รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ
ตอนที่ 52 : ป่าฟอร์เรีย
ในขณะที่ลู่หมิงกําลังจะเดินเข้าไปในเมือง ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังเรียกเขาจากด้านหลัง
“เดี๋ยวก่อน !!”
เมื่อลู่หมิงหันกลับไปก็พบว่าเป็นหัวหน้าอัศวินบาร์ท เขาตรงมาหาลู่หมิงก่อนจะยื่นตราสีเงินที่เป็นรูปดาบกับโล่ให้ลู่หมิงพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
“หากนายไปที่เมืองหลวงเพเทียลและเกิดมีปัญหาล่ะก็ สามารถโชว์ตรานี้ให้กับเหล่าทหารได้ ทหารพวกนั้นจะคอยอํานวยความสะดวกให้กับเธอเอง”
ลู่หมิงรับตราสีเงินนั้นมาอย่างยินดีก่อนจะกล่าวขอบคุณบาร์ท จากนั้นบาร์ทก็ถามเขาว่า
“จริงสิ ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย”
“ผมชื่อว่าลู่หมิงครับ”
“ลู่หมิงงั้นเหรอ ? ชื่อแปลกดีเหมือนกันนะ มาจากทวีปกลางงั้นเหรอ ?”
ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย บาร์ทที่ได้เห็นแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทันทีก่อนจะยิ้มออกมาและตบไหล่เขา
“ขอบใจสําหรับทุกเรื่องล่ะ เอาละฉันมีงานที่ต้องขอตัวก่อน”
“ครับ”
จากนั้นบาร์ทก็เดินกลับไปรวมกลุ่มกับอัศวินคนอื่นๆเพื่อคุ้มกันเมริซ่า ทั้งสองคนเดินสวนกันเล็กน้อยเมริซ่าจ้องลู่หมิงตาเป็นมันก่อนจะหันหน้ากลับไป ทําเอาลู่หมิงถึงกับสับสนเล็กน้อย
จากนั้นล่หมิงก็เดินเข้าไปในเมืองเพื่อหาโรงแรมพักผ่อนและเตรียมตัวที่จะเข้าไปในปาพรุ่งนี้ ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งเรื่องราวการเดินทางของเขาให้กับจางเหว่ยและคนอื่นๆได้ฟัง
จางเหว่ยนั้นดูตกตะลึงและตื่นเต้นกับการเล่าเรื่องของลู่หมิงเป็นอย่างมาก พร้อมกับบ่นออกมาว่าเขาอยากจะออกมายจญภัยกับลู่หมิง ทางด้านลู่หมิงเองก็ได้แต่หัวเราะพร้อมกับบอกว่าให้จางเหว่ยและคนอื่นๆพยายามเพิ่มระดับไปก่อน เพื่อเตรียมพร้อมกับสําหรับอนาคต
หลังจากคุยกันได้สักพักลู่หมิงก็วางสายจากจางเหว่ยและได้โทรหาจางจี้เฉิง ทางด้านจางอี้เฉิงที่ได้เห็นลู่หมิงโทรหาก็รีบรับทันทีพร้อมกับถามเขาเกี่ยวกับเดินทาง
ซึ่งลู่หมิงเองก็เล่าทุกอย่างให้กับจางจี้เฉิงได้ฟัง จากนั้นจางงี้เฉิงก็ได้ถามกับลู่หมิงว่า
“เธอคิดยังไงบ้างกับการเดินทาง ทางทะเล ?”
ลู่หมิงได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้า
“เรายังไม่พร้อม
“ไม่พร้อม หมายความว่ายังไง ? ไม่ใช่ว่าเธอก็พึ่งเดินทางข้ามระหว่างสองทวีปมางั้นเหรอ ?”
ลู่หมิงส่ายหน้าอีกครั้งพร้อมกับอธิบายให้กับจางจี้เฉิงได้ฟัง
“เรือของชาวเอเดนนั้นแตกต่างจากพวกเรา กระดูกงูของเรือนั้นถูกสร้างมาจากแร่เมทัส ซึ่งสามารถขับไล่มอนสเตอร์ทะเลออกไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับมอนสเตอร์ทุกตัวหากมีมอนสเตอร์ระดับสูงหรือบอสปรากฏออกมาเรือก็มีโอกาสจะถูกโจมตีด้วยเช่นกัน”
เมื่อจางอี้เฉิงได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะถามกับลู่หมิงว่า
“แล้วหินเมทัส อะไรนั่นหายากหรือเปล่า ?”
“จากที่ผมได้ถามกับพวกคนที่ท่าเรือมานั้น แร่เมทัสสามารถหาได้ง่ายที่หุบเขาทางตะวันออก ทางนั้นเป็นแหล่งส่งออกแร่สําคัญๆจํานวนมาก หากโชคดีเราอาจเจอแร่เมทัสจํานวนปรากฏออกมาที่งานประมูล
จางจี้เฉิงพยักหน้าก่อนจะจดทุกอย่างลงไปบนหน้าจอจากนั้นเขาก็ถามอีกว่า
“แล้วการเดินทาง ทางอากาศล่ะ ?”
คราวนี้ลู่หมิงถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นว่า
“เรื่องนั้นห้ามเด็ดขาดทีเดียวนะครับ”
“ทําไมกันล่ะ ?”
“หากคุณคิดว่าการเดินทางทางน้ําคิดว่าลําบากแล้วการเดินทางทางอากาศนั้นหนักหนายิ่งกว่าหลายสิบเท่าไม่สิอาจจะหลายร้อยเท่าเลยก็ว่าได้”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
จางจี้เฉิงถามอย่างไม่เชื่อ ลี่หมิงจึงพยักหน้าพร้อมกับอธิบายต่อว่า
“ท้องฟ้าเป็นพื้นที่ที่อันตรายอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีแต่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งแล้ว สภาพอากาศที่ร้ายแรงเช่นกันและเหนือชั้นก้อนเมฆขึ้นไป เป็นดินแดนของเหล่ามังกรซึ่งถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้ มันสามารถทําลายได้ทั้งอาณาจักร เป็นสิ่งมีชีวิตที่คุณไม่สมควรจะเข้าไปยุ่งด้วยอย่างแท้จริง”
จางอี้เฉิงที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับกลืนน้ําลายอีกใหญ่ก่อนจะเขียนบางอย่างลงไปดูเหมือนว่าแผนการเดินทางโดยใช้เรือหรือเครื่องบินคงจะต้องหยุดลงหากไม่อยากสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พูดคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนจะจาก ลู่หมิงก็เอ่ยเตือนจางอี้เฉิงว่า
“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะเตือนครับ”
“อะไรงั้นเหรอ ?”
“ดูเหมือนว่าทางชาวเอเดนจะรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเรา แล้ว”
“เร็วขนาดนั้นเชียว ?”
จางจี้เฉิงตกใจ ลู่หมิงพยักหน้าก่อนจะบอกให้กับจางอี้เฉิงได้ระวังในระยะแรกนี้พวกมนุษย์ยังคงอ่อนแอถึงแม้จะมีสุดยอดอาวุธอย่างพวกปืนอยู่ แต่อย่าลืมว่าทางชาวเอเดนก็มีทั้งเวทมนต์และศาสตร์ลึกลับมากมาย พวกเขาสามารถโจมตีชาวโลกได้ทุกนาที่ที่ต้องการ ทางที่ดีควรจะเจรจาอย่างสันติและอย่าปะทะโดยไม่จําเป็น
จางอี้เฉิงกล่าวขอบคุณลู่หมิงก่อนจะวางสายไป ลู่หมิงถอนหายใจออกมาก่อนจะหลับตาลง
วันต่อมาลู่หมิงจัดการซื้อของทุกอย่างที่จําเป็นและเดินตรงออกจากเมือง ตรงไปยังพื้นที่ที่ถูกกล่าวว่าเป็นดินแดนต้องห้ามของเหล่ามนุษย์ นั่นคือป่าฟอร์เรียอาณาจักรของเหล่าเอลฟ์