ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 11
Author: 여님 (ยอนิม)
“หึ นี่ผมดูเหมือนเด็กขายขนาดนั้นเลยเหรอ” คิมทำเสียงขึ้นจมูกหลังจากที่นายภาคโดนลากออกไปจากร้านอาหารแล้ว ท่ามกลางความตกใจของลูกค้าคนอื่นๆ แต่ทางเจ้าของร้านก็เข้ามาอธิบายให้ลูกค้าคลายอาการตื่นตระหนกลงไปได้
“อย่าไปฟังเจ้าบ้านั่นนักเลย ตามันไม่มีแวว” กมลบอกกลับเสียงเรียบ นึกฉุนภาคไม่น้อยที่เข้ามาทำลายบรรยากาศดีๆให้ขุ่นมัว
“ถ้าตาเค้าไม่มีแวว คุณจะให้เค้าหาเด็กๆมาให้คุณได้ยังไงกัน หึ สงสัยคุณนี่จะเป็นลูกค้ารายใหญ่ของเค้าสินะ” คิมพูดเหน็บออกมา
“คิม ชั้นก็เป็นคนธรรมดามีความต้องการทางเพศเหมือนกับคนอื่นๆนั่นแหละ ก่อนที่จะมาเจอนาย ชั้นก็ต้องหาคนมาระบายบ้าง แต่พอชั้นมีนาย ชั้นก็ไม่คิดจะไปหาใครหน้าไหนอีกแล้วนะ” กมลพูดบอกออกมาเสียงจริงจังตรงๆ ทำให้คิมเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“ถึงคุณจะไปหาคนอื่น ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” คิมพูดออกมาไม่เต็มเสียงนัก เพราะกำลังคิดว่าถ้ากมลจะไปหาคนอื่นจริงๆ ตนเองจะไม่ว่าตามปากพูดจริงๆรึเปล่า
“คิม” กมลเรียกคิมเสียงดุ แต่คิมก็ยังนั่งเงียบ กมลมองเสี้ยวหน้าเนียนที่นั่งนิ่งหันไปมองทางอื่น ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมานิดๆ
“ได้ ถ้าอยากให้ชั้นไปหาคนอื่นนัก ชั้นก็จะไป เดี๋ยวให้ชั้นให้คนไปตามนายภาคกลับมาล่ะกัน” กมลพูดขึ้น ทำให้คิมหน้าตึงและชาในทันที หันมามองกมลตาเขียว
“ก็ดี! งั้นให้คนไปส่งผมด้วยล่ะกัน” คิมพูดกระแทกเสียงก่อนจะลุกขึ้นยืน
หมั่บ!
กมลคว้าข้อมือเรียวเอาไว้ได้ก่อน
“จะไปไหน นายกินข้าวอิ่มแล้วเหรอ” กมลถามกลับไป
“ผมอิ่มแล้ว! กินไม่ลง เชิญคุณไปหาเด็กในสังกัดคุณเถอะ ผมจะกลับ” คิมบอกพร้อมกับสะบัดมือตนเองออกจากมือแกร่งของกมลอย่างแรงแล้วเดินหน้าบึ้งออกไป กมลหันไปพยักหน้าลูกน้องของตนเองเดินตามไปทันที
“นายครับ” รุธเรียกกมล
“ชั้นแค่แกล้งเมียชั้นน่า” กมลบอกออกมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี เขาแค่ต้องการดูปฏิกริยาของคิมเท่านั้น
“เรียกพนักงานมาเก็บเงินได้เลย” กมลบอกพร้อมกับดื่มน้ำแล้วลุกขึ้น ส่งเงินสดให้กับคมไปจัดการเรื่องค่าอาหารแล้วเดินตามคิมออกไป
..
..
//คนทุเรศ// คิมยืนสบถหัวเสียอยู่ที่ข้างรถ แล้วหันไปมองลูกน้องของกมลที่เดินตามตนเองออกมา
“เปิดรถสิ ชั้นจะกลับ” คิมพูดบอกออกมาเสียงห้วนๆ แต่ก็พยายามระงับอารมณ์ตัวเองไม่ให้พาล คิมย้ำเตือนตัวเองในใจว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกหึงหรือหวงกมล
“แต่นายยังไม่ได้บอกให้คุณคิมกลับนะครับ” ลูกน้องของกมลพูดขึ้น
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้านายของพวกนายไม่ทราบ ชั้นกับเจ้านายพวกนายไม่ได้ตัวติดกันนะ ตกลงจะไปส่งมั้ย ถ้าไม่ไป ชั้นไปแท็กซี่เองก็ได้” คิมพูดด้วยน้ำเสียงฉุนๆ จากตอนแรกไม่อยากจะพาลพวกลูกน้องของกมล กลับรู้สึกอยากจะพาลใส่ให้ครบทุกคนเลยก็ตอนนี้แหละ คิมทำท่าจะเดินไปทางถนนหน้าร้าน ลูกน้องของกมลรีบเดินไปดักหน้าเอาไว้
“คุณคิมครับ ผมขอล่ะ รอนายก่อนนะครับ” ลูกน้องของกมลพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“จะรอทำไม นายก็ได้ยินไม่ใช่รึไง ว่าเจ้านายของนายน่ะ เค้าจะไปต่อที่อื่น” คิมว่าออกมาอีก รู้สึกขุ่นเคืองในใจไม่น้อย
“จะไปไหนน่ะคิม” เสียงทุ้มนิ่งของกมลดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้คิมชะงักตวัดสายตาไปมองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร คิมเดินกระแทกไหล่ของลูกน้องกมลที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า กมลก้าวยาวๆตามไปอย่างรวดเร็ว
“ปล่อย!” คิมหันมาตวาดกมลเสียงเขียว เมื่อกมลเดินมาจับแขนของคิมเอาไว้ แล้วลากกลับมาที่รถของตนเอง
“จะมาจับผมไว้ทำไมเนี่ย ผมจะกลับบ้าน!” คิมโวยใส่กมล
“ก็กลับบ้านไง” กมลหันมาบอกเสียงนิ่ง แต่ในดวงตาพราวระยับเหมือนกับถูกใจกับอาการของคิมในตอนนี้
“ผมจะกลับแล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วย” คิมถามกลับไป
“ชั้นจะปล่อยให้เมียชั้นกลับคนเดียวได้ไงกันล่ะ ไปขึ้นรถ อย่าดื้อนักเลย” กมลบอกพร้อมกับรั้งเอวบางไปที่รถ คิมมองกมลอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะถูกกมลพาขึ้นรถเรียบร้อย คิมขยับนั่งห่างกมลทันที
“คิม” กมลเรียกร่างบางอีกครั้ง พร้อมกับจะรั้งคิมเข้าไปกอด แต่คิมหันมาชี้หน้ากมลเอาไว้ก่อน
“หยุด!! อย่ามาแตะต้องผมนะ” คิมโวยขึ้นในรถ ขณะที่ลูกน้องของกมลกำลังขับรถพากลับบ้าน
“ทำไมถึงแตะไม่ได้” กมลถามเสียงเข้ม คิมเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“ต่อไปนี้ห้ามคุณแตะต้องผม ผมไม่อยากติดโรคไปด้วย” คิมพูดว่าออกมา ทำให้กมลชะงักไปนิดก่อนจะยกยิ้มออกมาอย่างขำๆ
“หึหึ นึกว่าอะไร” กมลพูดเบาๆ
“ทำไม ก็คุณมั่วกับคนอื่นไปทั่ว ผมก็ต้องกลัวสิ” คิมบอกอีก กมลมองหน้าคิมอย่างจริงจัง
“คิม กับคนอื่นน่ะ ชั้นใส่ถุงยางตลอด แล้วชั้นก็ตรวจสุขภาพทุกปี ถ้านายไม่เชื่อจะดูใบรับรองแพทย์มั้ย ล่าสุดชั้นพึ่งไปตรวจมาเมื่อเดือนที่แล้ว” กมลพูดอธิบาย แต่คิมก็ยังรู้สึกคันยุบยิบในใจแปลกๆ
“แต่ก็ใช่ว่าคุณจะไม่พลาด วันนี้ไม่ติดโรคแล้ววันข้างหน้าล่ะใครจะไปรู้” คิมพูดว่าออกมาเสียงขุ่น
“แล้วชั้นจะไปติดโรคจากที่ไหน หืม” กมลถามกลับไป
“ก็พวกเด็กๆของคุณไง” คิมพูดเสียงเข้ม รู้สึกว่าตนเองหายใจแรงขึ้นด้วยความรู้สึกบางอย่างที่มันพลุ่งพล่านในอก คิมไม่เคยเสียความเป็นตัวเองได้มากขนาดนี้มาก่อน คิมไม่เคยโวยวายแบบนี้ใส่ใคร ไม่เคยพาลใส่คนอื่นแบบนี้มาก่อน
“ก็บอกว่าใส่ถุงยางทุกครั้ง” กมลแกล้งยั่วโมโหคิมอีก คมที่นั่งอยู่ด้านหน้าได้แต่ส่ายหัวไปมาให้กับความขี้แกล้งของเจ้านายตนเอง คิมมองหน้ากมลอย่างฉุนๆ ก่อนจะหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ไม่ต่อปากต่อคำ ยิ่งเถียง คิมก็รู้สึกยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก กมลนั่งยิ้มบางเบาเมื่อเห็นท่าทีของคิม แต่ก็ไม่ได้ยั่วโมโหอะไรต่อ พอกลับถึงบ้าน คิมไม่รอให้ใครมาเปิดประตู ร่างบางเปิดประตูลงเองแล้วก้าวฉับๆเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว
“หึหึ พยศน่าดู เดี๋ยวพวกแกขนของที่ซื้อมาไปไว้ที่ห้องของชั้นเลยล่ะกัน” กมลหันไปพูดกับลูกน้องตนเองก่อนจะเดินตามคิมเข้าไป พอเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นหลังของคิมไวๆ เดินขึ้นบันไดไปที่ห้องนอน
“นายครับ คืนนี้นายมีนัดกับท่านรัฐมนตรีทศพลนะครับ” คมเดินเข้ามาเตือนความจำให้กมลอีกครั้ง กมลพยักหน้ารับ
“แกไปพักผ่อนก่อนไป ได้เวลาเตรียมตัวเมื่อไร ก็มาตามชั้น” กมลบอกกลับ ก่อนจะตามคิมขึ้นไปบนห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอร่างบาง แต่ได้ยินเสียงคนอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ
//หึหึ อาบน้ำให้ใจเย็นลงกว่าเดิมรึไงนะ// กมลพึมพำยิ้มๆ แล้วนั่งลงที่ปลายเตียง ดวงตาเฉียบคมก็มองไปที่ประตูห้องน้ำ พอร่างบางอาบน้ำแต่งตัวออกมาก็ต้องสะดุ้งนิดๆ เมื่อเห็นกมลนั่งมองอยู่ แต่ก็ปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยไม่เอ่ยทักอะไร ทำให้กมลรู้ว่าคิมยังโกรธตนเองอยู่
“มานี่สิคิม” กมลเรียกร่างบาง แต่คิมก็เฉย เดินไปเช็ดผมที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“คิม” กมลเรียกเสียงเข้ม พร้อมกับใช้สายตากดดันคิม ผ่านกระจก
“มีอะไรก็พูดสิ” คิมพูดว่าออกมาเสียงนิ่ง คิมตั้งใจแล้วว่าจะรักษาท่าทีปกติของตนเองให้เหมือนทุกครั้ง
“ก็บอกให้มาหาชั้น” กมลสั่งอีก คิมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินไปหากมล แต่ก็ยืนเว้นระยะห่างเอาไว้
“มาใกล้ๆ” กมลเรียกอีก แต่คิมก็ยังเฉย
“มาใกล้ๆ…” กมลเรียกย้ำ ดวงตาของกมลจ้องนิ่ง ซึ่งทำให้คิมที่แพ้ทางดวงตาคู่นี้ จำต้องขยับเข้าไปหากมลใกล้กว่าเดิม จนกมลจับคิมให้นั่งลงบนตักแกร่งของตนเองแล้วโอบกอดเอวบางเอาไว้ไม่ให้ลุกหนี
“โกรธมากเลยเหรอ หืม” กมลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงนิดๆ
“ผมจะโกรธคุณเรื่องอะไร” คิมถามกลับโดยไม่มองหน้ากมล ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ก่อนที่กมลจะใช้นิ้วโป้งของตนเองลูบไปที่ริมฝีปากของคิมเบาๆ
“นายเป็นคนไล่ให้ชั้นไปหาคนอื่นเองนะ แล้วนายจะโกรธทำไมล่ะ” กมลแกล้งถาม
“ผมไม่ได้โกรธ อีกอย่าง คุณจะทำอะไรมันก็เรื่องของคุณ ผมไม่มีสิทธิไปห้าม ขอแค่อย่างเดียว อย่าเอาโรคมาติดผม” คิมบอกเสียงจริงจัง
“ทำไมนายจะไม่มีสิทธิล่ะ การที่ชั้นพานายมาอยู่ที่นี่ พามาเปิดตัวกับลูกน้องของชั้น นี่ยังไม่ได้ยืนยันอีกเหรอว่านายมีสิทธิอะไรบ้าง” กมลพูดบอก คิมนิ่งไปนิด
“อีกอย่าง ชั้นมีนายแล้วนะคิม มีนายเป็นเมียอยู่แล้วทั้งคน ทำไมต้องไปหาคนอื่นอีกล่ะหืม” กมลถามเสียงทุ้มต่ำในลำคอ
“เมียที่ได้มาเพียงแค่รสนิยมเข้ากันได้อย่างนั้นน่ะเหรอ” คิมถามย้อนกลับไป
“ถ้าวันข้างหน้าคุณเจอคนที่รสนิยมเข้ากับคุณได้อีก คุณก็จะเอาเค้ามาอยู่ตรงนี้ ที่นี่ เหมือนกับผมใช่มั้ยล่ะ” คิมพูดพร้อมกับมองกมลด้วยสายตาสั่นๆ
“ไม่เอาน่าคิม เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ ชั้นบอกแล้วไง ว่าคุยไปนายก็ไม่เชื่ออะไรอยู่ดี รอดูจากการกระทำของชั้นล่ะกัน” กมลพูดบอกออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ทำให้คิมนิ่งเงียบไป
“เดี๋ยวคืนนี้ชั้นต้องออกไปธุระข้างนอก กลับดึกหน่อยนะ นายนอนก่อนได้เลย” กมลเปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อจะได้ไม่ทะเลาะกับคิมอีก คิมมองหน้ากมลเขม็งเมื่อได้ยิน
“ชั้นไม่ได้ไปหาใครหรอกน่า ไปคุยเรื่องงาน เสร็จแล้วก็จะรีบกลับ เชื่อใจกันหน่อยสิ ชั้นหยุดแล้ว หยุดที่นายนี่ไง ตอนอยู่ที่ร้านชั้นพูดแกล้งนายเล่นเท่านั้นเอง” กมลพูดเสียงจริงจัง คิมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่นึกโล่งใจขึ้นมานิดๆ ที่กมลไม่ได้คิดจะไปหาเด็กมานอนด้วยจริงๆ
“ปล่อยผมได้รึยัง” คิมถามกลับ กมลจึงปล่อยให้คิมลุกขึ้นยืน
“เตรียมเสื้อผ้าให้หน่อยนะ เดี๋ยวชั้นจะเข้าไปอาบน้ำ” กมลบอกกลับคิมพร้อมกับรั้งหัวของคิมมาจูบซับที่ขมับแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ คิมมองตามหลังกมลด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้หัวใจของคิมทั้งสับสนทั้งกลัว ความสัมพันธ์ที่กะทันหันและรวดเร็วของคิมกับกมล ทำให้คิมไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง และไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกยังไงกับกมลกันแน่
//เราพึ่งเจอกับเค้าไม่กี่วันเองนะ// คิมพูดเตือนตนเอง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมเสื้อผ้าให้กมลตามที่อีกฝ่ายบอก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
5 วันผ่านไป
คิมเข้ามาอยู่ในบ้านของกมลนับจากวันที่กมลไปรับจากบ้านของเดย์ก็ปาเข้าไป 1 อาทิตย์แล้ว กมลให้คิมทำงานผ่านอีเมลล์จากที่บ้าน เวลาจะออกไปไหนเวลาที่กมลไม่อยู่ ก็ต้องมีคนติดตามไปด้วยทุกครั้ง ส่วนกมลเองก็ยังคงงานยุ่งอยู่เหมือนเดิม กลับดึกบ้างเร็วบ้าง แต่กมลก็จะรีบกลับมาบ้านทุกครั้งที่ทำงานเสร็จ เพื่อจะได้มานอนกอดคิม คิมเองก็เริ่มชินกับการอยู่ที่บ้านหลังใหญ่นี้บ้างแล้ว อย่างน้อยก็มีใบบุญคอยเป็นเพื่อนคุย ส่วนเรื่องบนเตียง….
“คนบ้า!! ตัวผมช้ำหมดแล้วเห็นมั้ยเนี่ย” เสียงโวยวายของคิมดังขึ้นในตอนเช้า ขณะนั่งอยู่บนเตียงกว้างในสภาพเปลือยท่อนบนส่วนช่วงล่างมีผ้าห่มคลุมเอาไว้
“แล้วเมื่อคืนใครร้องขอให้ชั้นฟาดแรงๆล่ะ หืม เด็กน้อย” กมลที่นั่งจิบกาแฟยามเข้าอยู่ที่เก้าอี้ระเบียงห้องพูดถามกลับ ทำให้คิมหน้าขึ้นสีระเรื่อ จะเถียงก็ไม่ได้ เพราะทุกคืนที่มีอะไรกัน บางอย่างในตัวของคิมร้องขอให้กมลทำรุนแรงครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งถูกมัด ถูกใช้ฝ่ามือฟาดที่บั้นท้ายแรงๆทำให้คิมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตัวมากขึ้น ซึ่งกมลก็ไม่เคยขัดใจสักครั้งเวลาที่คิมต้องการ เพราะว่ากมลเองก็ชอบที่จะทำอะไรรุนแรงกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว คิมออกอาการฮึดฮัดเล็กน้อย
“หยิบผ้าขนหนูให้หน่อย” คิมพูดบอกเพราะว่าตนเองร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ก็เดินไปหยิบสิ” กมลบอกกลับ
“ก็ผมโป๊อยู่จะให้เดินไปหยิบเองได้ไงล่ะ” คิมพูดว่ากลับไป
“จะอายอะไร เห็นกันมาทั้งตัว ทุกซอกทุกมุมแล้วนะ” กมลบอกกลับ คิมเม้มปากเข้าหากัน มองกมลด้วยสายตาขุ่นๆ ไม่ยอมขยับตัวลงจากเตียง ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
“โอเค ก็ได้ๆ ดื้อเงียบเหมือนกันนะเราน่ะ” กมลพูดเย้าขึ้น ก่อนจะลุกไปหยิบผ้าขนหนูมาให้คิม คิมรีบคว้ามาพันกายแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยท่าทีขัดๆ
..
..
“วันนี้ชั้นจะกลับประมาณ 5 โมงเย็นนะ ถ้าไม่มีอะไรด่วนเข้ามาอ่ะนะ” กมลพูดบอกขณะนั่งกินข้าวเช้าพร้อมกับคิม และใบบุญ ทุกวันคิมมักจะดึงใบบุญมากินข้าวด้วยกันเสมอ ถึงแม้ว่าใบบุญจะเกรงใจแต่ก็ขัดอะไรคิมไม่ได้
“ตอนสายๆ ผมกับใบบุญไปซื้อของที่ห้างได้มั้ย” คิมเอ่ยถาม
“ได้ จะให้คม กิจ พาไปละกัน” กมลตอบกลับเป็นการบังคับกลายๆว่าต้องไปกับคมและกิจเท่านั้น
“อืม” คิมตอบรับในลำคออย่างจำยอม ก่อนที่ไหมจะยกของหวานเข้ามาเสริฟ คิมมองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกไป
“มีอะไรรึเปล่า” กมลที่สังเกตท่าทีของคิมอยู่ได้ถามขึ้น เพราะรู้สึกได้ว่าคิมไม่พอใจอะไรบางอย่างในตัวของไหม
“เปล่า” คิมตอบกลับเสียงปกติแล้วหันไปชวนใบบุญกินขนมหวานที่ป้านีทำด้วยกัน
..
..
..
“แล้วชั้นจะรีบกลับ ออกไปข้างนอกก็อย่าห่างเจ้าคมกับกิจล่ะ รู้มั้ย” กมลพูดย้ำขณะที่คิมเดินออกมาส่งกมลที่รถ
“รู้แล้ว สั่งแบบนี้ทุกครั้งนั่นแหละ” คิมว่ากลับ ก่อนที่กมลจะหอมแก้มคิมต่อหน้าลูกน้องแล้วขึ้นรถไป
“ยิ้มอะไรใบบุญ” คิมหันมาถามเด็กหนุ่มที่ยืนอมยิ้มอยู่ด้านหลังของเขา
“พี่คิมหน้าแดง น่ารักจังฮะ” ใบบุญบอกกลับ ยิ่งทำให้คิมร้อนหน้ามากกว่าเดิม ตั้งใจจะทำเป็นนิ่งไม่รู้สึกเขินหรืออายสักหน่อย พอเจอใบบุญพูดบอกแบบนี้ ทำให้คิมพูดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูก
“อากาศมันร้อนหรอก เข้าบ้านเถอะ” คิมกลบเกลื่อน ก่อนจะกอดคอใบบุญเดินเข้าไปในบ้าน
..
..
..
..
..
..
“คุณคิมจะซื้ออะไรเหรอครับ” คมถามขึ้นขณะที่พาคิม ใบบุญมาที่ห้างในตอนสายของวัน
“จะซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ใบบุญน่ะ” คิมตอบกลับ ทำให้เด็กหนุ่มที่นั่งข้างๆหันมามองหน้าทันที
“ไหนพี่คิมบอกว่าจะมาซื้อเสื้อผ้าของพี่คิมเองไงฮะ ทำไมเป็นของใบบุญไปได้ล่ะฮะ” ใบบุญรีบถามกลับทันที คิมยิ้มรับ
“ถ้าพี่บอกว่าพามาซื้อให้ใบบุญ ใบบุญจะยอมมามั้ยล่ะ” คิมถามกลับ
“พี่คิมอย่าลำบากเลยฮะ เสื้อผ้าของใบบุญยังมีอยู่” ใบบุญบอกด้วยความเกรงใจ พร้อมกับมองไปที่คมซึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหน้าข้างคนขับ
“พี่คม ช่วยพูดกับพี่คิมให้หน่อยสิฮะ” ใบบุญหันไปอ้อนคม
“พี่ขัดคำสั่งเมียเจ้านายไม่ได้หรอกนะใบบุญ” คมพูดบอก ทำให้ใบบุญทำแก้มพองลม พักหลังๆมานี่ ใบบุญหน้าตาแจ่มใสขึ้นกว่าตอนแรกมากนัก
“เอาน่า พี่อยากซื้อให้จริงๆ” คิมบอกกลับ ใบบุญก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะยังไงคิมก็ต้องดื้อซื้อให้อยู่ดี พอมาถึงห้างคิมกับใบบุญเดินด้วยกันอยู่ด้านหน้า ส่วนคมกับกิจเดินตามอยู่ด้านหลัง คิมพาใบบุญเดินเข้าออกร้านนั้นร้านนี้เป็นว่าเล่น หาเสื้อผ้ามาให้ใบบุญลองเรื่อยๆ ตัวไหนถูกใจก็ซื้อกลับ
“พี่คิม ใบบุญอยากเข้าห้องน้ำ” เด็กหนุ่มสะกิดคิมแล้วพูดบอก
“อ่า งั้นเดี๋ยวให้คมพาไปนะ พี่เลือกเสื้อรอตรงนี้นะ” คิมบอกกลับไป ก่อนจะหันไปบอกให้คมพาใบบุญไปห้องน้ำ ส่วนกิจก็อยู่คิม ขณะยืนเลือกเสื้อ คิมก็รู้สึกได้ว่า กิจเดินเข้ามายืนขนาบข้างตนเอง พอเงยหน้าไปมองก็รู้ว่ากิจกำลังยืนกันใครบางคนอยู่
“อะไรกัน ชั้นแค่จะเข้ามาทักทายคนสวย แกจะมาขวางทำไม” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้น คิมมองหน้าอีกฝ่ายก็รู้สึกคุ้นๆแต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน
“อย่าเลยครับ คุณคิมเค้าไม่สะดวกจะคุยกับคุณหรอกครับคุณดนัย” กิจบอกกลับเสียงเรียบ คิมสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมีคนติดตามมาด้วยสองคน
“ใครเหรอกิจ” คิมถามขึ้นเสียงปกติ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมว่าเราออกไปหาพี่คมกันเถอะครับ” กิจพูดบอกออกมาแบบนี้ทำให้คิมรู้ว่ากิจไม่ต้องการให้คิมพูดคุยกับชายคนนี้สักเท่าไรนัก
หมั่บ..
“เดี๋ยวสิ” ดนัยคว้าข้อมือของคิมเอาไว้ ขณะที่กิจจะพาคิมเดินออกจากร้าน
พรึ่บ..
กิจเองก็คว้าข้อมือของดนัยอีกทีเช่นกัน
“กรุณาปล่อยมือด้วยครับคุณดนัย ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูเจ้านายของผม” กิจพูดขู่ขึ้น ดนัยยอมปล่อยมือแล้วยกยิ้มมุมปาก
“ที่ชั้นปล่อย ไม่ใช่เพราะกลัวเจ้านายของแกหรอกนะ แต่ชั้นกำลังสงสัย ว่าคนสวยตรงหน้าชั้นเนี่ย เป็นอะไรกับเจ้านายแก พวกแกถึงดูหวงแทนเจ้านายกันนัก จะว่าเป็นน้องชายก็ไม่ใช่ เพราะเจ้านายแกไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน” ดนัยพูดบอกออกมาเสียงเยาะๆ ทำให้คิมรู้สึกไม่ชอบหน้าคนๆนี้ขึ้นมาทันที
“แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม” คิมถามขึ้นเสียงเข้ม
“ก็จะได้ทำความรู้จักกันไงครับ ในฐานะที่ผมเองก็รู้จักกับกมลเหมือนกัน” ดนัยพูดบอกพร้อมกับมองคิมด้วยสายตากระลิ้มกะเหลี่ย
“แล้วถามผมรึยัง ว่าผมอยากรู้จักคุณรึเปล่า” คิมถามกลับไป ทำให้อีกฝ่ายชะงักไปนิด
“ไปกันเถอะกิจ เดี๋ยวไปรอคมตรงทางไปห้องน้ำก็ได้” คิมพูดชวนก่อนจะเดินออกไปจากร้านทันที โดยที่ยังไม่ได้ซื้อเสื้อจากร้านนี้เลยสักตัว
“หึหึ ของรักของหวงไอ้กมลงั้นเหรอ” ดนัยพูดพึมพำตามหลังคิมไป เมื่อไปยืนรอสักพักคมก็พาใบบุญออกมา กิจจึงเล่าเรื่องที่เจอดนัยให้ฟัง ซึ่งตอนที่ยืนรอคม กิจบอกคิมไปแล้วว่าดนัยเป็นคู่แข่งทางการค้าของกมล ตอนแรกคมจะพาคิมกับใบบุญกลับบ้านเลย แต่คิมยืนยันว่าจะซื้อของต่อ คมกับกิจจึงต้องคอยเดินตามและคอยระวังให้มากขึ้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ลื้อทำแบบนี้ได้ไงกมล!!” เสียงตวาดลั่นดังขึ้นในห้องทำงานขนาดย่อม
“ผมทำอะไร ช่วยบอกให้ผมเข้าใจทีคุณเฉิน” กมลถามกลับเสียงเรียบ วันนี้เขาเข้ามาติดต่อเรื่องงานกับลูกค้า และบังเอิญว่ามาเจอกับคู่อริเก่าเข้าพอดี
“ลื้อมาแย่งลูกค้าของอั๊วะได้ไง แบบนี้มันเหยียบหน้ากันชัดๆ” เฉินชายวัย 50 พูดออกมาเสียงแข็ง ในขณะที่มีลูกน้องยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง
“ใจเย็นๆครับคุณเฉิน ผมว่าเราค่อยๆคุยกันดีกว่านะ” คนกลางอย่างอภิชัยซึ่งเป็นลูกค้าที่เฉินกล่าวหาว่ากมลแย่งมาพูดขึ้น
“อภิชัย ไหนลื้อบอกว่าจะรับซื้อของจากอั๊วะไง” เฉินหันไปถามอีกฝ่ายบ้าง การที่เขามาโวยวายแบบนี้ก็เพราะสินค้าที่อีกฝ่ายจะรับซื้อมีมูลค่าหลายล้าน
“คุณเฉิน ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเสียความรู้สึกนะ แต่ผมก็ต้องเลือกสินค้าให้คุ้มกับค่าเงินที่ผมจะต้องจ่าย ซึ่งผมได้เอามาเปรียบเทียบกันแล้ว ของทางฝั่งคุณกมลมีคุณภาพและคุ้มกับเงินผมมากกว่าทางฝั่งของคุณเฉิน ผมถึงได้เลือกที่จะซื้อขายกับคุณกมลไงล่ะ” อภิชัยพูดบอกออกมาตรงๆ ทำให้ชายร่างท้วมผิวขาวจัดถึงกับตัวสั่น
“แต่ลื้อตกลงกับอั๊วะแล้วว่าจะไม่รับของจากใครนอกจากของอั๊วะ แล้วลื้อมาผิดคำพูดได้ไง” เฉินชี้หน้าอภิชัยด้วยความฉุนเฉียว
“ตอนนั้น สินค้าของคุณเฉินมีคุณภาพมากพอที่จะทำให้ผมมั่นใจที่จะซื้อขาย แต่เดี๋ยวนี้ มันด้อยคุณภาพลงไปเยอะ ว่างๆลองตรวจสินค้าบ้างนะครับ” อภิชัยบอกเสียงเรียบ กมลยกยิ้มนิดๆ พร้อมกับมองเฉินที่ยืนตัวสั่นหน้าแดงตรงหน้าด้วยสายตาเยาะๆ
“ไอ้กมล ลื้อกล้ามากที่ทำกับอั๊วะแบบนี้ “ เฉินพูดว่าออกมาอย่างแค้นเคือง
“ผมก็ทำการค้าของผม ผมไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย คุณเฉิน” กมลตอบกลับอย่างไม่หวั่นกลัวอะไร เฉินมองหน้ากมลอย่างอาฆาต ก่อนจะหันกลับไปบอกลูกน้องตนเองให้กลับออกไปจากที่นี่
“ดูท่า เค้าจะเกลียดคุณมากเลยนะครับคุณกมล” อภิชัยพูดบอกกับกมลหลังจากที่เฉินออกไปแล้ว
“ประมาณนั้นครับ ผมว่าอย่าเสียเวลาเลยครับ เรามาตกลงทำสัญญาซื้อขายเลยดีกว่า” กมลพูดเป็นการเป็นงาน การขายสินค้าที่ว่า คือการซื้อขายอาวุธเถื่อนที่กมลรับมาจากเพื่อนฝูงที่อยู่รัสเซีย ของจะถูกส่งมาทางเรือ และกมลก็นัดให้ลูกค้าไปดูสินค้าถ้าถูกใจก็ตกลงต่อรองราคากัน ซึ่งบังเอิญว่าอภิชัยที่ไม่พอใจกับสินค้าทางฝั่งของเฉินได้มาขอดูสินค้าของกมล แล้วเกิดพอใจจึงตัดสินใจทำการซื้อขายกับกมลแทน จึงเป็นสาเหตุให้เฉินไม่พอใจเป็นอย่างมาก
..
..
..
..
“นายครับ ผมว่าช่วงนี้เราต้องระวังตัวหน่อยนะครับ” รุธพูดบอกกับกมลหลังจากที่ทำสัญญาเรียบร้อยและกมลกำลังจะเดินทางกลับบ้าน
“ชั้นรู้ รู้ดีว่าตาแก่เฉินนั่น เป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น” กมลบอกกลับ ก่อนจะเอนหัวไปพิงเบาะรถ
“นายครับมีรถน่าสงสัยตามเรามาครับ” รุธพูดบอกหลังจากรับโทรศัพท์จากลูกน้องของกมลที่ขับรถตามอยู่ด้านหลัง
“ดูท่าทีไปก่อน อาจจะเป็นรถของคนทั่วไปก็ได้” กมลบอกกลับ แต่ก็เตรียมพร้อมเอาไว้เสมอ
“บอกให้คันหลังปล่อยให้มันแซงขึ้นไปก่อน” กมลพูดสั่ง รุธจึงบอกต่อไปทางโทรศัพท์ รถเก๋งสีขาวติดฟิล์มกรองแสงทึบค่อยๆแล่นแซงรถลูกน้องของกมลขึ้นมาจนมาเทียบกับรถที่กมลนั่ง แต่ก็ไม่มีอะไร ก่อนจะเร่งเครื่องเพื่อแซงรถของกมลอีก
เอี๊ยดดดดดดดดดดดด…..
2 Be Con
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไร ขอโทษด้วยนะคร่า