ราชินีพลิกสวรรค์ – ตอนที่ 99 เจ้าดวงซวยไปหน่อยนะ

แผนการในใจของลู่เจี้ย เจียงหลีมองออกแค่เจ็ดถึงแปดส่วน ยังมีอีกสองถึงสามส่วนที่นางไม่แน่ใจ

 

 

ลู่เสวียนที่อยู่ตรงหน้า เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่ม ไร้เดียงเสียงและตรงไปตรงมา เมื่อเทียบกับพี่ชายเขาแล้ว เขาอบอุ่นและผ่อนคลายกว่ามาก

 

 

“หลียาโถ่ว เจ้ามากับข้าเถอะ ข้ารับประกันว่าเจ้าจะปลอดภัยผ่านพ้นเจ็ดวันนี้ไปได้!” ลู่เสวียนเดินมาด้วยใบหน้าที่คุ้นเคยพร้อมกับยื่นมือตบไปที่ไหล่ของเจียงหลี

 

 

แต่ว่า กลับถูกเจียงหลีหลบหลีกอย่างรวดเร็ว

 

 

นางไม่รู้เสียจริงว่าลู่เสวียนนั้นมีสมองหรือไม่ นางหัวเราะ “เจ้าเห็นข้านำเอาป้ายมายังที่นี่ ก็แสดงให้เห็นว่าข้าเองก็ต้องมีความสามารถอยู่บ้าง ยังต้องการให้เจ้ามาปกป้องด้วยหรือ อีกอย่าง อย่าเรียกข้าว่าหลียาโถ่ว!”

 

 

“เจ้านำป้ายมา ย่อมแสดงให้เห็นว่าเจ้ามีความสามารถอยู่แล้ว แต่ว่า ผู้ที่เข้ามาที่นี่ ทุกคนล้วนแต่เป็นคนที่มีป้าย เจ้าคิดว่าพึ่งแค่ตนเอง จะสามารถรอดพ้นผ่านไปได้เจ็ดวันงั้นหรือ อีกอย่าง ถ้าไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าหลียาโถ่ว จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร” ลู่เสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

 

“เรียกข้าเจียงหลี” เจียงหลีกล่าวด้วยใบหน้าที่สงบ

 

 

ลู่เสวียนส่ายหน้า “เรียกชื่อเช่นนี้ มันดูไม่ห่างเหินเกินไปหน่อยหรือ เจ้าเป็นคนของพี่ชายข้า ก็เท่ากับเป็นคนกันเอง ข้าเรียกเจ้าว่าหลียาโถ่ว เจ้าเรียกข้าว่าลู่เสวียนก็พอ อย่าเรียกข้าว่าซื่อจื่ออะไรนั่น เฉิ่มนัก”

 

 

จากคำพูดของเขา เจียงหลีฟังออกว่าเขารู้สึกกับการขนามนามว่าเทพบุตรแห่งราชาแคว้นลู่ เป็นการเยาะเย้ยดูถูก

 

 

บางที ภายในใจเขารู้ ที่เรียกว่าราชาแคว้นลู่ เป็นเพียงแค่หมวกที่จักรพรรดิใช้เพื่อจูงตระกูลลู่

 

 

“ข้าเรียกเจ้าว่าลู่เสวียนได้ แต่ว่าเจ้าก็ต้องเรียกข้าว่าเจียงหลี” เจียงหลียืนหยัดอีกครั้ง

 

 

“ข้าจะเรียกเจ้าว่าหลียาโถ่ว ทำไม เจ้าจะกัดข้าหรือ!” ลู่เสวียนขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าที่สวยงามนั้น กะพริบตาต่อหน้าเจียงหลี

 

 

ท่าทางเช่นนั้น ช่างเหมือนกับพี่ชายเขาเป็นอย่างมาก!

 

 

เจียงหลีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ ถ้ามีโอกาสข้าจะตีเจ้าให้ตายแน่”

 

 

“โอโห! หลียาโถ่ว นี่ ตัวยังละอ่อน แต่นิสัยกลับไม่อ่อน” ลู่เสวียนก็ไม่ได้ใส่ใจ เขายื่นมือไปจับผมของเจียงหลี

 

 

เจียงหลีในตอนนี้ ส่วนสูงถึงแค่ตรงอกของลู่เสวียน เพียงเขายกมือขึ้น ก็จับโดนหัวของนางอย่างงายดาย

 

 

ความรู้สึกนี้ ทำให้นางไม่พอใจ และหลบไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ลู่เสวียนที่คว้าโดนอากาสธาตุอีกครั้ง กล่าวกับเจียงหลีด้วยความโกรธและขบขัน “แม่สาวน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าซั่งตูมีเด็กสาวมากมายที่รอคอยให้คุณชายอย่างข้าทำเช่นนี้ด้วย ข้าดีกับเจ้า เจ้ากลับไม่ต้องการ!”

 

 

“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำดีกับข้า” เจียงหลีกล่าวตรงๆ

 

 

“เจ้าเป็นคนของพี่ชายข้า ข้าทำดีกับเจ้าก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว” ลู่เสวียนกล่าวแบบตรงไปตรงมา

 

 

“……” เจียงหลีไม่พูดอะไร

 

 

ลู่เจี้ยตั้งใจสร้างภาพลักษณ์เช่นนี้แก่นาง ทำให้ทุกคนในตระกูลลู่มีท่าทีที่แตกต่างกับนาง ถึงสถานะของนางจะเป็นสาวใช้ แต่ว่ากลับไม่เคยได้ทำงานของสาวใช้เลย แถมยังมีจวนลู่คอยสนับสนุนทรัพยาการการฝึกฝนวรยุทธให้นางอีกด้วย

 

 

ทรัพยากรเหล่านั้นของตระกูลเย่ว์ ลู่เจี้ยก็ให้นางทั้งหมดตามสัญญา จนกลายเป็นคลังสมบัติของนาง

 

 

ที่เป็นเช่นนี้ ล้วนเป็นเพราะความรักและเคารพที่คนในจวนตระกูลลู่มีต่อลู่เจี้ย

 

 

ขนาดน้องชายผู้มีพรสวรรค์ของเขาอย่างลู่เสวียน ยังให้ความสำคัญกับลู่เจี้ยพี่ชายคนนี้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่มีชีวิตใหม่ ประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ ทำให้เจียงหลีได้เห็นถึงผู้ที่ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกอย่างลู่เจี้ย และตระกูลลู่ที่มีน้ำใจและเปี่ยมด้วยคุณธรรม

 

 

ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ได้พบกับคนแบบลู่เจี้ย นางไม่รู้ว่าเขาต้องประสบกับอะไรมาบ้าง ทันใดนั้น เจียงหลีสังเกตเห็นว่าลู่เจี้ยไม่ได้ไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก แต่ว่าเขาเก็บซ่อนทุกอย่างไว้ในที่ส่วนลึกที่สุดของหัวใจเท่านั้น

 

 

“ไปเถอะ หลียาโถ่ว เราเดินไปรอบๆ หุบเขาโยวโยวนี้กัน” คำพูดของลู่เสวียน ขัดจังหวะความคิดของเจียงหลี

 

 

เจียงหลีมองไปที่เขา กลับเห็นลู่เสวียนไพล่แขนไปไว้ด้านหลัง ค่อยๆ เดินไปยังหุบเขาโยวโยว

 

 

นางไตร่ตรองครู่หนึ่ง ยังคิดว่าตามเขาข้างหลังดีกว่า

 

 

อย่างไรก็ตาม กฎการทดสอบก็คือการอาศัยอยู่ในหุบเขาโยวโยวเจ็ดวัน ไม่ได้มีรายละเอียดใดในการทดสอบ ดังนั้น ต่อให้ไปกับลู่เสวียน หรือแยกกันก็ไม่ได้อะไรแตกต่างสักเท่าใด

 

 

และนางก็อยากจะดูว่า เด็กเหลือขอที่ปากบอกว่าจะปกป้องนาง จะมีน้ำยาสักแค่ไหน!

 

 

การเผชิญหน้าของทั้งสองเมื่อครู่ ทำให้เจียงหลีสัมผัสได้ว่าลู่เสวียนได้บรรลุการฝึกฝนหมัดพิฆาตขั้นหกแล้ว และทักษะการทับซ้อนของหมัดพิฆาตขั้นหก

 

 

ดูท่าแล้ว คนที่สามารถใช้ระยะเวลาอันสั้น ในการฝึกฝนหมัดพิฆาตขั้นหกจนถึงขั้นสูงได้ ในตระกูลลู่น่าจะมีไม่ต่ำกว่าหนึ่ง เจียงหลีคิดในใจ

 

 

ลู่เจี้ยและลู่เสวียน คนหนึ่งเป็นนายน้อยที่ถูกพิพากษาให้ตายก่อนเวลาอันควร อีกคนเป็นเทพบุตรที่รู้จักกันในฐานะอัจฉริยะ ในสายตาชาวโลก เป็นสองคนที่ต่างกันสุดขั้ว

 

 

ลู่เจี้ยต่อให้จะงดงามเพียงใด ถ้าฝึกฝนไม่ได้ ก็เป็นเพียงนายน้อยไร้ประโยชน์ที่อายุสั้นเท่านั้น

 

 

แต่กลับกันกับลู่เสวียน ที่มีพรสวรรค์มีชื่อเสียงอยู่ข้างกาย ในสายตาชาวโลก เขาถึงจะเป็นความหวังเดียวของตระกูลลู่

 

 

นี่จึงไม่แปลกที่ลู่เจี้ยจะเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องชาย

 

 

……

 

 

หุบเขาโยวโยวกว้างใหญ่มาก ใหญ่กว่าตอนที่ดูจากข้างนอกเสียอีก

 

 

เดินรอบหุบเขามาพักใหญ่ เจียงหลีเข้าใจแล้ว อาณาบริเวณของหุบเขาโยวโยวนี้ เป็นที่เชื่อมกลางระหว่างสถาบันไป๋หยวนกับสำนักหลิงอู่พอดี

 

 

หรือจะพูดอีกอย่างได้ว่า ระหว่างสถาบันไป๋หยวนกับสำนักหลิงอู่นั้น มีหุบเขาโยวโยวกั้นอยู่

 

 

“หลียาโถ่ว ข้าจะบอกแก่เจ้า ที่นี่ไม่ได้มีแต่พวกเราที่เป็นคนของสถาบันไป๋หยวน แต่ยังมีพวกเวรตะไลสายตายาวที่ซ่อนตัวอยู่จากสำนักหลิงอู่ด้วย” ลู่เสวียนเดินอยู่ข้างเจียงหลี ในปากคาบหญ้าไว้ก้านหนึ่ง แนะนำเจียงหลี ในด้วยท่าทีที่ราวกับเป็นศิษย์พี่

 

 

หากใครที่ไม่รู้คงคิดว่าเขาเป็นลูกศิษย์ที่กำลังศึกษาอยู่ในสถาบันไป๋หยวนเสียอีก ไม่ใช่เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าในปีนี้

 

 

ทันใดนั้น เจียงหลีชะงักฝีเท้าลง มองไปข้างหน้า

 

 

คนที่พูดไม่หยุดอย่างลู่เสวียนก็หยุดลง เก็บรอยยิ้ม คิ้วขมวดและมองไปทางเดียวกับเจียงหลี

 

 

“ออกมา” ลู่เสวียนพูดเสียงแข็ง

 

 

เพิ่งจะสิ้นเสียงคำพูด ในโพรงหญ้าที่อยู่ข้างหน้า ก็มีคนสี่คนค่อยๆ เดินออกมา

 

 

หลังจากที่ทั้งสี่คนปรากฎตัว เจียงหลีก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของลู่เสวียนหนักแน่น ยิ่งไปกว่านั้นยังให้เจียงหลีไปหลบอยู่ที่หลังของเขา

 

 

“พวกเขาคือใคร” เจียงหลีถามด้วยเสียงทุ้ม

 

 

ลู่เจี้ยหัวเราะตอบกลับ “ก็คือพวกที่ข้าบอกกับเจ้าเมื่อครู่ ไอเวรสายตายาวที่ซ่อนอยู่ข้างบน”

 

 

เป็นคนของสถาบันหลิงอู่นี่เอง เจียงหลีเข้าใจในทันใด

 

 

นางเงียบ พร้อมคิดถึงเป้าหมายที่สี่คนนี้ปรากฎตัวที่นี่ เห็นได้ชัดว่า พวกเขาตั้งใจมาดักรอที่นี่

 

 

นึกถึงคำพูดที่ก่อนเข้ามาที่นี่ของศิษย์พี่ ในหุบเขาโยวโยวนี้อนุญาตให้ฆ่ากันได้ สายตาของนางก็เริ่มหมองขึ้น

 

 

“ลู่เสวียน คิดไม่ถึงว่าข้าจะเจอเจ้าเร็วเช่นนี้!” หนึ่งในสี่คนนั้นพูดขึ้น ก้าวเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว มองไปยังลู่เสวียนด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น

 

 

เขาจำลู่เสวียนได้ในทันที แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองรู้จักกัน

 

 

“พวกเจ้ามีปัญหาขัดแย้งกันหรือ” เจียงหลีโน้มตัวไปข้างหน้า กล่าวถามด้วยเสียงทุ้ม

 

 

ลู่เสวียนยิ้มอย่างเบื่อหน่าย ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มเช่นกัน “ถือว่าใช่” สายตาของเขา เพ่งเล็งไปที่คนสี่คนที่อยู่ตรงข้าม สายตาของเขาเต็มไปด้วยการขู่เตือน

 

 

“ขัดแย้งกันรุนแรงมากเลยหรือ” หลังจากที่เจียงหลีเห็นแววตาที่ขู่เตือนของเขาก็ได้ถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม

 

 

“เออ……” ท่าทางของลู่เสวียนเริ่มแปลกขึ้นมา ในคำถามจากสายตาของเจียงหลี เขากล่าวพึมพำว่า “ไม่นานมานี้ ข้าทำให้น้องชายของเขาขาด้วนไปน่ะ”

 

 

เจียงหลีถอยหลังสองก้าวอย่างรวดเร็ว ดึงสองคนให้ห่างออกไป “เจ้าดวงซวยไปหน่อยนะ!”

ราชินีพลิกสวรรค์

ราชินีพลิกสวรรค์

หลังศึกใหญ่กับมู่เทียนอินร่างของ เจียงหลี ก็ถูกดูดเข้าไปในมิติอื่นจนเหลือเพียงวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในมิติเคว้งคว้างไร้ขอบเขต แม้จะมีเพียงวิญญาณอ่อนแอ แต่จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังของนางนั้นกลับไม่อนุญาตให้ตัวเองยอมพ่ายแพ้ นางจะต้องกลับไปให้ได้ เพื่อไปหาสหายสนิทของนางผู้นั้น… ในสนามประลองยิ่งใหญ่แห่งแคว้นซูหนาน สถานที่ที่ชีวิตของทาสทั้งหลายมีค่าเท่าเศษธุลี สถานที่ที่มีไว้เพื่อให้ความบันเทิงกับบรรดาผู้สูงศักดิ์ และนาง เจียงหลี ก็ดันฟื้นขึ้นมาในร่างของนางทาสแห่งสถานที่นี้เสียได้! โลกแปลกหน้าที่ยึดถือผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ หลิงซือ เนี่ยนซือ วิญญาณยุทธ์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเจียงหลี แต่นางคือผู้ใด นางคือราชินีผู้เก่งกล้าแห่งแคว้นกู่วูเชียวนะ ก็แค่ต้องฝึกฝนเบิกเนตรญาณด้วยร่างเด็กน้อยอ่อนแอ สถานะกลับตาลปัตรจากผู้สูงศักดิ์กลายเป็นทาสในเรือนของ ลู่เจี้ย ผู้ที่ได้รับฉายาหนุ่มรูปงามขี้โรค ไหนจะยังต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคนานัปการเพื่อหาหนทางกลับไปยังโลกเดิมของตนเองอีก เพียงเท่านี้เอง นางทำได้สบายอยู่แล้ว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset