก็เลิกดิ้นรนซะ ยอมกลับไปกับพวกข้าเสียดีๆ”

 

 

ขุดสุสาน!

 

 

เฆี่ยนตีศพ!

 

 

ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ ตกใจ มองหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ทั้งสี่ด้วยสายตาดุร้าย

 

 

แม้แต่หนานอู๋เฮิ่นที่แอบตามมาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ตระกูลเย่ว์ตัวดี ดูมีอนาคตเสียจริง”

 

 

เจียงหลีพอได้ยินคำพูดนั้น แววตาเย็นชาขึ้นมาทันที สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร กู๋หล่านเย่ว์เป็นเพียงแม่ทางกายภาพของนางในภพนี้ แม้นนางไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมาก แต่ว่าเรื่องที่จะขุดสุสานแบบนี้ ก็เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้หยุดเพราะคำพูดพวกนั้น เพียงแต่จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลเย่ว์ทำไว้ในใจ

 

 

“อยู่ตรงนั้น!” ทันใดนั้น หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์คนหนึ่งก็เห็นร่องรอยของเจียงหลี

 

 

เขาบอกกับอีกสามคนที่มาด้วยกัน ปล่อยพลังในมือไปที่พื้น

 

 

พลังพุ่งเข้าหาเจียงหลี

 

 

นอกจากนี้แล้วยังทำลายตึกรามบ้านช่องไปไม่น้อย อิฐที่ปูอยู่บนพื้นกระจัดกระจาย

 

 

“แข็งแกร่งมาก” เจียงหลีรับรู้ได้ถึงพลังจนตกใจ นี่คือความต่างระหว่างหลิงซื่อกับหลิงเจี้ยงงั้นหรือ

 

 

แค่โบกมือธรรมดา ก็ปิดตายทางหนีของนางทั้งหมด แม้กระทั่งพลังของตัวนางเองก็เหมือนว่าโดนกดทับเอาไว้ ทำให้การเคลื่อนไหวช้าลง

 

 

“ยังคิดจะหนีอีกหรือ!” เห็นเจียงหลีที่คิดจะหนีต่อ ยังคงวิ่งไปข้างหน้า หลิงเจี้ยงคนที่ลงมือก็ปล่อยพลังไปอีกที

 

 

หมัดสังหารขั้นเจ็ด

 

 

เย่ว์หนานซีเคยใช้กับเจียงหลี ทว่าหมัดสังหารขั้นเจ็ดที่หลิงซื่อใช้กับที่หลิงเจี้ยงใช้ต่างกันโดยสิ้นเชิง!

 

 

จิตสังหารจู่โจมมาจากด้านหลัง เจียงหลีอยากจะตอบโต้ แต่กลับถูกพลังรอบๆ ปิดล้อมไว้หมด พลังหมัดสังหารขั้นเจ็ดพุ่งไปด้านหลังของนาง ทำให้ตัวนางลอยไปในอากาศแล้วกระอักเลือกออกมา

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset