ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 12
Author: 여님 (ยอนิม)
เสียงรถของกมลเบรกดังลั่นเมื่อรถเก๋งสีขาวขับปาดหน้าอย่างกระชั้นชิด ทำให้รถของกมลต้องจอดนิ่งทันที รถสีขาวเองก็จอดเข้าข้างทางอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“เดี๋ยวผมลงไปดูเองครับนาย” รุธพูดขึ้น
“ระวังหน่อยล่ะกัน” กมลตอบกลับ พร้อมกับเตรียมหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ในช่องที่นั่งด้านหลังคนขับเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน ก่อนจะเห็นหญิงสาวกับชายหนุ่มวัยรุ่นเดินลงมาจากรถพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษรุธกันยกใหญ่ ก่อนที่รุธจะโบกมือไล่ให้ไป แล้วกลับมาที่รถของกมล
“ว่าไง” กมลถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เด็กสองคนนั่นทะเลาะกันในรถเลยขับรถไม่ทันระวังเผลอปาดหน้าเราเข้า ผมก็เลยไล่ไปไม่เอาเรื่องอะไร” รุธพูดบอก
“อืม” กมลตอบรับ พร้อมกับปิดช่องใส่ปืนเอาไว้เหมือนเดิม ชีวิตของกมลรายล้อมไปด้วยศัตรูเขาจึงต้องป้องกันและเตรียมพร้อมเอาไว้เสมอ เมื่อรถคันดังกล่าวขับออกไปแล้ว กมลจึงให้ลูกน้องขับต่อเพื่อกลับบ้าน
Tru….Tru….Tru
เสียงโทรศัพท์ของรุธดังขึ้น ชายหนุ่มหยิบขึ้นมากดรับสาย
“อะไรนะ! ได้ๆ เดี๋ยวบอกนายให้ แค่นี้นะ” รุธพูดสายเสียงเครียด
“มีอะไรอีก” กมลถามขึ้น
“คนของเราที่ดูแลผับ S บอกว่า ผับถูกวางเพลิงครับ” รุธบอกกลับ นอกจากจะค้าอาวุธแล้ว กมลยังมีผับอีกหลายแห่ง และบางแห่งยังมีห้องสำหรับนักพนันระดับสูงอีกด้วย
“ทำไมมีแต่คนจ้องจะเผาธุรกิจของชั้นจังวะ ทำอย่างอื่นไม่เป็นกันรึไง” กมลบ่นด้วยท่าทีปกติ เพราะเขาค่อนข้างชินกับเรื่องแบบนี้เสียแล้ว
“แล้วรู้รึเปล่าว่าเป็นพวกไหน” กมลถามกลับไป
“เห็นคนของเราบอกว่ากล้องวงจรปิดตรงซอยด้านหลังผับจับภาพไว้ได้” รุธพูดบอก
“อืม งั้นพาชั้นไปที่ผับ S ก่อนล่ะกัน จะได้รู้ว่าเป็นพวกไหน” กมลพูดบอกด้วยท่าทีเรียบนิ่ง ไม่นานนักกมลก็มาถึงผับของตนเอง เมื่อไปถึงเพลิงได้ถูกดับไปแล้ว รถดับเพลิงกำลังจะเตรียมตัวกลับ
“สวัสดีครับคุณกมล” นายตำรวจที่ดูแลท้องที่เดินเข้ามาทักทายกมล เพราะว่าผับอยู่ในใจกลางแหล่งท่องเที่ยว
“สวัสดีครับสารวัตรประสาน” กมลทักทายกลับไป
“ผมทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุเบื้องต้นให้แล้วนะครับ ยังดีที่เพลิงลุกลามไปไม่มากนัก” สารวัตรวัยกลางคนพูดบอก
“แล้วคุณกมลจะจัดการยังไงต่อครับ” ประสานถามขึ้นเพราะรู้จักกับกมลดี
“เรื่องนี้ขอผมจัดการเองล่ะกัน ตำรวจมีงานต้องทำมากพออยู่แล้ว แค่คนวางเพลิงผมคงไม่รบกวนหรอกครับ” กมลบอกกลับไป ประสานยิ้มออกมานิดๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่ากมลจะต้องไม่ให้ตำรวจเข้ามายุ่งในเรื่องนี้
“ยังไงก็อย่าให้มีเรื่องราวใหญ่โตนะครับ และถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้เลย” ประสานพูดบอกกลับไป
“ขอบคุณครับ” กมลพูดขึ้น ก่อนที่ทางตำรวจจะเดินทางกลับโดยที่ไม่ต้องลงบันทึกประจำวันอะไรทั้งนั้น กมลเดินเข้าไปในผับของตนเองซึ่งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเปิดผับ ลูกน้องของกมลยืนกระจายกันอยู่ทั่วร้าน
“สวัสดีครับนาย” คนดูแลผับเดินเข้ามาหากมลทันที เมื่อเห็นกมลเดินเข้ามา
“เดี๋ยวคืนนี้แกประเมินความเสียหายภายในร้านแล้วส่งเอกสารทั้งหมดไปให้ชั้นที่บ้านด้วย” กมลพูดสั่ง พร้อมกับมองสำรวจไปรอบๆ
“ครับ” คนดูแลตอบรับทันที
“แล้วกล้องยังใช้งานได้ใช่มั้ย” กมลถามอีก
“ได้ครับ เชิญครับนาย” ลูกน้องของกมลรีบพากมลไปยังห้องทำงานที่ไม่ได้ถูกเผา หยิบโน้ตบุคออกมาเพราะไฟถูกตัดทั้งร้านเพื่อความปลอดภัย แต่โน้ตบุคยังมีไฟสำรองอยู่ ลูกน้องของกมลจัดการเซ็ทเครื่องอีกสักพัก ก่อนจะเปิดกล้องวงจรปิดแบบระบบออนไลน์ แล้วย้อนหลังให้กมลได้ดู กมลนั่งดูภาพตรงหน้าด้วยท่าทีนิ่งๆ
“หึ เล่นเร็วเหมือนกันนี่” กมลยกยิ้มมุมปากและพูดออกมาอย่างเยาะๆ เมื่อพอจะจำหน้าคนในภาพได้
“ลูกน้องของคุณเฉิน” รุธพูดขึ้นมาเพราะจำได้เช่นเดียวกัน
“ใช่ ไม่คิดว่าจะเอาคืนเร็วแบบนี้นะ” กมลพูดบอกออกมาโดยไม่ได้ตกใจหรือโกรธขึ้งแต่อย่างไร
“เค้าคงแค้นที่นายทำให้เค้าชวดเงินหลายล้าน ก็เลยมาหาทางตัดหนทางทำเงินของนายบ้างสินะครับ” รุธสันนิษฐานออกมา
“แน่อยู่แล้วล่ะ คนอย่างตาแก่นั่น จะคิดแผนซับซ้อนอะไรเป็น” กมลพูดบอก ก่อนจะหันไปหาคนดูแลผับ
“เอาเป็นว่า วันนี้ปิดร้านไปก่อน รอประเมินความเสียหายแล้วชั้นจะให้ช่างเข้ามาซ่อมแซม และในระหว่างนี้ ก็คอยตรวจตรา และระวังกันให้มากกว่าเดิมเข้าใจมั้ย” กมลพูดสั่งลูกน้องตนเองเสียงจริงจัง
“ครับ” คนดูแลตอบรับอย่างแข็งขัน ก่อนที่กมลจะกลับมาที่รถของตนเอง
“นายจะกลับบ้านเลยหรือว่าจะไปที่สำนักงานก่อนครับ” รุธถามขึ้น
“กลับบ้าน ชั้นบอกคิมไว้แล้วว่าจะกลับเร็ว” กมลพูดบอก รุธแอบยิ้มนิดๆ ถ้าเป็นปกติ กมลจะต้องไปที่สำนักงานแล้วจะกลับบ้านอีกทีก็ตอนมืดค่ำไปแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ป้านี ให้ผมช่วยนะครับ” คิมเดินเข้ามาในครัว หลังจากที่กลับมาจากห้างเมื่อช่วงบ่าย คิมก็ขึ้นไปนั่งทำงานบนห้อง ก่อนจะลงมาที่ห้องครัวในช่วงเย็น
“อย่าเลยค่ะคุณคิม เดี๋ยวตัวจะเหม็นกลิ่นน้ำมันเปล่าๆ” ป้านีบอกออกมาอย่างใจดี
“เหม็นก็อาบน้ำใหม่สิครับ ไม่เห็นจะยากเลย ทีใบบุญยังช่วยป้าได้เลย ทำไมผมถึงจะช่วยไม่ได้ล่ะครับ” คิมพูดอ้างขึ้นมา ป้านียิ้มนิดๆ
“ใบบุญน่ะเป็นแค่ผู้อาศัยและช่วยงานป้าที่นี่นะคะ แต่คุณคิมน่ะไม่ใช่” ป้านีพูดบอก
“ไม่รู้ล่ะ ผมอยากช่วย ผมไม่อยากอยู่เฉยๆ” คิมยังคงส่งเสียงอ้อนป้านีอยู่
“แต่ถ้าคุณกมลกลับมาเห็นเข้า ป้าจะโดนดุเอานะสิคะ” ป้านีก็หาข้ออ้างเช่นเดียวกัน
“คุณกมลเค้าไม่กล้าดุป้านีหรอก เชื่อผมสิ ใครกล้าว่าป้านีนะ ผมจะจัดการเอง” คิมพูดยิ้มๆ ป้านีส่ายหน้าไปมาอย่างขำๆ
“ก็ได้ค่ะ ก็ได้ งั้นไปช่วยใบบุญเด็ดใบโหระพากับใบกระเพรานะคะ” ป้านีบอกออกมาอย่างจำยอมเมื่อเจอลูกดื้อของคิมเข้าไป คิมยิ้มกว้างก่อนจะไปช่วยใบบุญ
“แล้วดากับไหมล่ะครับ” คิมถามถึงหญิงสาวอีกสองคน
“ดากับไหมพับผ้าอยู่ในห้องเล็กหลังบ้านน่ะค่ะ อีกสักพักก็คงเข้ามาในครัว” ป้านีบอกกลับ คิมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะนั่งช่วยใบบุญไปเรื่อยๆ พอดากับไหมกลับเข้ามาช่วย คิมก็ขอดึงตัวใบบุญไปนั่งคุยกับตนเองที่ห้องนั่งเล่น ทั้งสองคนนั่งคุยกันไปสักพักเสียงรถของกมลก็ขับเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านใหญ่
“ไม่ออกไปรับคุณกมลเหรอฮะพี่คิม” ใบบุญถามขึ้น
“รับทำไม นี่บ้านเค้านะ เดี๋ยวเค้าก็เดินเข้ามาเองแหละ” คิมตอบกลับ แต่สายตาก็มองไปที่ประตูทางเข้าห้องนั่งเล่น
..
..
..
..
“คิมล่ะ” กมลถามหาคิมหลังจากลงจากรถเรียบร้อย และมีคมมายืนรอรับพร้อมกับกิจ
“อยู่ด้านในครับ นั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่นกับใบบุญ” คมเป็นคนตอบ
“รู้เรื่องผับแล้วใช่มั้ย” กมลถามคมขึ้นเสียงเรียบ
“รู้แล้วครับ” คมตอบรับ เพราะทางสำนักงานโทรมาแจ้งข่าวให้ทุกคนรับรู้
“อืม เดี๋ยวเราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที” กมลตอบกลับ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านโดยมีคมและกิจเดินตามเข้าไป กมลเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะยิ้มนิดๆเมื่อเห็นคิมกำลังมองมา และเมื่อเห็นกมลเดินเข้ามา คิมก็แสร้งหันหน้าไปทางอื่น
ฟอด…
“คุณกมล!” คิมหันมาเรียกกมลเสียงดุ เมื่อร่างแกร่งนั่งลงบนโซฟาเดียวกับคิมแล้วหอมแก้มใสด้วยความคิดถึง ต่อหน้าใบบุญและลูกน้อง ใบบุญรีบก้มหน้างุด
“อะไร” กมลถามกลับทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง
“ทำอะไรหัดดูบ้างสิครับ ใบบุญนั่งอยู่ด้วยนะครับ” คิมพูดว่าออกมาเสียงขุ่นแต่ใบหน้าเนียนก็ขึ้นสีระเรื่อ กมลโอบเอวคิมเอาไว้
“เมื่อกี้เห็นอะไรรึเปล่าใบบุญ” กมลหันไปถามเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว ใบบุญเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่ายหน้าระรัว จนคนที่เห็นอดที่จะยิ้มตามกับความน่ารักของใบบุญเสียไม่ได้
“ไม่เห็นอะไรเลยฮะ” ใบบุญรีบพูดบอก
“เห็นมั้ย ใบบุญยังไม่เห็นอะไรเลย” กมลตอบกลับยิ้มๆ ทำให้คิมหน้ามุ่ยไปนิด
“เดี๋ยวใบบุญไปเอาน้ำมาให้นะฮะ” เด็กหนุ่มพูดบอกอย่างนึกได้ ก่อนจะรีบลุกเดินเข้าไปในครัว โดยมีคมเดินตามไปช่วยด้วย
“นายครับ วันนี้..” กิจที่ยืนอยู่กำลังจะพูดบางอย่างต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของคิมที่มองมาอย่างปรามๆ เพราะรู้ดีว่ากิจจะพูดเรื่องอะไร
“มีอะไร” กมลถามเสียงเรียบ
“คุณคิมครับ ผมต้องรายงานนายนะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” กิจพูดบอกออกมา เพราะไม่อยากให้คิมไม่พอใจตนเองเหมือนกัน
“พูดมากิจ” กมลคาดคั้น
“คือ วันนี้นายดนัยเข้ามาก่อกวนคุณคิมนิดหน่อยน่ะครับ” กิจพูดบอกออกมา ทำให้กมลขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แล้วมันได้ทำอะไรรึเปล่า” กมลถามพร้อมกับหันไปมองหน้าคิม
“ไม่ได้ทำครับ แต่ผมว่านายดนัยต้องรับรู้บ้างแล้วว่าคุณคิมกับนายมีความสัมพันธ์กันยังไงน่ะครับ” กิจพูดบอก
“หึ มันกล้ามากนะที่มาวุ่นวายกับคนของชั้นน่ะ” กมลพูดบอกออกมาอย่างเยาะๆ
“มันก็ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ไม่เห็นจะต้องสนใจอะไรเลย” คิมพูดขัดขึ้นมา
“ไม่สนไม่ได้ เพราะนายเป็นเมียชั้น ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับนาย” กมลพูดเสียงเข้ม
“หวงจังเลยนะ ถ้าไม่อยากให้ใครมายุ่งกับผม ก็ไม่จับขังไว้เลยล่ะ” คิมพูดประชดออกมา
“ก็ดีเหมือนกันนะ” กมลแกล้งพูดกลับ ทำให้คิมหันมามองกมลตาขวาง แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ใบบุญก็เดินออกมาพร้อมกับคมที่ถือถาดใส่แก้วน้ำมาด้วย
“ไงคม เปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นพ่อบ้านแล้วเหรอ” กมลแกล้งถามลูกน้องคนสนิทของตนเอง
“เปล่าหรอกครับ ผมกลัวว่าใบบุญจะเดินสะดุดล้มหน้าคว่ำไปซะก่อน” คมพูดบอกออกมา
“ใบบุญบอกว่าถือเองได้ พี่คมก็ไม่เชื่อ” เด็กหนุ่มบอกเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะหยิบแก้วน้ำในถาดทั้งสองแก้วมาวางไว้ให้กมลกับคิม
“ขอบใจนะ” กมลตอบกลับพร้อมกับยกน้ำขึ้นมาดื่ม
“เดี๋ยวถ้าจะกินข้าวเย็นเมื่อไร ค่อยเดินไปเรียกชั้นที่ห้องทำงานนะคิม ชั้นจะคุยเรื่องงานสักพัก” กมลพูดบอกกับคิม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับคมและกิจ เพื่อให้ตามเข้าไปในห้องทำงาน ก่อนจะลุกไป กมลก็หอมแก้มคิมอีกครั้ง ต่อหน้าใบบุญและลูกน้องตนเองเช่นเคย
“คุณกมล!!” คิมได้แต่เรียกกมลด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ที่กมลมาหอมแก้มตนเองต่อหน้าใบบุญอีกแล้ว กมลได้แต่ยิ้มรับก่อนจะได้ไปที่ห้องทำงาน ส่วนคิมก็หันมามองใบบุญอย่างขัดเขิน ใบบุญเองก็ไม่กล้าพูดอะไรเช่นเดียวกัน
..
..
..
..
เมื่อได้เวลาอาหารเย็น คิมก็เดินไปที่ห้องทำงานของกมล เพื่อตามอีกฝ่ายมากินข้าวอย่างเสียไม่ได้ เมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานคิมก็เคาะประตูตามมารยาท เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านใน คิมก็เปิดประตูเข้าไป บรรยากาศภายในห้องทำงานค่อนข้างซีเรียสนิดหน่อย เพราะดูจากสีหน้าเคร่งเครียดของคม กิจ รุธ ส่วนกมลพอเห็นว่าเป็นคิม ก็ผ่อนคลายอารมณ์ลงมาหน่อย
“มีอะไรเหรอคิม” กมลถามขึ้น
“ป้านีตั้งโต๊ะแล้ว” คิมพูดบอก
“อืม พวกแกออกไปพักก่อนไป เจอกันตอนกลางคืน” กมลพูดขึ้น ก่อนที่ลูกน้องทั้งสามคนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน ส่วนคิมก็ทำท่าจะเดินตามกลุ่มของคมออกบ้าง
“เดี๋ยวสิคิม” กมลเรียกขึ้นขณะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงาน คิมหันไปมองนิดๆ
“มีอะไรครับ” คิมถามกลับ
“มาหาชั้นหน่อย” กมลเรียกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คิมถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ยอมเดินเข้าไปหากมลแต่โดยดี กมลดึงคิมให้นั่งลงบนตักแกร่งแล้วซุกหน้าลงไปบนไหล่บางของคิมพร้อมกับสูดดมความหอม
“ขอเติมพลังหน่อยนะ” กมลบอกกลับ
“จะเติมพลังก็ไปกินข้าวสิครับ มานั่งหอมผมมันไม่ได้ทำให้พลังงานกลับคืนมาได้หรอกนะ” คิมพูดบอกออกมา แต่ก็รู้สึกวูบไหวในใจไม่น้อยเมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยๆของกมล
“ชั้นหมายถึงพลังทางจิตใจตะหากล่ะ” กมลพูดบอกยิ้มๆ พร้อมกับซุกไซร้ซอกคอขาวของคิมที่นั่งอยู่บนตักแกร่งของตนเอง
“คุณกมล ผมหิวข้าวแล้วนะ” คิมที่หดคอหนีด้วยความขนลุกรีบชวนให้กมลไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ก่อนที่กมลจะเปลี่ยนใจมากินคิมเสียก่อน กมลยิ้มนิดๆ เพราะรู้ทันคิม
“เริ่มจะชินกับบ้านนี้รึยัง” กมลถามขึ้นเสียงจริงจัง ทำให้คิมนิ่งไปนิด
“จะให้ชินได้ไง ก็ที่นี่ไม่ใช่บ้านผม” คิมบอกเสียงอ้อมแอ้ม พร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่น
“ทำไมจะไม่ใช่ บ้านของชั้นก็คือบ้านของนาย มันเป็นบ้านของเราสองคนนะคิม” กมลพูดบอกออกมา
“เมื่อกี้ผมได้ยินคุณสั่งลูกน้องคุณให้มาเจอกันคืนนี้ จะไปไหนกันเหรอ” คิมเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“ชั้นจะเข้าไปดูผับของชั้นสักหน่อยน่ะ” กมลพูดบอกออกมา เพราะเขาจะไปดูผับอีกที่ ว่ามีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลหรือมีพวกของเฉินไปป้วนเปี้ยนบ้างรึเปล่า
“ไปผับเหรอ ผมไปด้วยสิ” คิมที่กำลังเบื่อๆ พูดขอขึ้นมา
“ไม่ได้” กมลตอบทันที ทำให้คิมขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ทำไมถึงไปไม่ได้ ให้ผมอยู่กับบ้าน ผมก็เบื่อเป็นอะไรเป็นนะคุณกมล” คิมเถียงขึ้นมาทันที
“วันนี้ก็ออกไปห้างแล้วไง” กมลบอกกลับ
“อีกอย่างชั้นไปเรื่องงานไม่ได้ไปเที่ยว” กมลบอกให้ร่างบางเข้าใจ คิมเม้มปากเข้าหากัน
“ใช่สิ ผมขัดใจอะไรคุณไม่ได้อยู่แล้วนี่” คิมพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อออกมา พร้อมกับดันตัวจะลุกขึ้นจากตักแกร่งของกมล แต่กมลก็กอดรัดเอาไว้แน่นไม่ยอมให้ลุก
“ไม่เอาน่าคิม อย่าเป็นแบบนี้สิ” กมลพูดง้อเมื่อเห็นท่าทีของคิม คิมนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
“ถ้านายไปกับชั้น นายก็จะยิ่งเบื่อน่ะสิ” กมลหาข้ออ้าง เพื่อให้คิมเปลี่ยนใจไม่อยากไป
“ผมหิวข้าวแล้วล่ะ” คิมพูดบอกออกมา ทั้งๆที่ไม่หันมามองหน้ากมลเลยสักนิด กมลถอนหายใจออกมาเบาๆ
“งั้นไปกินข้าวกันก่อน แล้วค่อยคุยกันอีกทีล่ะกัน” กมลบอกกลับ เพราะเขาไม่อยากให้คิมปวดท้องเพราะกินข้าวไม่ตรงเวลา พอกมลปล่อยให้คิมเป็นอิสระ ร่างบางก็ลุกเดินออกจากห้องทำงานของกมลโดยไม่รอกมลเลยสักนิด กมลได้แต่เดินตามหลังไป เมื่อไปถึงห้องทานอาหาร ก็เห็นคิมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ป้านี ใบบุญล่ะ” กมลถามหาใบบุญที่มักจะมาทานข้าวกับคิมและกมลอยู่บ่อยๆ
“ใบบุญทานในครัวเรียบร้อยแล้วค่ะคุณกมล เชิญคุณกมลกับคุณคิมตามสบายเลยค่ะ” ป้านีบอกกลับ กมลหันไปมองหน้าคิมก็เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าบึ้งกว่าเดิม คนที่จะช่วยให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารคลี่คลายลงได้อย่างใบบุญก็ไม่ได้มาร่วมโต๊ะซะงั้น
“งั้นตักข้าวเลยป้านี” กมลพูดบอก ป้านีตักข้าวใส่จานให้กมลกับคิม ทั้งสองนั่งกินกันอย่างเงียบๆ พอคิมกินได้ไม่ถึงครึ่งจานก็หยิบแก้วน้ำมาดื่ม
“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” คิมพูดบอกแค่นั้น ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทันที ทำให้กมลรู้แล้วว่าร่างบางกำลังเล่นสงครามเย็นกับตนเอง
“เอ่อ…คุณกมลคะ คุณคิมพึ่งทานไปได้นิดเดียวเอง” ป้านีที่ยืนอยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าคิมลุกออกไปจากโต๊ะอาหารแล้ว
“ป้านีเก็บอาหารเอาไว้ก่อนล่ะกัน” กมลพูดบอกก่อนจะลุกตามคิมไปเช่นเดียวกัน ปล่อยให้ป้านีได้แต่ยืนมองอย่างงงๆ กมลเดินตามคิมไปทางหลังบ้าน เห็นหลังร่างบางเดินตรงไปยังกรงเสือ ทำให้กมลรีบวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าลูกน้องของกมลจะอยู่แถวๆนั้น แต่กมลก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
“คิม!” กมลเรียกคิมเสียงดังลั่น ทำให้คิมหันมามองด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“จะไปไหน” กมลถามขึ้นอีก
“ทำไมครับ ผมออกมาเดินเล่นก็ไม่ได้งั้นเหรอ” คิมถามประชด
“แล้วนายจะเดินไปไหน” กมลถามเสียงเครียด
“ผมอยากไปดูเจ้าคลีโมกับเจ้าวิปครีม ได้รึเปล่าล่ะครับ หรือว่าไม่อนุญาต” คิมถามกลับไปบ้าง
“แต่นายกินข้าวไปนิดเดียวเองนะ” กมลพูดบอกอย่างเป็นห่วง ตอนนี้คิมหยุดเดินแล้วหันมามองหน้ากมล ส่วนกมลก็เดินตรงเข้าไปหาคิม
“……………..” คิมไม่พูดอะไร กมลเดินเข้าใกล้ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแก้มใส คิมไม่ได้หันหลบแต่อย่างไร
“อย่าประชดชั้นแบบนี้ ชั้นเป็นห่วงนายนะ รู้มั้ย” กมลบอกกลับเสียงทุ้ม คิมก็ยังนิ่งเงียบเหมือนเดิม
“เฮ้อ ตกลงจะไปให้ได้ใช่มั้ย” กมลถามเพราะรู้ถึงสาเหตุที่คิมเป็นอย่างนี้ดี
“ถ้าคุณไม่อยากให้ไป ผมก็ไม่ไปหรอกครับ” คิมบอกออกมาอีก ซึ่งกมลก็รู้ว่าคิมพูดประชด
“โอเคๆ ชั้นยอมแล้ว ชั้นพานายไปด้วยก็ได้” กมลบอกออกมาอย่างจำยอม
“อย่าเลยครับ ผมไม่อยากให้คุณต้องลำบากใจ” คิมพูดบอกเสียงเรียบ กมลยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามากอดแล้วโยกตัวไปมา
“อย่างอนนักสิ ชั้นยอมให้ไปแล้วไง เด็กดื้อ” กมลพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำให้คิมที่ถูกกอดให้ซบหน้าอยู่กับไหล่แกร่งแอบอมยิ้มนิดๆ
“แต่ถ้าไปแล้ว นายห้ามอยู่ห่างจากชั้น ตกลงมั้ย” กมลยื่นข้อเสนอ คิมพยักหน้ารับช้าๆ
“แล้วต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังชั้นด้วย” กมลบอกอีก
“รู้แล้วน่า” คิมรับคำออกมา ก่อนที่กมลจะดันร่างบางของคิมออกช้าๆ คิมรีบปรับสีหน้าให้นิ่งเหมือนเดิม
“งั้นไปกินข้าวกันต่อดีมั้ย นายกินไปนิดเดียวเอง” กมลบอกออกมาด้วยความเป็นห่วง
“ผมอยากไปดูเจ้าวิปครีมกับเจ้าคลีโมก่อนได้รึเปล่าครับ” คิมเอ่ยถาม เมื่อตนเองบรรลุเป้าหมายในการทำให้กมลยอมพาตนเองไปที่ผับคืนนี้ด้วยได้แล้ว
“นึกยังไงถึงอยากไปดู ไม่กลัวมันตะปบเอารึไง” กมลถามขึ้น
“ก็ผมยังเห็นมันไม่ชัดเลยนี่ครับ ผมว่าจะเข้ามาดูหลายครั้งแล้ว แต่ลูกน้องคุณไม่ยอมให้ผมเข้ามาสักที” คิมพูดบอกออกมา
“แล้วอีกอย่าง คุณจะยอมให้ผมถูกตะปบมั้ยล่ะ” คิมพูดดักขึ้นมา กมลส่ายหน้าไปมายิ้มๆ
“ก็ได้ ชั้นจะพาเข้าไปดูล่ะกัน” กมลบอกกลับ ทำให้คิมคลี่ยิ้มออกมาได้บ้าง ก่อนที่กมลจะจับมือคิมให้เดินตามตนเองเข้าไป พอเข้าไปถึงกมลก็ให้คิมยืนห่างจากกรงส่วนกมลเองก็เดินไปที่กรงเหล็ก
“คลีโม วิปครีม” กมลเรียกชื่อของเสือทั้งสองตัว ก่อนจะเป่าปากส่งสัญญาน โดยมีคิมยืนมองอย่างลุ้นๆ ไม่นานนักเสือเบงกอลขาวสองตัวก็เดินตรงมาที่ขอบกรง ตรงที่กมลยืนอยู่
“คุณกมล คุณไม่ถอยออกมาล่ะ” คิมรีบถามขึ้น เมื่อเห็นกมลยืนอยู่ที่เดิม กมลส่ายหน้ายิ้มๆ เสียงคำรามของเสือทั้งสองดังอยู่ในลำคอ
“มันเป็นสัตว์เลี้ยงของชั้นนะ นายลืมไปแล้วเหรอคิม” พอกมลพูดจบ ก็ยื่นมือเข้าไปในกรง คิมเกือบจะร้องห้ามออกมาแล้ว ถ้าไม่เห็นว่าเสือตัวหนึ่งกำลังก้มหัวให้กมลลูบหัวของมันด้วยท่าทีสงบนิ่ง ส่วนอีกตัวก็นอนลงเอาหัวพิงกรงซึ่งขาของกมลยืนติดอยู่ตรงนั้นพอดี
“ค่อยๆเดินเข้ามาสิคิม” กมลร้องเรียก คิมยืนลังเล
“ชั้นไม่ยอมให้มันทำอะไรนายหรอกน่า” กมลบอกอีก เมื่อเห็นท่าทีของคิม คิมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหากมลช้าๆ กมลเอื้อมมืออีกข้างมารั้งเอวบางของคิมให้ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด
“ตัวนี้ชื่อวิปครีม ตัวมันจะเล็กกว่าเจ้าคลีโม” กมลพูดถึงตัวที่ตนเองกำลังลูบหัวอยู่ ซึ่งท่าทางของเสือทั้งสองตัว ต่างจากตอนที่คิมเจอวันแรกลิบลับ
“นายมองเข้าไปในดวงตาของมันนะคิม มองแล้วสื่อให้มันรับรู้ว่า นายไม่ทำร้ายมัน” กมลพูดบอกก่อนจะใช้มือที่ลูบหัววิปครีม ดึงขนให้วิปครีมเงยหน้ามามองคิม พอเห็นคนแปลกหน้าวิปครีมก็คำรามในลำคอแต่ไม่ดังมากนัก คิมสะดุ้งเล็กน้อย
“อย่าทำให้มันรู้ว่า นายกำลังกลัวมันสิคิม นิ่งเข้าไว้” กมลสอนอีก คิมหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติแล้วมองเข้าไปที่ดวงตาของวิปครีม ที่กำลังจ้องมาที่คิมเขม็งพร้อมกับส่งเสียงคำราม คิมมองวิปครีมจากจิตใต้สำนึกของตนเองว่าไม่ทำร้ายมันแน่นอน คิมค่อนข้างจะตื่นเต้นและอยากสัมผัสเสือตัวเป็นๆแบบนี้มานานแล้ว กมลปล่อยให้คิมจ้องตากับวิปครีมไปสักพัก ก่อนที่คิมจะรู้สึกได้เองว่า ดวงตาของวิปครีมอ่อนลงกว่าตอนแรกและเสียงคำรามในลำคอก็หายไปด้วยเหมือนกัน กมลยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เอื้อมมือออกมา ใช้ดวงตาบอกมันว่า นายอยากสัมผัสมัน และนายจะสัมผัสมันด้วยความอ่อนโยน” กมลพูดบอกออกมาอีก คิมก็ทำตามอย่างที่กมลบอกในทันที มือบางค่อยๆเอื้อมไปหาวิปครีมช้าๆ ส่วนกมลก็คอยหันไปมองคลีโมที่นอนคำรามอยู่ด้วยสายตาแข็งกร้าว เพื่อไม่ให้คลีโมทำอะไรคิม ในขณะที่คิมกำลังเชื่อมความสัมพันธ์กับวิปครีมอยู่ คิมเลื่อนมือเข้าไปหาวิปครีมช้าๆ……
ฟุบ….
รอยยิ้มของคิมกว้างขึ้นมาทันที เมื่อเอามือไปวางไว้บนหัวของวิปครีมโดยที่วิปครีมไม่มีอาการต่อต้านแต่อย่างไร คิมค่อยๆลูบหัว ของวิปครีมอย่างอ่อนโยน แล้วหันมาหากมลที่ยืนโอบเอวบางอยู่ข้างๆ
“คุณกมล ดูสิ วิปครีมยอมให้ผมจับแล้ว” คิมพูดบอกออกมาด้วยความดีใจ และยิ้มกว้างให้กับกมลจริงๆ
(ดูท่า แกจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ให้ชั้นกับคิมได้ดีกว่าที่ชั้นคิดเอาไว้นะเจ้าวิปครีม) กมลแอบคิดในใจ
2 Be Con
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โว้วววว ตอนนี้มาแบบป่วงๆ
แต่งไปลบไป แต่งไปลบไปหลายรอบมาก
แต่มันก็ออกมาป่วงอยู่ดีอ่ะเนอะ เหอเหอ
สารภาพเลยว่าตอนนี้ไม่ได้ตรวจหาคำผิด ใครเจอตรงไหนก็บอกด้วยนะคร่า