รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ ตอนที่ 58 : คําขอร้องของราชินี
-แจ้งเตือนก่อนเข้าเนื้อเรื่อง ก่อนหน้านี้ที่มีคําอธิบายเกี่ยวกับอาร์คเมจว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญธาตุทั้ง 6 ถูกเปลี่ยนเป็น 8 นะครับจะเพิ่มธาตุน้ําแข็ง และสายฟ้าเข้าไปเดียวจะกลับไปแก้ในตอนเก่าให้ทีหลัง
ในขณะที่ลู่หมิงกําลังนั่งสับสนกับตัวเองอยู่นั้นราชินีอาเวลก็ได้กระแอมไอขึ้นมา ทําให้ลู่หมิงหลุดออกมาจากภวังค์ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขอโทษออกไป
“ต้องขอโทษด้วยครับ”
ราชินีอาเวลยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนพวกเธอจะมีวิธีบางอย่างที่ทําให้ตัวเองสามารถเรียนรู้การใช้มานาได้อย่างรวดเร็วสินะ”
เมื่อพูดจบเธอก็จ้องมองมาที่ลู่หมิงด้วยสายตาอันคมกริบ ทําให้หมิงได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา จากนั้นลู่หมิงก็ได้นํากิ่งของต้นมิสเทลเรียร์ออกมาและยื่นมันให้กับเธอ
ราชินีอาเวลจ้องมองมันเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เธอเก็บมันไว้ก่อนก่อนเถอะ เพราะฉันมีเรื่องจะต้องขอร้องเธอเกี่ยวกับมันอยู่”
“ขอร้อง ?”
ลู่หมิงเอียงคอด้วยความสับสน ราชินีอาเวลพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เรื่องนั้นเดียวเราค่อนคุยกันทีหลัง ตอนนี้เธอควรจะไปพักผ่อนเสียก่อนเนื่องจากการจัดการกับความรู้จํานวนมหาศาลนั้นจําเป็น จะต้องใช้เวลาเดียวฉันจะให้คนรับใช้จัดการห้องพักให้กับเธอเอง”
“อะ.. เอ่อ ขอบคุณครับ”
ลู่หมิงกล่าวขอบคุณออกไปด้วยท่าทีสับสนเล็กน้อย ว่าทําไมท่าทีของราชินีอาเวลนั้นถึงได้เปลี่ยนแปลงไปเร็วขนาดนี้ จากที่เคยดูเหมือนจะห่างเหินราวกับคนไม่รู้จัก ในตอนนี้ทั้งคําพูดและท่าทางเหมือนกับคนเคยรู้จักกันมาก่อน
ที่ลู่หมิงเองสับสนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะเอลฟ์นั้นแม้จะเป็นมิตรกับทุกเผ่าพันธุ์ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขานั้นจะเป็นผู้ที่เข้าหาได้ง่าย เนื่องจากพวกเขานั้นเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูงจึงมีความเย่อหยิ่งปะปนอยู่บ้าง
แต่ลู่หมิงนั้นไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ราชินีอาเวลได้ยอมรับในตัวของเขาขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว เนื่องจากความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเรื่องก่อนหน้านี้
ที่จู่ๆร่างกายของลู่หมิงก็สามารถสร้างจุดศูนย์รวมมานาขึ้นมาได้เอง โดยที่ไม่ต้องพยายาม เธอจึงคิดว่าลู่หมิงนั้นเป็นอัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้เวทมนต์ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่สัมผัสลูกแก้วบันทึกความทรงจําเท่านั้น
โดยที่ไม่รู้เลยว่าทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นจากความช่วยเหลือจากระบบ
และอีกเหตุผลหนึ่งที่ทําให้เธอยอมรับในตัวลู่หมิงนั้น ก็คือในตอนนี้ลู่หมิงก็เหมือนกับเป็นลูกศิษย์ของเธอ แม้เธอจะไม่ได้สอนอะไรมากนัก แต่ด้วยการที่ลู่หมิงมีความสามารถเกี่ยวกับเวทมนต์ได้ นั้นก็เพราะเรียนรู้จากความทรงจําและองค์ความรู้ของเธอทําให้เธอยอมเขามากขึ้นนิดนึง
หลังจากราชินีอาเวลสั่งให้เอลฟ์รับใช้จัดการที่พักที่อยู่ให้กับเขา ลู่หมิงก็เอาแต่หมกตัวอยู่ภายในห้องเพื่อศึกษาเวทมนต์ เพราะถึงแม้เขาจะมีความทรงจําและความรู้มากมายจากราชินีอาเวลแล้วก็ตามแต่ นั่นก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่เขาได้สัมผัสเพียงด้านเดียวเท่านั้น
มันก็เหมือนกับคุณได้เรียนภาคทฤษฎีแต่ไม่เคยลงเรียนภาคปฏิบัตินั่นแหละ และนอกจากนี้ยังมีลูกแก้วบันทึกความทรงจําอีกตั้งสี่ลูก ที่เขาจะต้องเรียนรู้มันอีกด้วย
ผ่านไปเดือนกว่าๆในที่สุดลู่หมิงก็สามารถย่อยความรู้ทั้งหมดของลูกแก้วบันทึกความทรงจําลูกแรกได้สําเร็จ ถึงแม้จะไม่สามารถใช้มันได้อย่างชํานาญก็ตามที
ความรู้ที่ถูกบรรจุอยู่ในลูกแก้วลูกแรกนั้นเป็นความรู้พื้นฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับเวทมนต์และธาตุทั้ง 4 ก็คือ ดิน น้ํา ลมและไฟซี่งด้านในนั้นบอกทั้งข้อดีและข้อเสียของการประยุกต์ใช้ธาตุทั้ง 4 ซี่งมันช่วยลู่หมิงได้มากเลยทีเดียวเพราะเขานั้นไม่จําเป็นจะต้องไปลองผิดลองถูกด้วยตัวคนเดียวในภายหลัง
ในตอนนี้ลู่หมิงกําลังยืนอยู่ที่ด้านหลังสวนของปราสาทหยกขาว(ปราสาทของราชวงศ์เอลฟ์ในตอนที่54 นั่นแหละ)
เขาสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะรวบรวมมานามาไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นลูกไฟขนาดเท่าหัวแม่มือก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือของลู่หมิง เขามองลูกไฟนั้นอย่างตื่นเต้น เพราะนี่คือการใช้เวทมนต์ครั้งแรกของเขา ถึงแม้จะเป็นเพียงการเรียกลูกไฟธรรมดาๆก็เถอะ
แต่สําหรับคนที่ตลอดชีวิตใช้แต่ศิลปะการต่อสู้ การที่สามารถเรียกลูกไฟออกมาบนมือได้ถือว่าเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยที่เดียว
จากนั้นลู่หมิงก็บังคับให้ลูกไฟหดตัวลงและบินวนรอดไปมาระหว่างนิ้วมือของเขาในคราแรกมันดูตะกุกตะกักเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่คุ้นชิน แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานลูกไฟขนาดจิ๋วก็สามารถโลดแล่นไปมาระหว่างนิ้วและร่างกายของลู่หมิงได้อย่างอิสระ
ในขณะที่ลู่หมิงกําลังเล่นกําลังลูกไฟอยู่นั้นราชินีอาเวลก็เดินเข้ามาในสวนลู่หมิงกล่าวทักทายเธอทันที
“สวัสดีครับ อาจารย์”
เวลากว่าเดือนที่ผ่านมาราชินีอาเวลยอมให้ลู่หมิงเรียกเธอว่าอาจารย์แทนที่จะเรียกว่าองค์ราชินี เพราะเธอคิดว่านั่นมันเป็นอะไรที่ยุ่งยากเธอยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวกับลู่หมิงว่า
“ดูเหมือนเธอจะคุ้นชินกับเวทมนต์แล้วสินะ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”
ลู่หมิงเกาหัว จากนั้นราชินีอาเวลก็ได้พูดขึ้นว่า
“งั้นมาคุยเรื่องที่ฉันจะขอร้องเธอกันเถอะ”