ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 19
Author: 여님 (ยอนิม)
เมื่อคุยงานกับเมย์เสร็จแล้ว หญิงสาวก็เดินออกไป คิมตรวจความเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานของตนเอง ก่อนจะเดินไปที่กมลซึ่งนอนหลับอยู่บนโซฟา ร่างบางนั่งลงตรงที่ว่างขอบโซฟา พร้อมกับมองใบหน้าคมคร้ามของกมล พร้อมกับยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงตอนที่รุ่นน้องสาวพูดชมกมลก่อนหน้านี้
//น่าหมั่นไส้นัก คิดว่าหล่อรึไง// คิมพูดพึมพำเบาๆ แต่ใบหน้าก็เปื้อนยิ้ม ก่อนจะมองไปที่แขนของร่างแกร่ง แล้วลูบไปตรงตำแหน่งที่ถูกคานหล่นลงมาทับ
//ทำอะไรไม่ระวังเลย แล้วแบบนี้จะดูแลตัวเองรอดจากอริได้ไงกัน// คิมอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาอีก
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่รอดอย่างน้อยก็ตายตาหลับที่ได้เห็นนายห่วงใยชั้นแบบนี้” เสียงทุ้มของกมลดังขึ้น ทำให้คิมร้อนหน้าวูบวาบ เมื่อเห็นสายตาคมของกมลมองมาที่ตนเอง ซึ่งคิมก็ไม่รู้ว่ากมลตื่นตั้งแต่ตอนไหน
เพียะ!
“ตื่นแล้วก็ลุกสิครับ จะได้กลับ” คิมตีไปที่หน้าท้องของกมลกลบเกลื่อนความเขินแล้วรีบลุกขึ้นยืนหันหลังให้กมลทันที ใบหน้าร่างบางร้อนวูบ หน้าเนียนและหูนิ่มขึ้นสีระเรื่อ กมลที่ไม่ได้สะทกสะเทือนกับฝ่ามือคิมสักเท่าไร ขำในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นอาการเขินของคิม ก่อนจะขยับลุกขึ้นนั่ง
“เขินรุนแรงนะนายน่ะ” กมลพูดบอกออกมาพร้อมกับบิดตัวบิดคอไล่ความเมื่อยขบ คิมหันมามองตาขวางอย่างดุๆ ที่กมลแซวตนเอง กมลยิ้มกริ่ม แล้วลุกขึ้นยืน
“งานเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” กมลถามขึ้น
“ครับ เรียบร้อยแล้ว” คิมตอบกลับ กมลพยักหน้ารับ
“งั้นเราไปหาข้าวเย็นกินกันดีมั้ย วันนี้อยากทานข้าวนอกบ้านรึเปล่า” กมลถามอย่างเอาใจ คิมนิ่งคิดพร้อมกับส่ายหน้า
“ไม่เอาครับ กลับไปกินที่บ้านดีกว่า เรื่องของคุณเองก็ยังไม่ซาเลยไม่ใช่รึไง อยากออกไปเป็นเป้าให้คนอื่นเค้าจัดการงั้นเหรอ” คิมถามเสียงเครียดนิดๆ
“หึหึ ชีวิตชั้นมันก็เป็นเป้าทุกที่แหละคิม ถ้าคนมันคิดจะเล่นงานชั้น เล่นงานที่ไหนมันก็ทำได้ แล้วแต่โอกาสจะอำนวย หรือแล้วแต่ว่าชั้นเปิดช่องว่างให้พวกมันมากแค่ไหน” กมลบอกออกมาเสียงเรียบ คิมมองหน้ากมลนิ่งๆ
“แล้วเรื่องที่ผมเคยขอเอาไว้ล่ะครับ” คิมถามกลับ ในเรื่องที่อยากให้กมลวางมือเกี่ยวกับเรื่องนี้ กมลหน้านิ่งไปนิด
“ชั้นบอกแล้วไง ว่าขอเวลาอีกหน่อย มันไม่ใช่ว่าจะเลิกกันได้ง่ายๆหรอกนะคิม ขึ้นหลังเสือแล้ว เวลาจะลงมันลำบาก ถ้าไม่ตกหลังเสือคอหักตายก็ถูกเสือกัดตาย ชั้นต้องมั่นใจก่อนว่าเสือที่ชั้นขึ้นอยู่มันจะยอมให้ชั้นลงง่ายๆ” กมลพูดบอกเป็นนัยออกมา ซึ่งคิมเองก็รับรู้ในสิ่งที่กมลจะสื่อ
“แต่ผมว่าไม่น่ายากหรอกมั้ง ขนาดเจ้าคลีโมกับเจ้าวิปครีม คุณยังกำราบมันซะเชื่องเลย เสือตัวอื่นก็คงไม่ยากสักเท่าไร” คิมแกล้งพูดเล่นมุกออกไป ทำให้กมลยิ้มขำ ก่อนจะรั้งเอวบางของคิมเข้ามาหาตนเอง คิมร้อนหน้าวูบเมื่อกมลกอดคิมจนช่วงล่างแนบชิดกัน มือบางของคิม ก็ยกขึ้นมาวางบนอกแกร่งของกมล
“แล้วเสือน้อยตัวนี้ล่ะ หืม ตอนนี้เชื่องกับชั้นแล้วรึยัง” กมลถามเสียงนุ่ม คิมเม้มปากเข้าหากัน ใบหน้าขึ้นสี มือไม้ไม่รู้จะไปวางไว้ไหนเพราะรู้สึกขัดเขินจึงได้แต่ลูบคอเสื้อ ลูบไหล่ของร่างแกร่งไปมา
“แล้วแต่โอกาส แล้วแต่สถานการณ์ว่าจะเชื่องเวลาไหน” คิมตอบเสียงอุบอิบ กมลยิ้มรับนิดๆ ก่อนจะก้มไปประทับจูบที่กลีบปากบาง คิมไม่ได้หันหน้าหนีแต่อย่างไร กลีบปากเรียวบางเผยอรับริมฝีปากอุ่นอย่างรู้หน้าที่ ลิ้นร้อนไล่เลียริมฝีปากของคิม กระตุ้นให้ร่างบางเปิดปากขึ้นน้อยๆ ก่อนที่ลิ้นร้อนจะทำหน้ที่ชิมความหวานจากภายใน ปลายลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวพันหยอกล้อกัน มือเรียวของคิมโอบรอบคอร่างแกร่งเอาไว้ มือของกมลก็กอดเอวบางเอาไว้แน่นเหมือนกัน
“อืมมม” เสียงครางหวิวในลำคอของคิมดังขึ้น เมื่อรู้สึกวาบหวามในอก ยามที่ลิ้นร้อนของกมลดุนดันลิ้นเล็กของตนเอง บทจูบเป็นไปอย่างนุ่มนวลสลับกับหนักหน่วงในคราเดียวกัน ทำให้คิมรู้สึกเหมือนตัวเองจะลอยได้ เมื่อได้ชิมความหวานอย่างพอใจแล้ว กมลก็ค่อยๆถอนริมฝีปากออกมา แล้วกดจูบย้ำอยู่อย่างนั้นสองสามครั้ง ดวงตาคมกริบจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยของคิมฉายแววความรู้สึกรักและต้องการออกมาอย่างไม่ปิดบัง ทำให้คิมร้อนไปทั้งร่างกาย
“กะ..กลับบ้านกันเถอะครับ” คิมบอกเสียงอ้อมแอ้ม กมลยิ้มรับอ่อนๆ ก่อนจะพยักหน้า
“ไปสิ ป่านนี้ใบบุญลูกชายนายรอนายกลับจะแย่แล้วมั้ง” กมลแกล้งพูดแซวขึ้น คิมทุบอกร่างแกร่งไปไม่แรงมากนัก โทษฐานที่แซวตนเองเรื่องของใบบุญ ก่อนที่กมลจะโอบเอวบางของคิมพาเดินออกมาจากห้องทำงานของคิมเอง ส่วนลูกน้องของกมล เมื่อเห็นเจ้านายทั้งสองเดินออกมาจากห้องทำงานก็รีบลุกเพื่อเตรียมตัวกลับเช่นเดียวกัน
“พี่กลับก่อนนะเมย์ พวกเราก็ไม่ต้องอยู่เย็นมากล่ะ” คิมพูดกับรุ่นน้องสาวที่ยืนอยู่นอกห้อง ทุกคนพยักหน้ารับ พร้อมกับยกมือไหว้คิมกับกมล ก่อนที่กมลจะพาคิมออกไปจากสำนักงานแล้วตรงไปที่รถเพื่อกลับบ้าน
..
..
..
..
..
“ป้านี ใบบุญล่ะครับ” คิมที่กลับมาถึงบ้าน เดินเข้าไปถามหาใบบุญกับยายของเด็กหนุ่ม ส่วนกมลก็เดินแยกไปที่ห้องทำงานของตนเอง
“กำลังหัดขี่จักรยานกับคมอยู่หลังบ้านน่ะค่ะ โตป่านนี้แล้วยังขี่จักรยานไม่เป็นเลย” ยายของใบบุญตอบกลับยิ้มๆ เพราะว่าคมแยกจากกมลไปรับใบบุญกลับบ้านก่อน ตอนที่กมลแยกไปหาคิมที่สำนักงานเช่นเดียวกัน คิมยิ้มรับนิดๆ แล้วเดินไปทางหลังบ้าน แต่พอเดินออกจากประตูหลังบ้านก็พบหญิงสาวยืนหลบมุมมองไปที่สนามหลังบ้านอยู่
“มาทำอะไรตรงนี้เหรอไหม” เสียงของคิม ทำให้หญิงสาวสะดุ้งนิดๆ แล้วหันมาหาคิมในทันที
“เอ่อ..ไหมออกมายืนพักน่ะค่ะ คุณคิมจะรับอะไรรึเปล่าคะ” หญิงสาวถามกลับทันที คิมมองเลยไปทางที่หญิงสาวยืนมองอยู่เมื่อสักครู่ก็พอจะเข้าใจว่าหญิงสาวมายืนทำอะไร
“ไม่ล่ะ ขอบใจมาก ไหมเข้าไปช่วยป้านีทำงานเถอะ” คิมพูดด้วยน้ำเสียงปกติแล้วยิ้มให้กับไหมอ่อนๆ หญิงสาวยิ้มรับพร้อมกับก้มหัวนิดๆ ทำท่าจะเดินสวนคิมเข้าไปในครัว
“ดูอย่างเดียวนะ อย่าแตะต้อง ของแบบนี้มันปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะ” คิมพูดขึ้นลอยๆ ทำให้หญิงสาวชะงักกึก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หญิงสาวรีบเดินเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว ส่วนคิมก็เดินไปหาคมกับใบบุญที่กำลังหัดขี่จักรยานอยู่ที่สนามหญ้าด้านหลังบ้าน เมื่อเห็นคิมเดินเข้ามา ใบบุญก็ยิ้มกว้างพร้อมกับลงจากจักรยานแล้ววิ่งเข้ามาหา
“พี่คิม พี่คมกำลังสอนใบบุญขี่จักรยานฮะ” ใบบุญพูดบอกยิ้มๆ
“แล้ววันนี้ไม่มีการบ้านเหรอ” คิมถามขึ้นพร้อมกับยิ้มกลับไป
“ไม่มีฮะ ใบบุญทำเสร็จตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว วันนี้โรงเรียนเลิกเร็ว ใบบุญเลยนั่งทำการบ้านจนเสร็จเลย” เด็กหนุ่มบอกกลับ
“วันนี้อาจารย์ที่โรงเรียนของใบบุญที่ประชุมช่วงเย็นน่ะครับ ก็เลยปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านเลย แต่ใบบุญไม่โทรบอกผมว่าเลิกเร็ว แต่นั่งรอจนผมไปรับนั่นแหละครับ” คมได้ทีพูดฟ้องคิมขึ้นมา คิมหันมามองใบบุญด้วยสายตาดุๆนิดๆ ในขณะที่ใบบุญหน้าจ๋อยลง
“ทำไมไม่โทรบอกพี่คมล่ะใบบุญ แล้วนั่งรออยู่ในโรงเรียนคนเดียวเนี่ยนะ” คิมถามขึ้นทันที
“ก็ ใบบุญไม่อยากรบกวนพี่คมนี่ฮะ พี่คมต้องทำงาน แต่ก็ต้องไปรับใบบุญด้วย ใบบุญไม่อยากรบกวนเวลางานของพี่คม” เด็กหนุ่มบอกเสียงอ่อยๆ
“แต่ใบบุญไม่ได้อยู่คนเดียวนะฮะ นักเรียนคนอื่นๆเค้าก็ยังอยู่ในโรงเรียนกันด้วย อีกอย่างเพื่อนของใบบุญก็มานั่งทำการบ้านรอกับใบบุญด้วยเหมือนกัน” เด็กหนุ่มรีบพูดอธิบาย เพราะไม่อยากถูกคิมดุ
“ทีหลังถ้าเลิกเร็วก็ให้โทรบอกพี่หรือไม่ก็โทรบอกพี่คมรู้มั้ย หรือถ้าอยากจะไปเที่ยวกับเพื่อนหลังเลิกเรียนก็ให้บอก ไม่มีใครเค้าว่าอะไรหรอก” คิมบอกกลับเสียงนุ่มนวล ทำให้ใบบุญยิ้มรับออกมาได้ ก่อนที่คิมจะเงยหน้าไปหาคม
“แล้วหลังนายเป็นยังไงบ้างอ่ะคม เห็นคุณกมลบอกว่านายก็โดนด้วยเหมือนกัน” คิมถามขึ้นด้วยความไม่รู้ว่า ใบบุญยังไม่รู้เรื่องนี้
“โดนอะไรฮะ พี่คมเป็นอะไร” เด็กหนุ่มรีบหันไปถามคมในทันที คมยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง ในขณะที่คิมหน้าเหวอไปนิด
“เอ่อ…นายยังไม่ได้บอกใบบุญเหรอ” คิมถามกลับเสียงอ่อย คมพยักหน้ารับ และดูเหมือนคิมจะพูดแก้ตัวอะไรไม่ทันแล้ว เมื่อใบบุญผละจากคิมไปหาคมอย่างรวดเร็ว พร้อมกับซักถามเสียงสั่น
“แหะแหะ ชั้นว่า ชั้นเข้าไปหาคุณกมลดีกว่า โทษทีนะคม อ่อ เดี๋ยวคมกับใบบุญเข้าไปกินข้าวเย็นด้วยกันนะ” คิมพูดจบก็รีบชิ่งทันที ให้คมเป็นคนอธิบายกับใบบุญไปแทน คิมเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วตรงไปหากมลที่ห้องทำงานของกมลทันที
ก๊อกๆ
คิมเคาะประตูห้องทำงานของกมล ก่อนจะเปิดเข้าไป กมลละสายตาจากแล็ปท็อปของตนเองขึ้นมาก่อนจะพับลงเหมือนกับไม่อยากให้คิมเห็นบางอย่างบนจอ คิมเองก็สงสัย แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“มีอะไรรึเปล่า” กมลถามเสียงทุ้ม คิมยิ้มแหยก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของกมล
“ผมว่า ผมเป็นคนทำให้ใบบุญร้องไห้ล่ะ” คิมพูดขึ้นมาขำๆ กมลเลิกคิ้วอย่างงงๆ
“ทำอะไร” กมลถามกลับ
“ก็ผมไม่รู้นี่นา ว่าคมเค้ายังไม่ได้บอกใบบุญว่าโดนคานหล่นใส่ ผมก็ดันไปถามเค้าต่อหน้าใบบุญว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ทีนี้ล่ะเป็นเรื่องเลยครับ ทิ้งผมไปถามคมใหญ่เลย” คิมพูดเล่าออกมา กมลยิ้มรับพร้อมกับส่ายหน้านิดๆ
“ให้คมมันปลอบเองล่ะกัน น้องรักของมันเลยนี่” กมลพูดขึ้น คิมก็ยิ้มรับ
“อ่อ คิม นายบอกว่าอยากพาใบบุญไปเที่ยวพักผ่อนบ้างใช่มั้ย” กมลถามขึ้น คิมพยักหน้ารับ
“ครับ ทำไมเหรอครับ” คิมถามกลับไปอย่างสงสัย
“พอดีชั้นดูปฏิทินเห็นว่าศุกร์ที่จะถึงนี้เป็นวันหยุด ก็ว่าจะพานายกับใบบุญและคนอื่นๆไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง ไปกันเช้าวันศุกร์กลับวันอาทิตย์ นายว่าดีมั้ย แต่คงไปกันไม่ไกลหรอกนะ เพราะจะได้ไม่เหนื่อยกับการเดินทาง” กมลพูดบอก ทำให้คิมยิ้มกว้างออกมาในทันที
“จริงเหรอครับ คุณจะพาผมกับใบบุญไปเที่ยวจริงนะ” คิมถามออกมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ กมลพยักหน้ารับยิ่งทำให้คิมยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ไปครับ ดีครับ ใบบุญคงดีใจแน่ๆ ผมไปบอกใบบุญดีกว่า” คิมทำท่าจะลุกไป แต่ก็ต้องชะงักนั่งลงที่เดิม
“แต่ไปบอกตอนนี้คงไม่ดี ไม่รู้ว่าคมคุยบอกกับใบบุญรู้เรื่องรึยัง” คิมพูดเสียงอ่อยๆออกมาเมื่อนึกได้ว่าตอนนี้คมคงปลอบและอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ใบบุญฟังอยู่แน่ๆ กมลยิ้มรับ
“ตอนนี้น่าจะได้เวลาอาหารของเจ้าคลีโมกับวิปครีม นายอยากไปหาพวกมันมั้ย” กมลถามขึ้นเมื่อนึกได้ คิมตาวาวขึ้นมาอย่างสนใจพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงัก
“ไปครับไป ผมไม่ได้เจอพวกมันมาหลายวันแล้วนะ พวกมันคงลืมผมไปแล้วแน่ๆ แล้วแบบนี้ผมจะเข้าใกล้พวกมันได้มั้ย แล้วพวกมันจะทำอะไรผมรึเปล่า แล้ว.” คิมถามออกมาเป็นชุดจนกมลแอบขำกับท่าทีตื่นเต้นแบบเด็กๆของคิม ที่นานๆจะเผยออกมาตรงๆแบบนี้สักที
“ขำอะไรคุณกมล” คิมที่จับอาการของกมลได้ถามขึ้นมาเสียงเข้ม
“ไม่มีอะไร ก็แค่คิดว่า เวลานายตื่นเต้น น่ารักดีเท่านั้นเอง” กมลพูดบอก ทำให้คิมร้อนหน้าขึ้นมา รู้สึกขัดเขินเมื่อเผลอเผยความรู้สึกแบบเด็กๆออกไป
“พูดมาก ตกลงจะพาไปรึเปล่าครับ” คิมว่าเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะถามกลับไป
“ไปสิ” กมลตอบรับ พร้อมกับลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาหาคิม แล้วพาร่างบางเดินออกไปจากห้องทำงานพร้อมกัน
++++++++++++++++++++ 50% ++++++++++++++++++
กมลพาคิมเดินมายังกรงของคลีโมและวิปครีม ร่างบางเกาะแขนของกมลเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าเสือสองตัวจะยังจำตนเองได้หรือไม่
“จะให้อาหารมันนอกกรงหรือว่าจะลองเข้าไปกรงด้วยกัน” กมลถามขึ้น คิมมองเข้าไปในกรงอย่างลังเล แต่ก็ยังไม่เห็นเสือทั้งสองตัวในระยะสายตา
“ให้ข้างนอกก่อนดีกว่าครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะหงุดหงิดรึเปล่า ถ้าคนแปลกหน้าเข้าไปข้างใน” คิมบอกออกมาตามตรง เพราะคิมเองก็ยังไม่ชินกับเสือทั้งสองมากนัก ถึงแม้ว่าจะชอบมันมากก็ตาม
“แล้วแต่นายล่ะกัน” กมลบอกยิ้มๆ ก่อนจะมองหาลูกน้องตนเองที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น
“ลพ เจ้าลพ มานี่หน่อย” กมลเรียกลูกน้องตัวเอง ลพรีบวิ่งเข้ามาหากมลทันที
“ครับนาย” ลพขานรับ
“ให้อาหารเจ้าคลีโมกับวิปครีมรึยัง” กมลถามเสียงนิ่ง
“ยังเลยครับ รอพี่คมอยู่ แต่พี่คมยังไม่ว่าง” ลพบอกเสียงอ่อยๆ ซึ่งคิมก็พอจะรู้ว่าทำไมคมถึงไม่ว่าง
//สงสัยปลอบใบบุญอยู่แน่เลยคุณกมล// คิมกระซิบบอก กมลยิ้มนิดๆ
“งั้นไปเอาอาหารของเจ้าพวกนี้มาให้ชั้น เดี๋ยวชั้นจะให้มันเอง” กมลพูดบอก ลพก้มหัวรับคำสั่ง ก่อนจะไปเตรียมอาหารของเสือเบงกอลขาวทั้งสองตัวในทันที ลพกับลูกน้องของกมลอีกคน ยกถังใส่เนื้อสดเข้ามาให้ คิมเบ้หน้านิดๆ เพราะได้กลิ่นคาวของเนื้อ กมลยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าร่างบาง
“คุณให้อาหารมันแบบนี้ แล้วมันจะล่าเหยื่อเป็นเหมือนเสือตัวอื่นๆมั้ยอ่ะ คุณกมล” คิมถามขึ้นด้วยความอยากรู้
“สัญชาติญาณสัตว์กินเนื้อทุกตัว มันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วล่ะ อย่างตอนที่นายมาที่นี่ครั้งแรก นายก็เห็นแล้วนี่ ว่ามันล่าเป็นรึเปล่า” กมลพูดบอก ทำให้คิมนึกขึ้นได้ เพราะตอนนั้นคิมไม่รู้ตัวเลยว่าคลีโมมาอยู่ใกล้แค่เอื้อม เป็นเพราะการเคลื่อนไหวแบบซุ่มดูเหยื่อของมันนั่นเอง คิมยืนมองกมลเตรียมอาหารของทั้งสองตัว ก่อนจะได้ยินเสียงคำรามในลำคอดังขึ้น คลีโมกับวิปครีมเดินมาตามกลิ่นคาวของเนื้อ กมลผิวปากเรียกเสือทั้งสอง คิมรีบไปยืนด้านหลังกมลในทันที พร้อมกับจับชายเสื้อด้านหลังของกมลเอาไว้ เสือทั้งสองเดินวนเวียนอยู่ตรงซี่กรงที่กั้นระหว่างกมลกับเสือทั้งสอง กมลส่งถุงมือยางให้คิมใส่ เอาไว้จับชิ้นเนื้อป้อนเสือจะได้ไม่คาวมือมากนัก คิมก็รับมาใส่ พร้อมกับมองเสือทั้งสองอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้ว่าจะเห็นเสือทั้งสองแบบใกล้ๆมาแล้ว แต่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้อยู่ดี
“ชั้นจะให้อาหารมันก่อนนะ นายดูแล้วทำตามล่ะกัน ความจริงมันไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะเราก็แค่หยิบชิ้นเนื้อยื่นใส่ปากพวกมันก็เท่านั้น” กมลพูดบอก
“แล้วมันจะไม่งับมือเราเหรอครับ” คิมถามอีก
“นายก็ยื่นเฉพาะเนื้อเข้าไปในกรง ไม่ต้องยื่นมือเข้าไปล่ะกัน แต่ถ้านายเป็นคนให้อาหารมันทุกวันแบบชั้นหรือเจ้าคม ก็จะรู้จังหวะเวลามันงับอาหารเองแหละ” กมลพูดขึ้น คิมพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะมองกมลตาแป๋ว เมื่อกมลหยิบชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ขึ้นมาจากถัง พร้อมกับยื่นเข้าในกรง
“คลีโม” กมลเรียกคลีโมก่อน เสือเบงกอลขาวตัวใหญ่ขยับเข้ามาใกล้กมล ก่อนจะอ้าปากงับชิ้นเนื้อที่กมลยื่นให้ไปฉีกกินสดๆ คิมมองภาพตรงหน้าด้วยความสนใจ
“วิปครีม” กมลเรียกวิปครีม เสือเบงกอลขาวตัวเล็กกว่าคลีโมนิดหน่อยขยับเข้ามาหากมลบ้าง
“เอาสิคิม ป้อนเจ้าวิปครีมล่ะกัน เพราะดูมันจะเชื่องกับนายกว่าเจ้าคลีโม” กมลบอกขึ้นเพราะดูท่าทางของเสือทั้งสองตัวออก
“คุณมายืนใกล้ๆผมหน่อยสิ” คิมพูดเสียงอ่อย เพราะยังกล้าๆกลัวๆ กมลยิ้มขำแต่ก็ขยับมายืนข้างๆร่างบาง คิมใช้มือข้างเดียวยื่นชิ้นเนื้อเข้าไปในกรง โดยยื่นแค่ชิ้นเนื้อเข้าไป ส่วนมืออีกข้างก็กอดแขนกมลเอาไว้แน่น ทันทีที่วิปครีมอ้าปากงับชิ้นเนื้อไป คิมก็ยิ้มกว้างออกมา
“มันกินอาหารที่ผมป้อนแล้วล่ะคุณกมล ฮู้วว ตื่นเต้นเป็นบ้าเลย” คิมพูดออกมาอย่างตื่นเต้นด้วยความลืมตัว ซึ่งกมลเองก็ไม่ได้คิดจะแซวแต่อย่างไร เขาชอบมองคิมเวลาที่คิมเผลอเปิดเผยนิสัยแบบเด็กๆออกมา
“งั้นนายก็ป้อนเจ้าวิปครีมจนกว่าจะหมดถังนะ เดี๋ยวชั้นป้อนเจ้าคลีโมเอง” กมลบอกกลับ คิมพยักหน้ารับในทันที พอได้ป้อนอาหารเสือเบงกอลครั้งหนึ่งแล้ว ก็พอจะทำให้กล้าที่จะป้อนในครั้งต่อๆไป คิมกับกมลสลับป้อนอาหารเสือทั้งสองจนหมดถังใหญ่ๆทั้งสองถัง
“หมดแล้วนะวิปครีม แกอิ่มรึเปล่า” คิมพูดกับวิปครีมที่นอนเลียขนเลียฝ่าเท้าทั้งสองของตัวมันเองอยู่ติดกับกรง
“ผมลูบหัวมันได้มั้ย” คิมหันมาถามกมลที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เอาสิ เรียกชื่อมันแล้วมองมันแบบที่ชั้นสอน มองให้มันรู้ว่านายเอ็นดูมัน ไม่ได้คิดจะทำร้ายมัน อีกอย่างมันอิ่มแล้ว อารมณ์กำลังดีล่ะนะ” กมลบอกกลับ ทำให้คิมหันไปหาวิปครีม เพราะคิมยังไม่กล้าจะเล่นกับคลีโมเท่าไรนัก
“วิปครีม” คิมเรียกวิปครีม เสือเบงกอลขาวเจ้าของชื่อวิปครีม หันมามองคิม คิมก็จ้องพร้อมกับยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือที่ถอดถุงมือแล้วเข้าไปหาวิปครีมช้าๆ ส่วนกมลก็เดินไปเรียกคลีโมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เพราะคลีโมค่อนข้างหวงวิปครีมอยู่บ้าง มือเรียวบางยื่นไปที่หัวของวิปครีมแล้วตัดสินใจวางลงบนหัวของมันเบาๆ วิปครีมเอียงหัวไปมาสอดรับฝ่ามือของคิม ทำให้คิมยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะลูบหัวเจ้าวิปครีมไปมา เจ้าวิปครีมก็นอนกลิ้งเล่นกับคิม
“ไม่ต้องกลัวมันนะ มันแค่เล่น มันเก็บเล็บไว้หมดแล้ว ก็เหมือนแมวนั่นแหละ” กมลพูดบอกขณะนั่งเอามือตบหลังตบคอคลีโมเบาๆอยู่นอกกรง วิปครีมนอนเอาเท้าหน้าทั้งสองข้างเขี่ยมือของคิมไปมา ทำให้คิมหัวเราะคิกคัก
“คึคึ เหมือนแมวจริงๆด้วย” คิมพูดออกมายิ้มๆ
“ผมอยากเล่นกับเจ้าคลีโมบ้างจัง แต่มันดูไม่ค่อยชอบผมสักเท่าไร” คิมพูดขึ้นเมื่อมองไปที่คลีโม
“คลีโมมันเข้ากับคนยากสักหน่อย แต่ถ้านายมาหามันบ่อยๆ พอมันชินมันก็จะเข้าหานายเองแหละ” กมลตอบกลับ คิมพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปเล่นกับวิปครีมต่อ กมลปล่อยให้คิมเล่นกับวิปครีมอยู่สักพัก ก็ชวนเดินกลับไปอาบน้ำ ไล่กลิ่นคาวของเนื้อที่ติดตามตัว คิมก็ยอมตามไปแต่โดยดี เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ทั้งสองก็พากันลงมากินข้าวเย็น ซึ่งคมกับใบบุญมารออยู่ก่อนแล้ว คิมเห็นดวงตาของใบบุญแดงช้ำก็รู้สึกผิดนิดหน่อย
“ขอโทษทีนะคม” คิมพูดบอกกับคม ร่างสูงยิ้มรับนิดๆ
“ไม่เป็นไรครับ” คมตอบกลับเพราะรู้ดีว่าคิมขอโทษตนเองเรื่องอะไร คิมเดินไปหาใบบุญพร้อมกับกอดคอเอาไว้
“หายโกรธพี่เค้ารึยัง” คิมแกล้งแถมใบบุญ เด็กหนุ่มเหลือบไปมองคมนิดๆ ก่อนจะซุกหน้ากอดคิมเอาไว้เหมือนกับยังคงงอนอยู่ ทำให้คิมยิ้มขำออกมา
“หึหึ นี่ถ้าไม่ใช่เรานะใบบุญ ชั้นคงหึงแน่ๆ” กมลพูดบอกออกมา เพราะใบบุญกอดคิมอยู่ ใบบุญจึงรีบผละออกจากคิมทันทีเพราะกลัวว่ากมลจะไม่พอใจ
“หึหึ ชั้นไม่ได้ว่าอะไร ไม่ต้องกลัวหรอก” กมลบอกกลับ ใบบุญยิ้มแหยๆ ก่อนที่ทั้ง 4 จะตรงไปที่โต๊ะอาหาร ใบบุญวิ่งเข้าไปช่วยยายของตนเองยกอาหารมาจัดวางที่โต๊ะ
“รู้สึกดีจัง ที่ได้จัดโต๊ะอาหารตอนเย็นๆแบบนี้” ป้านีพูดขึ้นยิ้มๆ ขณะจัดโต๊ะอาหารไปด้วย
“ทำไมล่ะครับ” คิมถามด้วยความอยากรู้
“ก็เมื่อก่อน ตอนที่คุณคิมยังไม่เข้ามาอยู่ที่นี่ บ้านนี้เงียบเหงาจะตาย คุณกมลก็ไม่ค่อยกลับมากินข้าวบ้าน ส่วนใหญ่จะกลับมาถึงบ้านก็ดึกดื่น บางครั้งก็ไม่กลับ แล้วป้าจะจัดโต๊ะให้ใครล่ะคะ” ป้านีพูดบอกออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ก็เมื่อก่อน ผมไม่มีใครให้นึกถึงเวลากลับบ้านน่ะสิป้านี จะนั่งกินข้าวก็กินคนเดียว บางครั้งก็กินกับพวกเจ้าคม มันให้ความรู้สึกไม่เหมือนกินกับเมียหรอก” กมลพูดขึ้น ทำให้คิมร้อนหน้าวูบวาบ
“ก็เลยออกไปหากินกับเด็กหนุ่มๆ คนอื่นใช่มั้ยล่ะครับ” คิมพูดเหน็บไปไม่จริงจังนัก
“เมื่อก่อน ยอมรับว่าใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว คงไม่ต้องบอกใช่มั้ย ว่าเพราะอะไร” กมลพูดเสียงเรียบนิ่งแต่สายตาที่มองคิมวาววับ
“ผมว่า เรากินข้าวกันดีกว่าครับ” คิมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที ก่อนที่ตัวเองจะเขินอายต่อหน้าป้านีและคนอื่นๆ กมลยิ้มรับนิดๆ
“ยายกินข้าวรึยัง” ใบบุญถามยายตนเองอย่างเป็นห่วง เพราะใบบุญต้องมากินพร้อมกับคิม
“ยายกินเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องห่วงยายหรอก เรากินพร้อมกับคุณๆเค้านี่แหละ” ป้านีลูบหัวหลานชายยิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าใบบุญอยากกินข้าวพร้อมกับตนเองบ้าง
“ฮะ” ใบบุญตอบรับ ก่อนที่ป้านีจะเดินเข้าไปในครัว กมล คิม คม ใบบุญจึงนั่งกินข้าวไปพร้อมๆกัน
“อ่า จริงสิ ใบบุญ ศุกร์หน้าโรงเรียนเราหยุดใช่มั้ย” คิมถามขึ้น
“ฮะ” ใบบุญตอบรับ
“เดี๋ยวคุณกมลจะพาไปเที่ยวทะเลล่ะ” คิมบอกกลับไปยิ้มๆ ทำให้เด็กหนุ่มตาโต
“ทะเลเหรอฮะ พาใบบุญไปด้วยเหรอฮะ” เด็กหนุ่มรีบถามเสียงละล่ำละลัก
“ใช่” คิมตอบกลับ ทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง
“ขอบคุณฮะ ใบบุญยังไม่เคยไปทะเลเลย เคยเห็นแต่ในทีวี” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ขอบคุณกมลพร้อมกับพูดบอกออกมาด้วยความตื่นเต้น ทำให้ทั้งคม คิม และกมล มองเด็กหนุ่มอย่างเอ็นดู
“เดี๋ยวก็ได้ไปแล้ว” คิมพูดยิ้มๆ แล้วนั่งกินข้าวกันต่อ เมื่ออิ่มแล้ว ใบบุญก็ช่วยยายตนเองเก็บโต๊ะ คิมขึ้นไปเช็คเมลล์บนห้อง ส่วนกมลกับคมก็เข้าไปคุยในห้องทำงาน
.
..
..
..
“นายนึกยังไง ถึงจะพาไปเที่ยวล่ะครับ” คมถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไร ก็แค่อยากให้พักผ่อน เพราะหลังจากที่พวกเรากลับจากเที่ยว ต้องลุยงานกันหนักหน่อยล่ะ” กมลบอกเสียงเรียบ คมขมวดคิ้วอย่างสงสัย กมลมองหน้าลูกน้องตนเองก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“คิมอยากให้ชั้นวางมือจากวงการนี้” กมลพูดขึ้น ทำให้คมชะงักไปนิด
“นายจะวางมือจริงๆเหรอครับ” คมถามกลับเสียงจริงจัง
“ก็ตั้งใจไว้ ว่าจะวางมือ แล้วหันไปจับธุรกิจอสังหาฯแทน นายคิดว่าไง” กมลถามคมกลับไป
“ผมก็แล้วแต่นายล่ะครับ ส่วนเรื่องธุรกิจอสังหาฯก็ดีเหมือนกันครับนาย ผมเองก็สนใจอยู่เหมือนกัน” คมพูดบอกออกมาตรงๆ เพราะเขาเองก็เอาเงินเก็บไปลงทุนซื้อห้องคอนโดแล้วปล่อยให้คนเช่าอยู่เหมือนกัน
“อืม” กมลตอบรับในลำคอ
“แล้วลูกน้องคนอื่นๆล่ะครับนาย” คมถามต่อ
“ชั้นก็จะให้พวกนั้นมาช่วยงานเหมือนเดิมนั่นแหละ มันก็แค่เสี่ยงน้อยหน่อย อีกอย่าง ผับทั้ง 3 ที่ ชั้นก็ยังเปิดอยู่ ชั้นยังมีงานให้ทุกคนทำเหมือนเดิมนั่นแหละ” กมลบอกอีก คมพยักหน้ารับ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้
“แล้วทางนั้นล่ะครับ นายจะบอกพวกเค้ายังไง” คมถามขึ้นอีก กมลนิ่งไปนิด
“ชั้นกำลังหาทางบอกอยู่ ก็ตั้งใจไว้ว่ากลับจากเที่ยวเมื่อไร ก็คงต้องบินไปหาทางนั้นเพื่อคุยเรื่องที่ชั้นจะวางมือ” กมลบอกเสียงเครียดนิดหน่อย
“ผมล่ะนึกภาพตามไม่ออกเลยครับ ว่าถ้า..” คมกำลังจะพูดต่อ
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ทำให้กมลยกมือห้ามคมให้หยุดพูดก่อน ประตูห้องทำงานเปิดเข้ามาพร้อมกับร่างบางของคิม
“อ่ะ..อ่าว ผมเข้ามารบกวนอะไรรึเปล่าครับ” คิมถามอย่างเกรงใจเมื่อเห็นว่าคมกับกมลกำลังคุยกันอยู่
+++++++++++++++++++ 100% +++++++++++++++++
2 Be Con
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อัพครบร้อยแล้วคร่า