สี่สัปดาห์ต่อมา ลู่หมิงก็เดินทางมาถึงชายแดนเมืองเดลพ็อต เขามาที่นี้ด้วยการเดินเท้าเนื่องจากรถของลู่หมิงนั้นได้ถูกโกแลมทุบทิ้งไปเมื่อห้าวันก่อน จากการที่เขาขับผ่านภูเขา
เขามองไปที่กำแพงเมืองที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะถอนหายใจออกมา
‘ฉันเกลียดการเดินเท้าที่สุดเลย’
เนื่องจากการเดินเท้านั้นเสียเวลาในการเดินทางเป็นอย่างมาก หากลู่หมิงไม่เสียรถไปเขาคงมาถึงเดลพ็อตเร็วกว่านี้เป็นสัปดาห์ นี่จะไม่ใหเขาบ่นออกมาไดยังไง
ลู่หมิงเดินมาถึงกำแพงเมือง ก็ถูกพวกยามที่สวมเกราะเหล็กพร้อมกับอาวุธครบครันหยุดเอาไว้
“น้องชาย หยุดก่อน !!”
ลู่หมิงมองไปที่ยามสองคนนั้นก่อนจะถามกลับด้วยความสงสัย
“มีอะไรงั้นเหรอพี่ชาย ?”
ยามคนนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลู่หมิงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวถามด้วยความสงสัย
“นายดูไม่คุ้นเลยนะ ไม่ใช่คนแถวนี้งั้นเหรอ ?”
ลู่หมิงพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ใช่แล้วพี่ชาย พอดีฉันมาหุบเขาทางเหนือนะ”
เมื่อยามได้ยินแบบนั้นก็มองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า พร้อมกับนำลู่หมิงมาที่ป้อมก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษและยื่นให้กับเขา
“นำนี้ไปที่กิลด์หรือไม่ก็ศาลาประจำเมือง ให้เขาออกบัตรประจำตัวให้ อ้อ ส่วนค่าเข้าเมืองนั้นครั้งนี้ทางเราจะยกเว้นให้ก่อนถือสะว่าเป็นของขวัญต้อนรับสู่เมืองก็แล้วกัน”
ลู่หมิงรับกระดาษใบนั้นมาก่อนจะกล่าวขอบคุณทหารยามคนนั้น และเดินเข้าไปในเมือง ลู่หมิงโล่งใจเล็กน้อยเพราะกลัวว่าเขานั้นจะไม่สามารถเข้าเมืองได้เนื่องจากไม่มีบัตรยืนยันตัวตน
บัตรยืนยันตัวตนนั้นเหมือนกับไอดีการ์ด แต่แตกต่างกันเพียงมันจะมีอักษรเวทย์บางอย่างสลักเอาไว้เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากผู้อื่น และบัตรยืนยันตัวตนนั้นสามารถใช้ผ่านเข้าออกได้ทุกเมืองที่มีชาวเอเดนดูแลอยู่นั่นถือเป็นอะไรที่สะดวกมากเลยทีเดียว (เปลี่ยนจากผู้คนของดินแดน เป็นชาวเอเดนแทนนะครับ)
ลู่หมิงเข้ามาในเมืองก็อดไม่ได้ที่จะต้องแปลกใจกับความคึกคักภายในเมือง ต้องบอกก่อนว่าเมืองเดลพ็อตนั้นเป็นเมืองท่าขนาดกลาง ซึ่งไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนัก แต่เพราะเพราะสินค้าและการขนส่งต่างๆนั้นจะมากองรวมกันอยู่ที่นี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีความคึกคักมากกว่าเมืองขนาดกลางปกติทั่วไป
ลู่หมิงเดินตรงเข้ามาในเมืองเรื่อยๆ ซึ่งระหว่างทางเขาก็พบสายตาแปลกๆจากคนรอบข้างที่จ้องมองมา ซึ่งไม่แปลกใจเท่าไหร่เนื่องจากการแต่งตัวของเขานั้นแตกต่างจากคนทั่วไป
แต่ลู่หมิงก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะในตอนนี้เรื่องของผู้เล่นไม่ได้รับรู้ถึงชาวเอเดนมากนัก แต่อีกไม่นานคุณจะได้พบเห็นผู้เล่นมากมายเดินอยู่ในเมืองต่างๆของชาวเอเดน
ลู่หมิงเลิกสนใจสายตาที่จ้องมองมายังเขาและเดินตรงไปที่กิลด์นักผจญภัยของเมืองเดลพ็อตในทันที
ปึง !!
ลู่หมิงเปิดประตูเข้ามาก็พบกับสายตานับร้อยที่ต่างจ้องมองมายังเขาทันที แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ลู่หมิงเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ที่พนักงานสาวสวยกำลังทำงานอยู่ทันที
เมื่อพนักงานเห็นเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับถามว่า
“ไม่ทราบว่ามีอะไรจะให้ช่วยไหมคะ ?”
ลู่หมิงพยักหน้าก่อนจะถามว่า
“ทางกิลด์รับซื้อสิ้นส่วนของมอนสเตอร์หรือเปล่า ?”
พนักงานยิ้มพร้อมกับตอบกลับ
“แน่นอนคะ”
“แต่ผมไม่ได้นักผจญภัยไม่ทราบว่ามีกฏเกณฑ์อะไรหรือเปล่า ?”
พนักงานได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่มีค่ะ ว่าแต่คุณต้องการจะขายอะไรงั้นเหรอคะ ?”
ลู่หมิงพยักหน้าก่อนจะนำชิ้นส่วนของมอนสเตอร์ออกมาจากแหวน ซึ่งก็มีแกนกลางของโกแลม เนื้ออ็อค หนังหมาป่าสีเทา และอื่นๆอีกนิดหน่อยเมื่อพนักงานเห็นก็ถึงกับตกตะลึงก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
“นี่คุณล่าพวกมันทั้งหมดเลยงั้นเหรอ ?”
ลู่หมิงพยักหน้า
“ระหว่างทางมาที่นี้อะนะ ว่าแต่ทางนั้นจะซื้อทั้งหมดเลยหรือเปล่า ?”
พนักงานได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินไปที่ห้องด้านหลังเพื่อเรียกนักประเมินมาตรวจสอบคุณภาพของชิ้นส่วนพวกนี้ ในขณะนั้นลู่หมิงก็บอกกับพนักงานว่า
“ผมจะสมัครเป็นนักผจญภัยด้วย รบกวนทำเรื่องให้ที”
“ได้เลยค่ะ”
พนักงานยิ้มกระดาษที่ใช้สำหรับกรอกข้อมูลสมัครออกมาให้กลับลู่หมิง เขาพยักหน้าพร้อมกับใช้ปากกาขนนกตรงนั้นเขียนข้อมูลต่างๆของเขาลงไปด้วยภาษาเอเดน จากนั้นก็ยื่นมันให้กับพนักงาน เมื่อพนักงานได้อ่านข้อมูลของลู่หมิงก็แปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามออกมาด้วยความสงสัย
“เอ่อ… ไม่ทราบว่าคุณลืมกรอกที่ช่องอาชีพหรือเปล่าคะ ?”
ลู่หมิงส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกอาชีพนะ”
เมื่อพนักงานได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับตกใจเล็กน้อย เพราะโดยปกติแล้วชาวเอเดนที่เป็นนักผจญภัยนั้นจะต้องมีอาชีพเสียก่อนถึงจะมีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับพวกมอนสเตอร์ได้ แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอกลับไม่มีอาชีพ แต่ยังสามารถล่ามอนสเตอร์ระดับกลางพวกนี้ได้ แปลกว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ลู่หมิงเห็นว่าพนักงานกำลังจ้องเขาอยู่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ?”
พนักงานสาวส่ายหน้า ก่อนจะพูดขึ้น
“มะ… ไม่มีคะ รอสักครู่นะคะเดียวทางฉันจะไปเอาบัตรนักผจญภัยมาให้”
จากนั้นพนักงานสาวก็หายไปที่ห้องด้านหลังและกลับมาในเวลาไม่นานพร้อมกับยื่นบัตรใบหนึ่งให้กับเขา ลู่หมิงรับมา จากนั้นพนักงานก็ได้พูดขึ้นว่า
“กรุณาหยดเลือดของคุณลงใบบนบัตรด้วยนะคะ”
เขาพยักหนาก่อนจะกัดที่ปลายนิ้วเล็กน้อยและหยดเลือดลงบนบัตรกิลด์ จากนั้นตัวอักษรก็ปรากฏขึ้นมา ซึ่งเป็นข้อมูลของเขา
{ ลู่หมิง แรงค์ F }
ลู่หมิงมองอย่างพอใจก่อนจะกล่าวขอบคุณกับพนักงาน จากนั้นเธอก็ยื่นถุงใบหนึ่งให้กับลู่หมิง ซึ่งด้านในก็มีเงินค่าชิ้นส่วนมอนสเตอร์อยู่
“ทั้งหมดเป็นเงิน 2เหรียญทอง 300เหรียญเงิน กับอีก 50เหรียญทองแดงนะคะ”
ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะกล่าวขอบคุณและเดินออกจากกิลด์ไป