ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 27
Author: 여님 (ยอนิม)
ผ่านไปสองวัน
กมลก็งานยุ่งอย่างที่เคยบอกคิมไว้ก่อนจริงๆ ร่างแกร่งต้องออกไปเจอลูกค้า ไปเตรียมการงานทุกอย่างเพื่อวางมือจากธุรกิจมืดนี้ กมลเรียกลูกน้องทุกคนของตัวเองเข้ามาพูดคุยแล้วว่าจะวางมือ แต่ทุกคนก็ขออยู่กับกมลต่อ ไม่ว่ากมลจะให้ทำอะไร ทุกคนก็ยินยอมที่จะทำ หลายคนแอบดีใจด้วยซ้ำ ที่ไม่ต้องข้องเกี่ยวกับงานผิดกฎหมายอีกแล้ว
(“คืนนี้จะกลับดึกมั้ยครับ”) เสียงของคิมดังขึ้นมาตามสายขณะที่กมลอยู่ที่ผับของตนเองเพื่อรอคุยกับลูกค้าอีกราย
“ก็คงดึกล่ะนะ นายนอนได้เลย ไม่ต้องรอชั้น” กมลบอกกลับไป พร้อมกับรู้สึกไม่ค่อยดีนักที่ไม่มีเวลาอยู่กับคิมมากนักในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้
(“คุณได้กินข้าวบ้างรึเปล่า”) คิมถามต่อ เพราะร่างบางก็ห่วงกมลไม่น้อยเหมือนกัน
“กินแล้ว ชั้นกินตรงเวลาตามที่นายสั่งมาทุกมื้อ” กมลบอกอย่างเอาใจ
(“ก็ดีครับ”) คิมตอบกลับมาเสียงแผ่ว
“คิม” กมลเรียกเสียงนุ่ม
(“ครับ”) คิมขานรับ
“เป็นอะไรรึเปล่า” กมลถามกลับไปเพราะสัมผัสน้ำเสียงของคิมได้
(“เปล่าครับ”) คิมตอบกลับมา
“คิม บอกมาตรงๆ ว่าเป็นอะไร ชั้นไม่สบายใจนะ เสียงนายมันไม่ดีเท่าไร” กมลถามอีก ก่อนจะได้ยินเสียงคิมถอนหายใจออกมาเบาๆ
(“ผมก็แค่…”) คิมพูดด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง
“เหงา” กมลพูดต่อ พร้อมกับยิ้มน้อยๆ คิมชะงักไปทันที เมื่อได้ยินที่กมลพูด เพราะมันตรงกับความรู้สึกของคิมตอนนี้จริงๆ แต่คิมไม่กล้าพูดบอกออกมา
“ใช่มั้ย” กมลถามย้ำ
(“ก็…นิดหน่อย”) คิมตอบกลับมาเสียงอ้อมแอ้ม
(“เฮ้อ ความจริงผมก็ไม่ได้เหงาอะไรมากหรอกครับ ก็แค่โทรมาคุยด้วยเท่านั้นแหละ ว่าจะกลับตอนไหน”) คิมพูดขึ้นมาแก้เขิน แต่กมลก็รู้ทันอยู่ดี
“ไม่เหงาก็ไม่เหงา งั้นถ้าคืนนี้ชั้นไม่กลับบ้าน นายก็คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย” กมลแกล้งถามกลับไป
(“ตามใจคุณสิ”) เสียงกระแทกกระทั้นจากคิมดังขึ้นให้ได้ยิน กมลหัวเราะเบาๆในลำคอ
“คิม อย่างอนสิ ถ้านายเหงาก็บอกสิว่าเหงา ชั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แถมจะดีใจมากกว่าที่นายรู้สึกเหงาเวลาที่ชั้นไม่อยู่ด้วย” กมลบอกกลับไปเสียงจริงจัง
(“ก็คุณต้องทำงานนี่นา ผมจะพูดได้ไงล่ะ ผมไม่อยากเป็นคนเอาแต่ใจหรอกนะครับ”) คิมพูดขึ้นเสียงเข้ม
“หึหึ บอกแล้วไง ว่านายจะเอาแต่ใจแค่ไหนก็ได้ ชั้นไม่ว่า เอาเป็นว่าคืนนี้ถ้าคุยงานเสร็จ ชั้นจะรีบกลับไปหานายทันทีเลย ดีมั้ย” กมลบอกอย่างเอาใจ
(“ครับ”) คิมตอบรับสั้นๆ แต่ในใจก็รู้สึกดีที่กมลจะรีบกลับมาหาตนเอง
“ชั้นต้องวางแล้วนะ แล้วคืนนี้ชั้นจะรีบกลับ” กมลบอกย้ำอีกครั้ง
(“ครับ อย่าเมากลับมานะครับ”) คิมพูดสั่งเมื่อนึกได้
“หึหึ ครับครับ แค่นี้นะ” พูดจบกมลก็วางสายไป ก่อนจะเอนตัวพิงพนักโซฟาภายในห้องรับรองบนชั้นสองของผับ
“เฮ้อ เมื่อไรอีวานจะทำธุระเสร็จ จะได้คุยตกลงกันเรื่องงานทั้งหมดสักที” กมลพูดบ่นออกมา เพราะเขาอยากจะมีเวลาอยู่กับคิมให้มากกว่านี้
“กิจ ช่วงนี้ดานิลมันไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับคิมรึเปล่า” กมลถามกิจขึ้นมาเมื่อนึกได้
“ก็มีเข้าไปพูดจาป่วนอยู่บ้างครับ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง” กิจตอบกลับ เพราะช่วงก่อนหน้านี้ กมลให้กิจคอยดูแลคิม แต่วันนี้เปลี่ยนเวรให้คนอื่นดูแลแทน
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องรับรองดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออก ดานิลเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดสองคน
“หึ ตายยากจริงนะ” กมลพูดแขวะขึ้น ดานิลเดินยิ้มกริ่มเข้ามาหากมล
“ทำไม นายคิดถึงชั้นรึไง” ดานิลถามกลับ
“ใช่” กมลตอบกลับ ทำให้ดานิลยิ้มออกมานิด
“กำลังคิดว่าเมื่อไรนายจะกลับรัสเซียไปสักที อยู่ขวางหูขวางตาอยู่ได้” กมลพูดต่อ ทำให้ดานิลหุบยิ้มช้าๆ แล้วค่อยๆยกยิ้มมุมปากอย่างเยาะๆ
“แทนที่จะว่าชั้นขวางหูขวางตา นายน่าจะพูดว่าชั้นน่ะ เป็นหูเป็นตาแทนนายมากกว่านะ” ดานิลพูดขึ้นมาอย่างเป็นต่อ กมลมองหน้าดานิลอย่างข้องใจ
“เป็นหูเป็นตาอะไร” กมลถามกลับ ดานิลนั่งลงข้างๆกมล ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องกมลให้รินเหล้าให้ตนเองแก้วหนึ่ง ดานิลทำไปเพื่อยั่วยุความอยากรู้ของกมล ซึ่งกมลก็รู้ดี
“ถ้าไม่คิดจะพูดอะไร ก็ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว เดี๋ยวลูกค้าชั้นจะมาคุยด้วย” กมลบอกกลับเสียงเรียบ
“หึ ใจเย็นจังนะ ถ้านายรู้เรื่องของเมียสุดที่รักของนาย นายจะใจเย็นได้แบบนี้มั้ย” ดานิลบอกออกมายิ้มๆ ทำให้กมลชะงักมือที่ถือแก้วเหล้าเอาไว้ทันที ก่อนจะหันหน้าไปมองดานิล
“นายพูดเรื่องอะไรดานิล เกี่ยวอะไรกับคิมด้วยหะ” กมลถามเสียงเข้ม
“ทีแบบนี้ทำเป็นอยากจะรู้เชียวนะ” ดานิลพูดพร้อมกับจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
หมั่บ!
กมลจับข้อมือของดานิลเอาไว้แน่น ไม่ให้ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“บอกมาเดี๋ยวนี้ดานิล นายไปวุ่นวายอะไรเกี่ยวกับคิม” กมลถามเสียงแข็งกร้าว ดานิลมองกมลด้วยสายตาเจ็บปวดและรู้สึกอิจฉาคิมไม่น้อย ที่ทำให้กมลเป็นได้ถึงขนาดนี้
“นายจะให้ชั้นพูดต่อหน้าลูกน้องนายงั้นเหรอ” ดานิลถามขึ้น กมลกัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปหาลูกน้องตนเอง
“พวกแก ออกไปก่อน” กมลพูดขึ้น ลูกน้องของกมลจึงต้องเดินออกไปจากห้องรับรอง เหลือเพียงกมลกับดานิล
“ปล่อยมือชั้นได้แล้ว ชั้นเจ็บ” ดานิลพูดขึ้นเพราะกมลบีบข้อมือดานิลเอาไว้แน่น
พรึ่บ..
กมลสะบัดข้อมือของดานิลออก ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
“ว่าไง จะพูดได้รึยัง ถ้าเป็นเรื่องที่ชั้นรู้ดีอยู่แล้ว นายถูกโยนออกนอกห้องแน่ดานิล” กมลว่ากลับไป
“หึ ถามจริงกมล นายรู้เรื่องของคิมดีแค่ไหนกัน” ดานิลพูดเกริ่นขึ้น
“ชั้นจะรู้เรื่องของคิม หรือคิมจะรู้เรื่องของชั้นดีแค่ไหน ชั้นไม่สนใจ เพราะชั้นสองคนมีเวลาเรียนรู้กันไปได้อีกนาน” กมลบอกออกมาเสียงเรียบ ดานิลหายใจเข้าลึกๆ
“ชั้นเองก็พอจะรู้มาบ้างว่านายสองคนเจอกันได้ไง” ดานิลพูดขึ้น กมลมองหน้าดานิลด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“แล้วไง” กมลถามกลับ
“ก็ไม่แล้วไง คิดว่ามันง่ายดีเนอะ ก็แค่อยากจะลืมใครสักคน ก็เลยมาหาคนกอดตัวเอง เพื่อให้ลืมกอดของเค้าคนนั้น” ดานิลพูดด้วยน้ำเสียงยั่วๆ กมลนั่งฟังเงียบๆ พลางคิดว่าดานิลคงไปสืบหาข้อมูลมาจากใครสักคน แต่กมลก็ไม่ใส่ใจในเรื่องนี้สักเท่าไร
“นายก็ใจดี อาสาจะทำให้เค้าลืมอ้อมกอดของคนในอดีต โดยไม่เคยรู้เลยว่าคนในอดีตของเค้าจะเป็นใคร” ดานิลพูดขึ้นเรื่อยๆ
“ชั้นไม่สนใจอดีตของคิม ก็เหมือนกับที่คิม ไม่สนใจอดีตของชั้นเหมือนกัน” กมลตอบกลับ ดานิลกัดริมฝีปากอย่างหงุดหงิด
“ถามจริง นายจะมาพูดเรื่องนี้ทำไมไม่ทราบ ถ้าจะแค่มาดูถูกที่ชั้นกับคิมเจอกันง่ายไป ก็ตามสบายนะ เพราะชั้นไม่แคร์เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จะเจอกันง่ายหรือยาก เจอกันแบบดีหรือไม่ดี แต่ถ้าในวันนี้ชั้นสองคนเข้าใจกันและกัน แค่นั้นก็พอแล้ว” กมลบอกออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกเดินไปยืนที่บานกระจกที่มองลงไปภายในผับของตนเองได้
“แล้วนายไม่อยากรู้บ้างเหรอว่า อดีตของคนที่นายบอกว่าเป็นเมียน่ะ คือใคร” ดานิลพูดเสียงเข้ม
“ก็บอกแล้วไง ชั้นไม่สนใจอดีต” กมลบอกกลับโดยไม่ได้หันมามองดานิล ดานิลยกยิ้มขึ้นมาเยาะๆ ก่อนจะลุกเดินมาหากมลช้าๆ
“ถ้านายไม่สนใจก็ดี แต่ชั้นก็อยากจะบอกเอาไว้ เพราะนายอาจจะคิดไม่ถึง” ดานิลพูดอยู่ด้านหลังของกมล
..
..
“นายคงคิดไม่ถึงแน่ล่ะ ถ้ารู้ว่าอดีตของเมียสุดที่รักของนาย ที่เมียนายอยากจะลืมเค้าให้ได้ คือลูกน้องคนสนิทของนายที่ชื่อเดย์ ยังไงล่ะ” ดานิลบอกออกมาด้วยน้ำเสียงสะใจนิดๆ ทำให้กมลที่ยืนอยู่ ถึงกับนิ่งตัวชาวาบไปทั้งตัว ร่างแกร่งหันมามองดานิลทันที
“นายว่าอะไรนะ! ใครเป็นอดีตของคิม” กมลถามเสียงเข้ม ดานิลยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“นี่นายไม่รู้หรอกเหรอเนี่ย นึกว่ารู้แล้วซะอีก เดย์ลูกน้องของนายคือผัวคนแรกของเมียนายรู้เอาไว้ซะด้วย” ดานิลพูดเยาะเย้ยออกมา กมลคว้าหมับไปที่ต้นแขนของดานิลแล้วออกแรงบีบ
“นายพูดเล่นใช่มั้ยดานิล นายแค่ต้องการยั่วโมโหชั้นใช่มั้ยหะ!!” กมลตวาดลั่นห้อง
“ทำไมชั้นต้องยั่วโมโหนายด้วย ชั้นก็แค่อยากให้นายรู้เท่านั้นเอง หึ เป็นไงล่ะ รู้แบบนี้แล้ว นายรู้สึกยังไงบ้าง ที่ได้กินเดนของลูกน้องคนสนิทน่ะ ว่าแต่ เดย์มันไม่เคยบอกนายเลยเหรอ หรือว่ามันไม่รู้ว่าเมียเก่ามันมาอยู่กับนายน่ะ” ดานิลพูดยั่วออกมาอีก
พลั่ก!!
เพล้ง!
“โอ๊ยย” เสียงร้องของดานิลดังขึ้นเมื่อกมลเหวี่ยงดานิลล้มไปทางโต๊ะวางแก้วเหล้า ทำให้ดานิลปัดแก้วเหล้าลงมาแตกและบาดมือของดานิลเอง ลูกน้องของกมลและของดานิลที่ยืนอยู่นอกห้องรีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรครับนาย” คมถามเสียงเครียด ลูกน้องของดานิลรีบมาประคองเจ้านายตนเองทันที
“//จอร์แดน อเล็กซ์ แกสองคน พาเจ้านายแกออกไปให้พ้นหน้าชั้น ไป๊!//” กมลพูดกับลูกน้องของดานิลด้วยภาษารัสเซีย
“//นายหนีความจริงไม่ได้หรอกกมล นายต้องหยุดทุกอย่างที่ทำเพื่อหมอนั่นซะ แล้วกลับมาเคียงข้างชั้นกับพี่อีวานเหมือนเดิม!//” ดานิลพูดออกมาเป็นภาษารัสเซียเช่นเดียวกัน
“//ออกไป!!!!!//” กมลตวาดไล่อีก แววตาแข็งกร้าวดุดัน จนดานิลเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน ดานิลพยักหน้ากับลูกน้องตนเอง แล้วออกไปจากห้องรับรองทันที กมลกำหมัดแน่น
“นายครับ” คมเรียกเจ้านายตนเอง กมลหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะไล่ลูกน้องคนอื่นๆออกจากห้อง เหลือไว้แค่คมคนเดียว
..
..
..
..
“จริงเหรอครับนาย คุณดานิลแค่ต้องการปั่นหัวนายเล่นรึเปล่า” คมถามออกมาเสียงเครียดเมื่อรับรู้เรื่องราวจากปากของกมล
“ชั้นถึงอยากรู้ความจริงไง คมแกให้คนของเราไปสืบมาให้ชั้นที ว่าเรื่องที่ดานิลพูดเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกกันแน่” กมลพูดบอกกลับไป
“นายครับ อย่าหาว่าผมสอดเรื่องของนายเลยนะครับ ถ้าเรื่องที่คุณดานิลบอกเป็นเรื่องจริง ถ้าคนๆนั้นของคุณคิมคือ..”คมกำลังจะถามต่อ แต่กมลยกมือขึ้นมาห้าม
“หยุด อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ ชั้นยังไม่อยากคิดอะไรล่วงหน้า แกไปจัดการตามที่ชั้นสั่งก่อนไป เดี๋ยวคุณพิชยะจะมาคุยเรื่องสินค้าล็อตสุดท้ายอีก อ่อ ตามแม่บ้านมาเก็บกวาดเศษแก้วพวกนี้ด้วย” กมลพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ครับ” คมตอบรับ และไม่คิดจะถามอะไรต่อ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องรับรอง ทิ้งให้กมลนั่งอยู่คนเดียว กมลเอนหัวไปพิงพนักโซฟาแล้วหลับตาลงช้าๆ
//ทำไมใกล้ตัวแบบนี้นะ// กมลพูดพึมพำเบาๆ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อือออ” ร่างบางบนเตียงกว้างบิดตัวน้อยๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของวันใหม่ คิมกวาดมือไปด้านข้าง ก็พบกับความว่างเปล่า ร่างบางจึงปรือตาขึ้นมาดูพร้อมกับขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นกมลนอนอยู่ข้างกาย
“เมื่อคืนได้กลับมารึเปล่านะ” คิมพูดกับตัวเองพร้อมกับลุกขึ้นนั่ง สภาพภายในห้องยังคงเดิมเหมือนก่อนที่คิมจะหลับ ทำให้คิมมั่นใจว่ากมลไม่ได้กลับบ้านเมื่อคืน
“คนบ้า ไหนบอกว่าจะกลับไง” คิมพูดบ่นก่อนจะลุกไปล้างหน้าแล้วลงไปหาป้านีเหมือนเช่นทุกเช้า
“ป้านี ใบบุญล่ะครับ” คิมถามป้านีเมื่อเดินเข้ามาในครัว
“ไปโรงเรียนแล้วค่ะ คมพึ่งมารับไปเมื่อสักครู่นี้เอง” ป้านีตอบกลับ
“คมมารับไปแล้วเหรอครับ แปลว่าคมไม่ได้นอนบ้านเหรอครับ” คิมถามกลับไปอีก
“ค่ะ เห็นพึ่งขับรถเข้ามา แล้วก็พาใบบุญไปส่งเลย รู้สึกว่าคุณกมลก็ยังไม่กลับมาเหมือนกันใช่มั้ยคะ” ป้านีถามกลับ คิมพยักหน้าช้าๆ
“ครับ ทั้งๆที่บอกผมว่าจะกลับมาเร็วๆ แต่ก็ไม่ยอมกลับมา” คิมพูดบ่น ป้านียิ้มรับนิดๆ
“เป็นธรรมดาค่ะ เวลาที่คุณกมลหมกมุ่นกับเรื่องงาน เค้ามักไม่ค่อยได้กลับบ้าน แล้วนี่บอกว่าจะถอนตัวออกจากวงการอีก ก็คงต้องทำอะไรๆมากกว่าทุกที” ป้านีพูดบอกออกมา คิมหน้าหม่นลงนิดๆ
“แต่ก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง ผมก็แค่ห่วงเรื่องสุขภาพเค้าน่ะครับ อายุไม่ใช่น้อยๆแล้วนะ” คิมบ่นออกมาอีก ป้านียิ้มรับ ก่อนที่คิมจะช่วยป้านีทำอาหารเช้า เมื่อทำเสร็จแล้วก็กลับขึ้นไปบนห้องนอนอีกครั้งเพื่ออาบน้ำ คิมหยิบโทรศัพท์ของตนเองขึ้นมากดไปที่เบอร์ของกมล แล้วโทรออก
(“สวัสดีครับคุณคิม”) เสียงของลูกน้องกมลรับสาย ทำให้คิมเลิกคิ้วขึ้นนิดๆอย่างแปลกใจ
“ใครน่ะ” คิมถามกลับไป
(“ผมรุธครับ”) รุธพูดสายกลับมา
“อ่อ รุธ แล้วคุณกมลล่ะ” คิมถามขึ้น
(“คือ..นายหลับอยู่น่ะครับ แล้วฝากโทรศัพท์ไว้ที่ผม”) รุธตอบกลับมา คิมขมวดคิ้วนิดๆ
“แล้วเมื่อคืนทำไมไม่กลับบ้านกันล่ะ คุยงานดึกเหรอ” คิมถามกลับไปอีกด้วยความอยากรู้
(“คือ..เมื่อคืนนายดื่มกับลูกค้าหนักไปนิดหนึ่งนะครับ ก็เลยไม่อยากกลับไปทั้งๆที่เมาๆอยู่ ก็เลยนอนค้างที่ห้องพักที่ร้าน คุณคิมไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้านายตื่นแล้วผมจะบอกนายให้ว่าคุณคิมโทรมา”) รุธตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ
“แล้ววันนี้จะกลับบ้านมั้ย” คิมถามอีก
(“คือ..ผมก็ยังไม่แน่ใจน่ะครับ ต้องรอนายตื่นขึ้นมาก่อนน่ะครับ”) รุธตอบกลับอีกครั้ง คิมเงียบไปนิด
“อืม…ขอบใจนะ…ถ้าเค้าตื่นแล้วให้โทรกลับมาหาชั้นด้วยล่ะ” คิมพูดบอกเสียงแผ่ว
(“ครับ”) รุธตอบรับ
“อ่อ…อีกอย่างนะรุธ เวลานายพูดตอบชั้น นายพูดคำว่า คือ ทุกครั้งก่อนตอบ มันทำให้ชั้นรู้ว่านายพูดโกหกน่ะ” พูดจบคิมก็วางสายทันที ร่างบางนั่งหน้าเครียดด้วยความรู้สึกรุ่มร้อนในอก เขาไม่รู้ว่าทำไมรุธจะต้องโกหก และไม่รู้ว่าทำไมกมลถึงไม่ยอมกลับมาบ้านและไม่ยอมรับสายเขาด้วยตัวเอง
//คุณเป็นอะไรของคุณนะ คุณกมล// คิมพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำเพื่อดับความรุ่มร้อนในอกออกไป
..
..
..
..
..
“นาย ถ้าคุณคิมโกรธผม ผมจะทำยังไงล่ะครับ” รุธถามกมลเสียงเครียดหลังจากที่คิมวางสายไป บทสนทนาระหว่างคิมกับรุธ กมลเองก็ได้ยินเช่นเดียวกัน เพราะให้รุธเปิดลำโพง
“แล้วใครใช้ให้แกตอบอยู่ได้ไอ้ คือ คือ คือ น่ะหะ” กมลว่าเสียงเข้ม
“ก็ผมเกร็งนี่ครับ เวลาที่ต้องโกหกคุณคิมน่ะ” รุธตอบกลับ
“เออๆ ช่างเหอะ คิมไม่โกรธนายหรอก” กมลพูดขึ้นเพื่อให้ลูกน้องสบายใจ
“แต่จะมาโกรธนายเองน่ะสิครับ” กิจพูดขึ้นมาบ้าง
“ชั้นรู้” กมลตอบกลับเสียงเรียบ ดวงตาคมก็จ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์ด้วยสายตานิ่งๆ หน้าจอที่มีภาพของคิมยิ้มกว้างคู่กับเขา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“คุณดานิลอยู่บ้านรึเปล่าครับป้านี” คิมถามขึ้นขณะนั่งกินข้าวเช้าคนเดียวในห้องอาหาร ซึ่งเป็นมื้อที่คิมรู้สึกหงอยๆที่สุด
“อยู่ค่ะ ป้าพึ่งยกอาหารไปให้บอดี้การ์ดของคุณดานิลเมื่อสักพักนี้เอง สงสัยจะยังไม่ตื่น” ป้านีบอกกลับ แต่ไม่ทันไร ดานิลก็เดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทีนิ่งๆ โดยที่มือของชายหนุ่มมีผ้าก็อตสีขาวพันอยู่ คิมเห็นเข้าก็อดสงสัยไม่ได้ ป้านีรีบเดินไปยกอาหารเช้ามาให้ดานิลทันที
“ขอบใจ” ดานิลพูดกับป้านีเสียงเรียบ เมื่อป้านียกอาหารมาให้
“มือคุณดานิลไปโดนอะไรมาครับ” คิมถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ดานิลยกมือข้างที่พันผ้าเอาไว้ขึ้นมาดู พร้อมกับยกยิ้มมุมปากเหมือนไม่ใส่ใจ
“นายจะอยากรู้ไปทำไม” ดานิลถามกลับ คิมนิ่งไปนิด
“ก็ไม่ได้อยากรู้หรอกครับ แค่เป็นห่วงเท่านั้น” คิมพูดบอกออกมาเพราะรู้สึกเป็นห่วงดานิลจริงๆ
“นายเนี่ยนะเป็นห่วงชั้น ก่อนที่จะห่วงชั้น ห่วงตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย” ดานิลบอกกลับ คิมมองหน้าดานิลอย่างงงๆ
“ทำไมเหรอครับ” คิมถามกลับเพราะรู้ว่าที่ดานิลพูดแบบนี้ ต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างแน่ๆ
“เมื่อคืน กมลไม่กลับมานอนบ้านสินะ” ดานิลพูดขึ้น ทำให้คิมชะงักมือที่กำลังจะตักข้าวทันที
“ครับ” คิมตอบรับ
“ชั้นก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ว่าทำไมกมลถึงไม่อยากกลับมาบ้าน….บ้านที่มีนายอยู่ด้วย” ดานิลบอกออกมาอีก ทำให้คิมขมวดคิ้วเข้าหากัน
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง” คิมถามกลับไปเสียงเครียด
“หึหึ นี่ ถามอะไรหน่อยนะ นายเคยบอกกมลมั้ย ว่าคนในอดีตของนาย ที่นายอยากจะลืมน่ะ เป็นใคร” ดานิลพูดถามออกมา ทำให้คิมหน้าซีดลงนิดๆ
“คุณพูดเรื่องอะไร แล้วคุณไปรู้อะไรมา” คิมถามขึ้นทันที ตอนนี้ร่างบางไม่มีกระจิตกระใจจะกินอะไรแล้ว
“จุ๊ๆๆ ใจเย็นๆสิ” ดานิลพูดยั่วตามสไตส์ของตนเอง แต่สำหรับคิม ตอนนี้รู้สึกร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ชั้นก็แค่รู้มาว่า นายกับกมลเจอกันได้ยังไง” ดานิลพูดขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับนั่งกินอาหารเช้าตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์ ในขณะที่คิมรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แล้วก็รู้ด้วยว่าคนในอดีตของนายที่นายอยากจะลืม คือใคร” ดานิลพูดพร้อมกับมองคิมอย่างร้ายๆ
“คุณรู้งั้นเหรอ” คิมถามขึ้นมาทันที
“หึหึ ใช่ ชั้นรู้ คาดไม่ถึงนะว่าจะเป็นคนใกล้ตัว” ดานิลพูดลอยหน้าลอยตา คิมกำหมัดแน่น
“คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่าคุณดานิล ไม่ต้องโยกโย้” คิมว่าออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง
“หึ นายกับกมลเนี่ย ใจร้อนพอกันเลยนะ เมื่อคืนชั้นก็ไปคุยกับกมลเรื่องนี้ เค้าก็ใจร้อนเหวี่ยงชั้นซะกระเด็นได้แผลมานี่ไง เห็นมั้ยเนี่ย” ดานิลพูดพร้อมกับยกมือข้างที่พันแผลขึ้นมาให้คิมดูอีกครั้ง คิมยืนขึ้นตัวสั่นระริก
“คุณบอกอะไรกับคุณกมล” คิมถามพร้อมกับกลั้นหายใจรอฟังคำตอบ
“ชั้นก็แค่บอกกมลไปว่า คนในอดีตของนาย ก็คือ…เดย์ ลูกน้องเก่าคนสนิทของเค้ายังไงล่ะ หึหึ นายเชื่อมั้ย หน้าเค้าเนี่ยซีดเหมือนหน้านายตอนนี้เลย แถมยังอาละวาดใส่ชั้นอีกตะหาก ชั้นล่ะไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมกมลถึงไม่กลับมานอนบ้าน คงจะช็อคอยู่ล่ะมั้ง” ดานิลพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะในลำคอเหมือนกับเป็นเรื่องน่าขำ ก่อนจะนั่งกินอาหารเช้าอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้าน คิมตัวชาไปทั้งตัว เมื่อรู้ว่ากมลรู้ทุกอย่างแล้ว ชายหนุ่มเดินออกจากห้องอาหารเพื่อขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ดวงตาของคิมร้อนผ่าว หัวใจของร่างบางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิมไม่รู้ว่ากมลจะคิดยังไง จะรู้สึกยังไง ถึงแม้กมลจะบอกว่าไม่สนใจอดีตของคิม แต่เมื่อรู้ว่าอดีตของคิมคือคนใกล้ตัวแบบนี้ กมลจะยังรับได้อยู่มั้ย ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหากมล แต่ก็ไม่มีใครรับสาย คิมจึงรีบวิ่งลงจากห้องนอนไปตามหาลพทันที เพราะวันนี้ลพมีเป็นเวรดูแลคิม
“ลพ..ลพ นายลพ!” คิมตะโกนเรียกลพเสียงดังลั่นบ้าน ลพรีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“ครับคุณคิม” ลพขานรับอย่างตกใจ
“ลพ…พาชั้นไปหาคุณกมลที พาไปเดี๋ยวนี้เลย” คิมบอกลพเสียงสั่น เขาไม่อาจทนรอให้กมลกลับมาบ้านได้แล้ว
2 Be Con
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โอ้วววว ดราม่ามั้ย
ไม่น่าจะดราม่านะ เหอเหอ
นิดหน่อยเองเพราะมันใกล้จบแล้วนี่นา เนอะ