ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 76 ประตูจวนตระกูลลู่

 

 

ท่ามกลางความไม่แน่ใจ เหมือนว่าเจียงหลีเห็นศาสตราวุธเทพที่ปรากฏขึ้นพุ่งไปบนท้องฟ้า

 

 

เมื่อเห็นดังนั้น นางดีใจมาก ศาสตราวุธเทพที่ตอบรับการต่อสู้เองแบบนี้ เป็นอาวุธที่ไม่มีความหวาดหวั่นเลยสักนิด ต้องแบบนี้ถึงจะถูกใจนาง ถึงจะคู่ควรกับเจียงหลี!

 

 

เมฆครึ้มลอยผ่านไป ทุกอย่างสงบลง แสงสว่างที่ห่อหุ้มศาสตราวุธเทพเปิดออก ปรากฏให้เห็นถึงความงามอันน่าทึ่ง

 

 

ตัวศาสตราวุธเป็นสีดำทอง โค้งเรียวยาว ปลายที่แหลมคมทั้งสองด้าน ด้านบนตกแต่งด้วยสีแดงก่ำ คมดาบโค้งงอ มีทรงคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน งดงามยิ่งนัก

 

 

“เจียงหลี เจ้ามัวรออะไรอยู่ ยังไม่รีบรับศาสตราวุธแห่งเทพที่เป็นของเจ้าไปอีก!”

 

 

ทันใดนั้นเสียงที่เย็นชาดื้อรั้นดังออกมาราวกับระเบิดในอากาศ ทำให้เจียงหลีได้สติ นางที่นอนอยู่ในหลุม ลืมตาขึ้นในทันที แสงสีทองที่งดงามตรงหน้า ชั่วพริบตาเดียวก็ดึงดูดสายตาของนาง!

 

 

“ศาสตราวุธเทพนี้ ข้าตั้งชื่อให้ว่าจูเสีย หวังว่านับจากวันนี้มันจะคอยติดตามเจ้าเพื่อกำจัดคนชั่วร้ายทุกคน!”

 

 

เสียงที่คุ้นเคยมากๆ นั้น ดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

เพียงแต่เหมือนถูกกั้นไว้ด้วยความว่างเปล่า แล้วข้ามผ่านทะเลดวงดาวมามากมาย

 

 

ชิงเกอ… ข้าจะตายไม่ได้! ข้ายังไม่เจอชิงเกอเลย! จิตวิญญาณการต่อสู้ลุกขึ้นอีกครั้งในดวงตาที่แวววาวคู่นั้นของเจียงหลี

 

 

นางสลัดความเหนื่อยล้าออกจากร่างกาย ใช้พลังที่เหลืออยู่ กระโดดขึ้นมาจากหลุม

 

 

ในขณะเดียวกัน แสงสีแดงที่พุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของนาง ก็กลายเป็นศาสตราวุธแห่งเทพที่แหลมคม พุ่งไปยังหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

 

 

“นี่มันอะไร!” หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ที่ยืนอยู่ข้างๆ หลุม เห็นแสงสีแดงก่ำพุ่งมาหาตัวเอง ก็ตกใจมาก

 

 

ทว่า เขาไม่ได้สนใจอะไรมาก ถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจในพลังป้องกันของหลิงเจี้ยงมากกว่า

 

 

เพียงแต่ว่า ในตอนที่แสงสีแดงก่ำเข้ามาใกล้ ความงดงามจางหายไป เผยให้เห็นหน้าตาที่ดุร้ายของมัน เขาจึงรับรู้ได้ถึงอันตราย

 

 

ไม่!

 

 

หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์รีบถอยหลัง

 

 

แต่ทว่า มันสายเกินไป

 

 

จูเสียเร็วกว่าเขา พุ่งทะลุไปที่หว่างคิ้วของเขาอย่างไม่ลังเล เส้นสีแดงเล็กๆ ทะลุผ่านหน้าผากมาถึงกราม

 

 

ร่างของหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ที่กำลังถอยแข็งทื่อขึ้นมาทันที ยืนอยู่กับที่ และแสงสีแดงก่ำที่งดงามก็กลับไปหาเจ้าของของมันที่เพิ่งกระโดดขึ้นมาจากหลุม

 

 

จูเสีย! เจียงหลีแบมือออกแล้วจับไว้ ในที่สุดนางก็จับศาสตราวุธเทพอันนี้ได้

 

 

ฟิ้ววว

 

 

เหมือนรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเจ้าของ จูเสียสั่นเล็กน้อยเพื่อสื่อสารกับนาง

 

 

“อ้อ! คนตระกูลเย่ว์!”

 

 

เพราะตระกูลเย่ว์ประมาทเลยถูกจูเสียฆ่า เกรงว่าตอนที่ใกล้ตายก็ยังไม่เชื่อว่าสาวใช้คนหนึ่งได้เรียนรู้ถึงอาวุธที่สามารถฆ่าหลิงเจี้ยงได้

 

 

เขาตายตาไม่หลับ ตาทั้งสองข้างเบิกโพลง ร่ายกายค่อยๆ ล้มไปด้านหลัง ทำให้คนตระกูลเย่ว์อีกสามคนสนใจเป็นยิ่งนัก

 

 

ตาย… ตายแล้วงั้นรึ

 

 

ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ พอเห็นเหตุการณ์นี้ ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก

 

 

ตอนจบนี้ พลิกผันไปจากที่พวกเขาคิดไว้! หลิงซื่อขั้นห้าคนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะฆ่าหลิงเจี้ยงขั้นหนึ่งได้? แม้แต่อู๋เชียนก็ตกใจกลัว ริมฝีปากแห้งผาก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

 

 

ในสายตาของหนานอู๋เฮิ่นกลับเป็นเรื่องที่น่าสนุก แทบจะเอาตัวเจียงหลีกลับสถาบันในทันที!

 

 

“นั่น……นั่นมันคืออาวุธอะไร” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อู๋เชียนถึงถามด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดี แววตาปกปิดความโลภไว้ไม่อยู่

 

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นอาวุธที่สามารถฆ่าหลิงเจี้ยงได้ก็ตาม แต่สำหรับเขาก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่ต้องรู้ไว้ว่าคนที่ครอบครองเป็นเพียงแค่หลิงซื่อ ถ้าหากว่าอาวุธนี้ สามารถปล่อยพลังที่แตกต่างกันตามพลังผู้ใช้ล่ะ

 

 

หนานอู๋เฮิ่นมองเขาอย่างเย็นชา เห็นความโลภในสายตาของเขา ยิ้มเล็กน้อย “หรือว่าจะเป็นสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลลู่”

 

 

ตระกูลลู่!

 

 

หางตาของเขากระตุกสองครั้ง ความโลภในสายตาของเขาเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว

 

 

ถ้าหากว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลลู่ที่ใช้ปกป้องเจียงหลีจริง เช่นนั้น เขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีกแล้ว ตระกูลลู่เป็นตระกูลที่เขาไม่กล้ามีเรื่องด้วย

 

 

ผู้คนตกตะลึง แต่ก็เพียงชั่วพริบตาเดียว

 

 

ตอนนี้ ในมือเจียงหลีถือจูเสียไว้ กระโดดขึ้นมาจากหลุม แล้วยืนขึ้นบนซากปรักหักพังอีกครั้ง

 

 

การตายของคนตระกูลเย่ว์ ทำให้หลิงเจี้ยงแห่งตระกูลเย่ว์ที่เหลืออยู่สามคนยากที่จะเชื่อ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเจียงหลีด้วยความโกรธของพวกเขา!

 

 

หลิงเจี้ยงสี่คนไล่ล่าหลิงซื่อคนเดียว ตอนนี้ถูกฆ่าไปหนึ่ง?

 

 

หลังจากกลับไป พวกเขาไม่โดนเย่ว์ชิงหลิวลงโทษก็แปลกแล้ว!

 

 

“นางปีศาจ เจ้าใช้วิธีอะไร” หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ตะโกนใส่เจียงหลี

 

 

เจียงหลียิ้มมุมปาก หน้าเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เผยให้เห็นความโหดเ**้ยมอย่างชัดเจน “วิธีการฆ่าคน!”

 

 

คำพูดประโยคเดียว ทำให้หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ทั้งสามโกรธมาก

 

 

ตอนนี้ พวกเขาไม่สนใจใครทั้งนั้น ไม่สนใจคำสั่งจับเป็นของเย่ว์ชิงหลิว ทั้งสามปลดปล่อยพลังพร้อมกัน แล้วไปฆ่าเจียงหลี

 

 

“รนหาที่ตาย!”

 

 

เจียงหลีจับจูเสียด้วยมือทั้งสองข้าง บิดอย่างแรง แยกออกเป็นสองอัน หันหลังกลับ สะบัดอาวุธลับวงแหวนสามวงที่อยู่บนคมดาบ และโจมตีไปยังหลิงเจี้ยงทั้งสามที่พุ่งมาหานาง

 

 

ตามการเคลื่อนไหวของนาง กระดิ่งที่เหมือนหัวงูแขวนอยู่ตรงด้ามจูเสีย เกิดเสียงที่ไพเราะและสั่นขึ้น

 

 

ทันใดนั้น หลิงเจี้ยงทั้งสามที่พุ่งมาหานาง รู้สึกได้เพียงว่าสติเลือนลาง ดวงตาและการเคลื่อนไหวเชื่องช้า ราวกับว่าสูญเสียพลังการต่อสู้แล้วหยุดอยู่กับที่

 

 

ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้แต่ผู้คนที่ดูอยู่รอบๆ และมือดีของตระกูลลู่ที่ซ่อนตัวอยู่ หนานอู๋เฮิ่น อู๋เชียน หลังจากได้ยินเสียงกระดิ่งก็หน้ามืดไปชั่วพริบตา

 

 

เสียงกระดิ่งอันไพเราะ ทำให้คนตกอยู่ภวังค์

 

 

อาวุธลับที่เจียงหลีสะบัดไป ใช้โอกาสนี้เผยความดุร้าย พุ่งไปที่คอของทั้งสามคน

 

 

เอื้อออก

 

 

เอื้อออก

 

 

เอื้อออก

 

 

เสียงร้องที่น่าเวทนาทั้งสองดังขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้ผู้คนรู้สึกตัว

 

 

ภาพเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก

 

 

เดิมที่คิดว่าเจียงหลีต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้กลับกัน ในมือนางถืออาวุธที่แปลกประหลาด มือทั้งสองที่ไขว้กันฟาดฟันเป็นแนวนอน ตัดหัวของหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์คนหนึ่ง

 

 

ไม่มีใครทันสังเกตเห็น นางอาศัยตอนที่อาวุธลับกำลังจู่โจมหลิงเจี้ยงคนนี้ ลงมือพร้อมกัน รวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด ทำให้หลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ไม่ทันตั้งตัว

 

 

และเสียงร้องที่น่าเวทนาอีกเสียงก็ดังขึ้น หลิงเจี้ยงของตระกูลเย่ว์อีกคนหนึ่งถูกอาวุธลับวงแหวนโจมตีคอขาดไปครึ่งหนึ่ง เลือดสาดพุ่งขึ้นบนฟ้า

 

 

เสียงร้องของทั้งสองคนที่ใกล้ตาย ทำให้หลิงเจี้ยงคนสุดท้ายรู้สึกตัว

 

 

เขาหลบการโจมตีของอาวุธลับ แต่ยังคงมีบาดแผลที่สาหัสถึงขั้นเห็นกระดูกอยู่บนหน้าของเขา

 

 

อาวุธลับทั้งสาม หลังจากที่ทำตามคำสั่งสำเร็จ ก็กลับไปอยู่ข้างๆ เจียงหลี แล้วรวมเข้ากับจูเสียอีกครั้ง

 

 

“เจียงหลี!” หลิงเจี้ยงที่น่าสงสารที่เหลือเพียงคนเดียวพุ่งมาฆ่าเจียงหลีด้วยความโกรธ

 

 

ตอนนี้ เจียงหลีหมดแรงแล้ว

 

 

นางรู้ดีว่าที่นางสามารถฆ่าหลิงเจี้ยงตระกูลเย่ว์ได้นั้น ทั้งหมดเป็นพลังของจูเสีย ถ้าไม่ใช่เพราะจูเสียออกมาปกป้องนางเอง ในตอนที่นางตกอยู่ในอันตราย ขึ้นมาฟื้นคืนสติให้นาง ป่านนี้นางคงตายอยู่ในเงื้อมมือของคนตระกูลเย่ว์ไปนานแล้ว

 

 

ตอนนี้ จูเสียหลับใหลอีกครั้ง กลายเป็นกำไลสีแดงทองที่สวยงามสวมอยู่บนข้อมือของนางแล้วค่อยๆ หายไป

 

 

สู้ต่อไปไม่ได้แล้ว!

 

 

เจียงหลีตัดสินใจใช้พลังที่มีทั้งหมดหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

ที่ตรงนี้อยู่ห่างจากจวนตระกูลลู่ไม่ไกล ขอเพียงแค่นางเร็วพอ ก็สามารถหนีได้พ้น!

 

 

“จะหนีไปไหน!” เห็นว่าเจียงหลีจะหนี หลิงเจี้ยงแห่งตระกูลเย่ว์ที่เหลือคนสุดท้ายรีบตามไป

 

 

แต่ทว่า เจียงหลีเหมือนกระต่าย ความเร็วมากกว่าเมื่อกี้เท่าหนึ่ง!

 

 

ระหว่างการไล่ล่า ประตูจวนตระกูลลู่ที่สูงตระหง่านปรากฏอยู่ตรงหน้าเจียงหลีแล้ว

 

 

ถึงแล้ววว! เจียงหลีดีใจมากที่เห็นประตูจวนตระกูลลู่ อาศัยสติที่มีอยู่เฮือกสุดท้าย นางก็พุ่งไปยังประตูจวนตระกูลลู่โดยตรง

 

 

แต่ในตอนนั้น เหมือนว่ารับรู้ได้ถึงการปรากฏตัวของนาง ร่างของคนที่สามารถทำให้โลกมืดมัวได้ก็เดินนวยนาดออกมาจากประตูจวน

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset