รุ่งอรุณแห่งโลกาวินาศ ตอนที่ 60 : ดันเจี้ยนพิเศษ โคลเวอร์ การ์เด้น
ราชินีอาเวลที่ได้ยินคําพูดตอบของลู่หมิง เธอก็ยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวกับเขาว่า
“ภายในดันเจี้ยนนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก มันจะดีมากถ้าเธอเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนจะเข้าไปด้านใน
“เข้าใจแล้วครับ”
ลู่หมิงพยักหน้าก่อนจะแสดงสีหน้าเหมือนกําลังสงสัยอะไรบางอย่างออกมา ราชินีอาเวลที่ได้เห็นแบบนั้นก็พูดออกมาว่า
“สงสัยอะไรก็ถามออกมาเถอะ”
ลู่หมิงพยักหน้าก่อนจะเอ่ยถามออกไป
“ทําไมคุณถึงขอให้ผมเข้าไปเคลียร์ดันเจี้ยนนั้นด้วยล่ะ ในเมื่อคุณสามารถส่งเหล่าเอลฟ์ผู้พิทักษ์ไปได้ ?”
ราชินีอาเวลที่ได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับลู่หมิงว่า
“เอลฟ์ผู้พิทักษ์นั้นมีหน้าที่อื่นที่ต้องทําในเวลานี้ พวกเขาไม่มีเวลามากพอจะไปสนใจดันเจี้ยนนั่น อีกอย่างหนึ่งมอนสเตอร์ด้านในก็ไม่เคยออกมาฉะนั้นเราจึงไม่จําเป็นที่จะต้องสนใจมันมากนัก เพียงแค่เฝ้าเอาไว้ก็พอ”
“อีกอย่างหนึ่ง ถึงแม้เอลฟ์ผู้พิทักษ์จะสามารถเคลียร์ดันเจี้ยนได้ ก็ไม่สามารถช่วยเหลือต้นมิสเทลเรียร์ได้อยู่ดี”
ลู่หมิงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้า ราชินีอาเวลจึงยิ้มพร้อมกับพูดอีกว่า
“และมันก็เป็นสถานที่ที่ดี เหมาะสําหรับการฝึกฝนเวทมนต์ของเธอไม่ใช่เหรอ ?”
“นั่นสินะ”
ลู่หมิงพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะขอตัวไปเตรียมตัวสําหรับการเข้าไปด้านในดันเจี้ยน ทางด้านราชินีอาเวลเองก็มองไปที่แผ่นหลังของลู่หมิงด้วยแววตาสนใจก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง และเดินกลับไปด้านในปราสาทหยกขาว
สี่วันต่อมาลู่หมิงก็ได้มาหยุดอยู่ด้านหน้าของทางเข้าดันเจี้ยนพิเศษ เขาแต่งตัวสบายๆด้วยชุดเกราะผ้าไหมที่ถูกสร้างขึ้นมา ด้วยเหล่าเอลฟ์ช่างฝีมือ และดาบยาวด้ามหนึ่งที่เอวของเขา
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นไอเทมระดับยูนิค ลู่หมิงตกใจเป็นอย่างมาก ที่จู่ๆราชินีอาเวลได้มอบของทั้งสองชิ้นนี้ให้กับเขา แน่นอนว่าลู่หมิงรับของเหล่านั้นมาด้วยความยินดี
ก็แน่ล่ะใครกันไม่อยากได้ไอเทมระดับยูนิคแบบฟรีๆล่ะ ลู่หมิงก้าวเท้าไปด้านหน้าเมื่อเขาเข้ามาในอาณาเขตของ
ดันเจี้ยนพิเศษหน้าต่างของระบบก็เด้งขึ้นมา
ผู้เล่นเป็นคนแรกที่ค้นพบดันเจี้ยนพิเศษ “โคลเวอร์ การ์เด้น
บัพพิเศษจากการค้นพบ : เปอร์เซ็นการดรอปไอเทมทุกอย่างเพิ่มขึ้น 200%
โอ้
มีผลพิเศษแบบนี้ด้วยแหะ น่าสนใจจัง”
ลู่หมิงมองไปที่หน้าต่างของระบบก่อนจะเริ่มรู้สึกตะหงิดๆกับชื่อของดันเจี้ยน
โคลเวอร์ การ์เด้น ? เหมือนเคยที่ได้ยินจากที่ไหนกันนะ?”
ลู่หมิงลูบคางครุ่นคิดพร้อมกับก้าวเดินไปตามทางเดินหินอ่อน ลู่หมิงจ้องมองไปรอบๆกําแพง เนื่องจากเขาได้รับคําเตือนจากราชินีอาเวลมาว่าภายในดันเจี้ยนแห่งนี้มีกับดักอยู่เป็นจํานวนมาก
แต่ถึงอย่างนั้นด้วยประสบการณ์ของเขากับดักเหล่านี้ จึงไม่ได้สร้างความยากลําบากอะไรให้มากนัก แม้จะมีตะกุกตะกักบ้างเล็กน้อย ระหว่างทางแต่ในที่สุดลู่หมิงก็เดินมาถึงส่วนห้องโถงใหญ่ของดันเจี้ยน
เมื่อมาถึงลู่หมิงก็ถึงกับตกตะลึง เพราะภายในห้องโถงนั้นมันไม่ใช่ห้องโถงธรรมดาๆมันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ หากจะพูดว่าใหญ่แค่ไหนนั้นก็คงจะพูดยากเพราะจากการคาดการณ์ด้วยสายตาแล้วพื้นที่ภายในห้องโถงนี้มีขนาดเทียบเท่ากับเมืองขนาดเล็กเลยทีเดียว
ตรงหน้าของลู่หมิงนั้นคือทุ่งดอกไม้ขนาดประมาณสองสนามฟุตบอลได้ ถัดจากทุ่งดอกไม้ไปก็จะเห็นเขาวงกตขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ บรรยากาศบริเวณนั้นแม้จะมองด้วยระยะไกลก็ยังรู้ว่ามันอันตรายเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่าบอสของดันเจี้ยนและแท่นบูชาจะอยู่ตรงส่วนกลางของเขาวงกตสินะ
“ดูท่าจะเสียเวลาน่าดู
ลู่หมิงบ่นออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังเขาวงกตที่อยู่ไกลออก
“เขาวงกตกับบอสไม่น่าจะใช่ปัญหา ปัญหาที่แท้จริงก็น่าจะเป็น… ทุ่งดอกไม้นี่”
ที่ลู่หมิงคิดแบบนั้นก็เพราะจากที่เขาเฝ้ามองดูมากสักระยะหนึ่ง เขาไม่เห็นมอนสเตอร์แม้แต่ตัวเดียวเลย ตามคํากล่าวของราชินีอาเวล เธอบอกว่าภายในดันเจี้ยนเต็มไปด้วยมอนสเตอร์จํานวนมาก แต่นี่เขาไม่เห็นมันแม้แต่ตัวเดียว ไม่ว่าจะมองไปยังมุมไหนของทุ่งดอกไม้ก็ตาม
และถ้าจะบอกว่ามอนสเตอร์ทั้งหมดอยู่ในเขาวงกตแล้วล่ะก็ เขาจะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดเหล่ามอนสเตอร์นั้นมีอาณาเขตเป็นของตัวเองไม่ว่าจะมอนสเตอร์ด้านนอกหรือด้านในดันเจี้ยนก็ตาม
ฉะนั้นเป็นไปได้ยากที่จะมีมอนสเตอร์มากกว่าหกประเภทอาศัยอยู่ในสถานที่เล็กๆอย่างเขาวงกต ลู่หมิงถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปในเขตของทุ่งดอกไม้
เมื่อเดินมาสักระยะสู่หมิงก็ยังไม่สังเกตุเห็นการเคลื่อนไหวใดๆ ลู่หมิงถอนหายใจพร้อมกับบ่นออกมาเล็กน้อย
“รู้งี้ฉันน่าจะฝึกการใช้เวทย์ตรวจจับมาก็ดี”
ในขณะที่เขากําลังบ่นอยู่นั้น
คลื่น คลื่น คลื่น
พื้นดินด้านหลังของลู่หมิงสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเขาหันกลับไปก็พบกับมอนสเตอร์หน้าตาคล้ายกับต้นไม้แห้งๆจํานวนหนึ่งกําลังผุดขึ้นมาจากดิน และดูเหมือนจํานวนของมันกําลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเสียด้วย
ลู่หมิงที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแห้งๆ
“ต้อนรับกันดีสะเหลือเกินนะ”