รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ – ตอนที่ 38 : อาติเฟคระดับกึ่งตำนาน

‘เธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง !?’

 

ลู่หมิงจ้องมองที่เอโดเรียด้วยความตื่นตะลึงแต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เอโดเรียได้พูดขึ้นมาก่อนว่า

 

“มนุษย์เอ๋ย เหตุใดเจ้าถึงต้องการกิ่งไม้เก่าๆนี้กันถึงขั้นคิดจะแย่งมันไปจากเรา ?”

 

ลู่หมิงที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีขมขื่นก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างจนใจ

 

“ต้องขออภัยที่ข้าได้ล่วงเกินท่าน ข้าเพียงแต่ได้รับภารกิจมาเท่านั้น ไม่ได้มีเจตจาอื่นใด”

 

เมื่อเอโดเรียได้ยินแบบนั้นก็ได้แสดงสีหน้างุนงงออกมาก่อนจะเอ่ยถามกับลู่หมิงว่า

 

“ภารกิจงั้นเหรอ ?”

 

ลู่หมิงพยักหน้าพร้อมกับบอกว่า

 

“เนื่องจากว่าในตอนนี้ต้นมิสเทลเรียร์กำลังอ่อนแอ ทางอาณาจักรเอลฟ์จึงได้ประกาศตามหาผู้กล้าที่จะออกเสาะหากิ่งของมิสเทลเรียร์ เพื่อหวังว่าจะคืนชีวิตให้กับต้นของมิสเทลเรียร์ได้”

 

แน่นอนว่าลู่หมิงได้โกหกเธอ แม้ในตอนนี้ต้นมิสเทลเรียร์จะอ่อนแออยู่ก็จริง แต่ด้วยความสามารถของพวกเขาการจะตามหากิ่งของต้นมิสเทลเรียร์ด้วยต้นเองไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ในตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องโกหกเธอไป

 

ทางด้านเอโดเรียที่ได้ยินคำกล่าวของลู่หมิงเธอก็แสดงสีหน้าสับสนออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าและกล่าวว่า

 

“หากเจ้าได้รับภารกิจมาจากอาณาจักรจริงเช่นนั้นข้าก็มอบกิ่งไม้นี้ให้กับเจ้า แต่เจ้าจะต้องสัญญาว่าจะมอบกิ่งไม้นี้ให้ถึงมือของราชินีโดยตรง”

 

ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันทีก่อนจะกล่าวตอบรับคำขอของหญิงสาว

 

“แน่นอน”

 

เอโดเรียยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นกิ่งของมิสเทลเรียมาให้เขา ลู่หมิงยื่นมือออกไปรับแต่ทันทีที่เขาได้สัมผัสกับกิ่งของมิสเทลเรีย เอโดเรียก็ได้ยื่นมืออีกข้างหนึ่งมาแตะที่หน้าอกของเขา พร้อมกับพึมพำบางอย่าง ทันใดนั้นหน้าอกของเขาก็ส่องแสงออกมา

 

ลู่หมิงตกใจเป็นอย่างมากก่อนจะแหวกอกเสื้อออกด้วยความร้อนรน ก่อนจะเห็นว่าตรงหน้าอกของเขานั้นมีตราประทับบางอย่างฝังลึกอยู่

 

ลู่หมิงตกใจก่อนจะจ้องมองไปที่เอโดเรียที่กำลังยืนยิ้มอยู่

 

“นี่มันหมายความว่ายังไงกันท่านหญิง ?”

 

เอโดเรียยิ้มพร้อมกับกล่าวออกมาว่า

 

“เจ้าคงจะหวังให้เราเชื่อใจเจ้าเช่นนั้นหรือ ในเมื่อเจ้าคิดจะเข้ามาเอาสิ่งนี้ตั้งแต่แรก นั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้านั้นรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้านั้นทำสิ่งได้ ดังนั้นเพื่อมั่นใจว่ากิ่งของมิสเทลเรียร์จะถูกสิ่งถึงมือของราชินีอย่างแน่นอน เราจึงได้ร่ายคำสาปใส่เจ้า”

 

เมื่อเธอพูดจบลู่หมิงก็ได้เห็นรอยยิ้มอันแสนซุกซนของเธอ ทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาในใจ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมในชีวิตก่อนคนที่ได้พบเจอกับกิ่งของต้นมิสเทลเรียร์ที่ดันเจี้ยนนี้ถึงได้พยายามส่งมันคือให้กับพวกเอลฟ์ นั่นก็เพราะพวกเขาได้รับคำสาปนั่นเอง

 

เมื่อได้เห็นชีวิตทุกข์ในของลู่หมิง เอโดเรียก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

 

“เจ้าอย่าทุกข์ใจไปเลย แม้คำสาปนี้จะร้ายแรงแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลดีอยู่”

 

“ผลดี ?”

 

ลู่หมิงถามออกไปด้วยความสับสน เอโดเรียร์ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวกับลู่หมิงว่า

 

“เจ้ารองตรวจสอบกิ่งไม้นั่นดูสิ”

 

ลู่หมิงพยักหน้าพร้อมกับจ้องมองไปที่กิ่งของต้นมิสเทลเรียร์ในมือ

 

กิ่งของต้นมิสเทลเรียร์ : อาติเฟคระดับกึ่งตำนาน

ความสามารถ : เพิ่มความเข้าใจในการเรียนรู้เวทมนต์และพลังธรรมชาติให้กับผู้ถือครอง และยังช่วยให้ผู้คือครองสามารถดูดซับพลังธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้น 200%

 

ลู่หมิงถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นความสามารถของกิ่งไม้นี้ ต้องบอกก่อนว่าการจะเรียนเวทมนต์นั้นไม่ใช่ว่าใครก็อยากจะเรียนได้เหมือนกับวิชาดาบหรือวิชาการต่อสู้ พวกเขาต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนต์ พลังธรรมชาติ ธาตุต่างๆ

 

เรียกได้ว่าเวทมนต์นั้นเป็นศาสตร์ที่ลึกซึ้ง เป็นอย่างมากและไม่ได้อาศัยเพียงแค่การอ่านเพียงอย่างเดียว ด้วยการที่มีสิ่งนี้อยู่จะทำให้คนที่สนใจเวทมนต์นั้นสามารถเรียนรู้เวทมนต์และสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

แถมมันยังช่วยให้ดูดซับพลังธรรมชาติได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่นักเวทย์ทั่วโลกโหยหาเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันมันยังมีประโยชน์กับลู่หมิงอีกด้วยเพราะการบ่มเพาะทักษะเทพสงครามก็จำเป็นจะต้องดูดซับพลังธรรมชาติในการขัดเกลาร่างกายและอวัยวะภายใน เรียกได้ว่ามันมีประโยชน์กับลู่หมิงไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ในขณะนั้นเอโดเรียก็ได้มองมาที่ลู่หมิงก่อนจะพูดขึ้นว่า

 

“เราสัมผัสได้ถึงพลังธรรมชาติในร่างกายของเจ้า แต่มันไม่ใช่มานาหรือพลังเวทย์เจ้าช่วยบอกได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด ?”

 

ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็นึกถึงพลังปราณในร่างกายของเขา

 

“มันถูกเรียกว่าปราณนะ มันคือเทคนิคการบ่มเพาะร่างกายของประเทศผม”

 

เอโดเรียได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า

 

“ไม่คิดว่าประเทศของเจ้าจะมีวิชาจำพวกนี้อยู่ด้วย น่าสนใจไม่น้อยเลยแต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้อยู่ศึกษามัน”

 

เอโดเรียพูดด้วยหน้าเสียงเสียใจ ก่อนจะหันมาพูดกับลู่หมิงว่า

 

“เจ้าจะต้องส่งกิ่งของมิสเทลเรียร์ให้ถึงราชินีเข้าใจไหม และเจ้าก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคำสาปนั้นมันไม่มีผลกับร่างกายของเจ้า และก็ไม่คิดว่าจะหานักเวทย์หรือนักถอนคำสาปมาถอนมันออกหรอกนะ เพราะมีเพียงแต่พลังของราชินีเอลฟ์เท่านั้นที่สามารถทำได้”

 

เอโดเรียพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ทำเอาลู่หมิงถึงกับอยากจะร้องไห้ออกมาเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้กังวลนักเพราะถึงยังไงเขาคิดจะเอากิ่งของมิสเทลเรียร์ส่งให้กับราชินีเอลฟ์อยู่แล้ว เพราะเขาอยากจะให้เธอรับเขาเป็นศิษย์และสอนเกี่ยวกับเวทมนต์ให้ และกิ่งของมิสเทลเรียร์ก็คือตั๋วของเขานั่นเอง

 

——————————————————————————————————————

รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ

รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ

บทนำ ลู่หมิง เด็กหนุ่มที่ย้อนเวลากลับมาโดยผลึกแห่งกาลเวลาและกลับมาสู่ช่วงเวลาที่เกมแห่งพระเจ้าพึ่งจะเริ่มต้น ด้วยความรู้จากชีวิตก่อนจะทำให้ลู่หมิงหยุดช่วงเวลาแห่งหายนะได้ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ? ช่วงต้นของศตวรรษที่ 21 โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เสียงปริศนาผู้อ้างตนว่าเป็นพระเจ้าได้เชิญเหล่ามนุษยชาติเข้าสู่เกมเอาชีวิตรอดของเขา โลกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน แผนที่โลกถูกขยายออกกว่าสิบเท่า ภูมิประเทศทั่วโลกต่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีใครคาดคิด

Options

not work with dark mode
Reset