ตอนที่2
Tara talk.
“แบบนี้หรอวะที่มึงบอกว่ารักกู” ผมถามเสียงนิ่งๆทำให้คนที่อยู่ในห้องหันมามองผมที่ยืนอยู่หน้าประตู
“มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่โทรมาบอก พี่จะได้…”
“ทำไมกูจะไม่โทรมา พี่มึงถามคนรับโทรศัพท์พี่มึงดีกว่าว่ากูโทรมารึป่าว ให้กูรอมึงไปรับวันนี้กูคงได้นอนที่คณะวะพี่ แต่กูมาแบบนี้ก็ดีแล้วกูจะได้รู้…” พี่นนต์มันขมวดคิ้ว มองหน้าผมดุๆ ปกติผมไม่เคยเสียงดังใส่พี่มันแบบนี้
“จะได้รู้อะไรพูดให้รู้เรื่องดิน้ำ”พี่มันยังมีหน้ามาถามผมอีก
“หึ จะได้รู้ไงว่ากูโง่เองที่ไปรักคนอย่างมึงไงพี่”ผมมองหน้าพี่มันก่อนจะหันไปมองผู้หญิงที่นั่งข้างเตียง มือเธอยังจับแขนพี่มันไม่ปล่อย หึ
“มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดน้ำ อย่าคิดเองเออเองดิวะ”
“เออกูมันคิดเองเออเองทั้งนั่น คิดว่ามึงรักกูแบบที่กูรักมึง แม้งเหี้ย”กูเนี่ยแหละเหี้ยเสือกไปรักพี่มันเอง ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังออกจากห้องพี่มัน
“เดี๋ยวน้ำฟังกูก่อน โอ้ย!!!”
“จะไปไหนคะพี่นนต์”เสียงหวานของเธอเรียกชื่อพี่มันอย่างสนิทสนม ผมโคตรโง่เลยครับคิดว่าความรักระหว่างผู้ชายจะเป็นไปได้ สุดท้ายคนเจ็บก็ตัวกูเองไอ้สัส เสือกยกใจให้พี่มันไปหมดแล้วควายจริงๆ
ผมขับแลมโบสีขาวอมฟ้าคู่ใจ ออกจากบ้านพี่มัน ไม่อยากกลับบ้านตัวเองเวลานี้หรอกครับ บ้านผมมันดูกว้างเกินไปเวลาผมอยู่คนเดียว คุณตาของผมดูแลโรงแรมอยู่ที่กาญฯนานๆท่านจะมาที ส่วนน้องชายคนเดียวอย่างสายฟ้ามันไปเรียนต่อมหาลัยอยู่กรุงเทพฯ เพราะถ้าผมเรียนจบผมตั้งใจจะไปบริหารโรงแรมแบบเต็มตัวที่นั่น สิ่งเดียวที่พ่อผมทิ้งไว้ให้ก่อนท่านจะเสียคือธุระกิจโรงแรมที่ท่านรัก ผมก็จะดูแลให้เต็มที
เวลาเหงาๆหรือเคลียดๆผมมักจะขับรถไปเรื่อยๆแบบตอนนี้ ผมขับรถมาหยุดอยู่บนเชิงเขาท้ายไร่ของผม ตรงนี้มองเห็นไร่ของผมทั้งหมดเลยครับ เมื่อก่อนผมมาบ่อย จนเคยคิดจะขอคุณตาสร้างบ้านบนนี้ด้วยซ้ำ ผมจอดรถก่อนจะออกมานั่งบนฝากระโปร่งรถ เวลาเคลียดสิ่งเดียวที่ทำให้ผมคลายเคลียดคือบุหรี่ ไม่มีใครรู้ว่าผมดูดบุหรี่แม้กระทั้งเพื่อนสนิททั้งสี่คนของผม
ผมนั่งดูดบุหรี่สักพักกำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี ผมเป็นคนนิ่งๆไม่ค่อยพูดเลยดูเหมือนคนใจเย็น แต่ความจริงๆแล้วผมเป็นคนโคตรใจร้อน แบบเมื่อกี้แค่เห็นผู้หญิงคนนั่นจับแขนพี่มันไม่ยอมปล่อย ผมก็โมโหจนตัวสั่นแถมเจ้าตัวก็ไม่มีทีท่าจะปัดออก ผมเลยเลือกที่จะเดินออกมาแบบนี้ จะให้ไปตบตีกับผู้หญิงเพื่อแย้งผู้ชายมันไม่ใช่นิสัยไง ผมรักพี่มันมากก็จริงแต่ในเมื่อมันไม่ได้รักผม ผมคงพอแค่นี้แหละครับ
แต่พอคิดว่าต่อไปนี้คงไม่มีพี่มันอยู่ น้ำตาเจ้ากรรมก็ดันไหลออกมาไอ้เหี้ย คงมีแค่เพื่อนผมที่รู้ว่าข้างนอกผมดูเป็นคนใจแข็ง แต่ข้างในกูโคตรบอบบาง แบบตอนนี้ที่ผมกำลังนั่งร้องไห้เพราะพี่มัน มือถือที่ผมวางไว้ข้างๆสั่นไม่หยุด พี่มันโทรเข้ามาตั้งแต่ผมออกจากบ้านมันนั่นแหละครับ ผมไม่ได้ตัดสาย ไม่ได้ปิดเครื่อง ผมปล่อยให้มันสั่นอยู่แบบนั่นจนสายพี่มันตัดไปเอง
ครืดดดด…ครืดดดด
สายเข้า>>>น้ำฝน
คราวนี้ไม่ใช่พี่มันที่โทรเข้ามาแต่เป็นน้ำฝนเพื่อนสนิทของผม
“เออ”ผมกดรับสาย
/มึงอยู่ไหน/
“มึงมีเหี้ยอะไร”
/กูไม่มีแต่พี่นนต์มี…/
“กูไม่อยากคุยตอนนี้”
/มีอะไรกันวะ พี่กูโทรมาเสียงโคตรร้อนรน ปกติพี่นนต์ไม่เคยเป็นแบบนี้/น้ำฝนมันเป็นญาติพี่นนต์ ตอนพี่นนต์จีบผมก็ให้น้ำฝนเนี่ยแหละครับเป็นแม่สื่อ จนผมเสียท่าให้พี่มันนั่นแหละ
“มันจบไปแล้ว”
/ใจเย็นดิวะไอ้เหี้ย กูไม่รู้ว่ามึงกับพี่กูมีเรื่องอะไรกัน แต่พี่กูจริงจังกับมึงนะไอ้สัส/
“พี่มึงนอกใจกู”
/มึงเข้าใจอะไรผิดรึป่าวสายน้ำ มึงได้ถามพี่นนต์รึยัง อย่าเพิ่งคิดเองเออเองดิวะไอ้สัส/
“…”
/ใจเย็นๆแล้วลองคุยกับพี่นนต์ก่อนดิวะ กูไม่ได้เข้าข้างใครนะ แต่ก็ไม่อยากให้มึงเข้าใจพี่กูผิด แต่ถ้ามันเป็นแบบที่มึงคิด มึงจะตัดสินใจยังไงกูก็ไม่ห้าม/
“เออ” น้ำฝนมันวางสายไปแล้ว ที่มันพูดก็ถูก ผมยังไม่ทันได้ถามพี่มันเลยว่าเธอเป็นใคร คงเป็นเพราะผมใจร้อนเอง แค่เห็นแบบนั่นผมก็โมโหจนตัวสั่น แล้วหนีพี่มันออกมา มันอาจจะไม่ใช่แบบที่ผมคิดก็ได้ ผมนั่งอีกสักพักให้ใจผมเย็นกว่านี้ แล้วค่อยขับรถไปบ้านพี่มัน ผมก็อยากรู้ไงว่าเธอเป็นใคร