ร้ายนักนะ…รักของมาเฟีย ตอนที่ 4
Author: 여님 (ยอนิม)
(“คุณตามสืบเรื่องของผมงั้นเหรอ!”) เสียงหวานโวยถามออกมา
“หึหึ” กมลไม่ตอบแต่หัวเราะในลำคอกลับไป
(“คุณมันโรคจิตชัดๆ”) คิมว่ากลับมาทันที
“แต่นายก็ชอบคนโรคจิตอย่างชั้นไม่ใช่รึไง คิม” กมลพูดกลับเสียงหยอกล้อ ทำให้คิมชะงักไปนิด กมลหัวเราะเบาๆในลำคอเพราะพอจะนึกหน้าของคิมออกว่าตอนนี้จะเป็นยังไง
(“คะ..ใครชอบคุณ บ้าไปแล้ว”) คิมโวยกลับมาเสียงอึกอัก
“ถ้าไม่ชอบ คืนนั้นนายจะเรียกร้องชั้นถึงขนาดนั้นเหรอ ไม่เอาน่า นายรู้ตัวเองดีนะคิม ว่านายกับชั้นเข้ากันได้ดีแค่ไหน” กมลพูดบอกกลับไป
(“คนบ้า!!”) เสียงคิมตวาดกลับมาก่อนจะตัดสายไป ทำให้กมลหัวเราะขำออกมาเบาๆ เขาไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิดที่คิมตัดสายตนเองแบบนี้ เมื่อได้โทรไปหยอกว่าที่เมีย ไม่สิ เมียของตนเองแล้วกมลก็เข้าไปอาบน้ำเพื่อนอนพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน
..
..
..
..
“คนโรคจิต คนบ้า” คิมนั่งบ่นพึมพำหลังจากที่วางสายของกมลไปแล้ว คิมรู้สึกว่าใบหน้าตนเองกำลังร้อนผ่าว แค่ได้ยินเสียงของกมล คิมก็รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัวแล้ว
“นี่เราเป็นบ้าอะไรของเราเนี่ย” คิมพูดบ่นตัวเอง ก่อนจะเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำให้ใจสงบลง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เช้า
คิมตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ลุกอาบน้ำพร้อมกับสำรวจตัวเองว่ายังมีร่องรอยหลงเหลือตรงไหนอีกบ้าง พอรู้ว่ารอยจางลงบ้างแล้วก็ตั้งใจว่าจะเข้าสำนักงาน คิมหยิบเสื้อเชิ๊ตแขนยาวมาใส่เพื่อปกปิดรอยที่ข้อมือ พร้อมกับติดกระดุมคอใส่เนคไทน์ เมื่อเตรียมตัวเสร็จแล้ว คิมก็ขับรถไปยังสำนักงานบัญชีของตนเอง
“พี่คิมมมมมม หายแล้วเหรอคะ” เสียงของเมย์ทักขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นคิมเดินเข้ามาในสำนักงาน
“หายแล้ว ไม่งั้นจะมาได้ไงล่ะ” คิมตอบกลับยิ้มๆ
“พี่เมย์พึ่งจะบ่นกับจินอยู่เลยค่ะ ว่าพี่คิมใจร้าย จะไปเยี่ยมก็ไม่ยอมให้ไป” จินพูดฟ้องออกมาอย่างขำๆ
“พี่ไม่อยากให้ติดไข้น่ะ ว่าแต่วันที่พี่ไม่มา มีงานอะไรนอกเหนือจากที่ส่งให้พี่ทางเมลล์อีกมั้ย เดี๋ยวจินเอาเข้าไปให้พี่ที่ห้องทำงานเลยนะ” คิมพูดสั่ง ก่อนจะเดินไปยังห้องทำงานของตนเอง สักพัก จินก็เดินตามเข้าไป คิมใช้เวลาทำงานในช่วงเช้ากับเลขาของตนเองทั้งวัน เพื่อชดเชยช่วงที่ตนเองไม่ได้เข้ามาทำ
..
..
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำงานของคิมดังขึ้นก่อนที่เมย์จะเดินเข้ามา
“ใกล้เที่ยงแล้วค่ะ พักก่อนก็ได้ค่ะพี่คิม” เมย์พูดบอกยิ้มๆ
“ขออีกครึ่งชั่วโมง ได้มั้ยอ่ะจิน” คิมพูดขอเลขาตนเอง เพราะเข้าใจว่าใกล้เที่ยงเลขาของตนเองก็คงอยากจะไปพักกลางวัน
“ได้ค่ะ จินไม่รีบอยู่แล้ว แค่พี่คิมเลี้ยงข้าวกลางวันจินก็พอ” หญิงสาวบอกออกมาอย่างขำๆ
“ยัยงก” เมย์ว่าออกมายิ้มๆ
“ได้สิ เดี๋ยวไปกินด้วยกันนี่แหละ เมย์ด้วยนะ” คิมพูดบอก เพราะยังไงก็อยากจะเลี้ยงข้าวคนทั้งสองอยู่แล้ว ที่ช่วยเหลือเรื่องงานตอนที่คิมไม่ได้มา เมย์เดินออกไปจากห้องทำงานของคิมสักพักก็เดินหน้ามุ่ยเข้ามาใหม่
“โมโหหิวเหรอเมย์ พี่เสร็จพอดี เดี๋ยวไปกินข้าวกัน” คิมพูดถามขึ้นขณะที่คุยงานกับจินเสร็จและกำลังเก็บของ
“ตานั่นมาอีกแล้วค่ะพี่คิม” เมย์พูดบอกทำให้คิมชะงักตัวชาวาบ เพราะใบหน้าของกมลลอยเข้ามาในความคิด
“ใคร” คิมรีบถามกลับ
“ก็ตาการันต์น่ะสิคะ จะมีใครอีกล่ะ ตอนที่พี่คิมไม่สบายไม่ได้เข้าสำนักงาน ตานั่นก็มาตื๊อจะขอที่อยู่พี่คิมให้ได้ บอกว่าจะไปเยี่ยม เมย์ต้องบอกว่าพี่คิมไม่อยากให้ใครติดไข้ และไม่ชอบให้ใครไปยุ่มยามเวลาไม่สบาย แต่ก็เข้ามาถามอยู่บ่อยๆว่าพี่คิมหายดีรึยัง” เมย์พูดบอกออกมาอย่างเซ็งๆ คิมถอนหายใจเบาๆ
“อืม ขอบใจนะ เดี๋ยวพี่ไปคุยกับเค้าเอง” คิมพูดบอกเหมือนทุกที เมย์กับจินถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ ที่การันต์เอาแต่ตามตื๊อคิมอยู่อย่างนี้ไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าคิมจะพูดตัดบทยังไงก็ยังหน้าทนเข้ามาหาอยู่บ่อยๆ คิมเดินออกมาจากห้องทำงานพร้อมกับเมย์และจิน การันต์ที่นั่งรออยู่ก็รีบลุกเข้ามาทันที
“คิมเป็นยังไงบ้างครับ ไม่สบายหายดีแล้วเหรอ” การันต์เข้ามาประชิดพร้อมกับถามขึ้นทันที ทำให้คิมผงะนิดๆ
“เอ่อ ค่อยยังชั่วแล้วครับ ผมว่าเชิญคุณการันต์ไปนั่งก่อนดีกว่านะครับ” คิมพูดบอก ก่อนจะเดินไปนั่งโซฟาเดี่ยว เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายถือวิสาสะมานั่งใกล้ชิดตนเอง แต่การันต์ก็เลือกนั่งโซฟาใกล้ๆ กับตัวที่คิมนั่ง
“พี่อยากจะไปเยี่ยมคิมมากเลยนะ แต่พี่ไม่รู้ว่าคิมพักอยู่ที่ไหน” การันต์พูดพร้อมกับส่งสายตาหวานมาให้คิม
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” คิมบอกกลับ
“นี่ถ้าพี่รู้ว่าวันนี้คิมมาทำงาน พี่จะซื้อของบำรุงมาฝากแล้วล่ะครับ” การันต์พูดบอกออกมาอีก
“ครับ ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องก็ได้” คิมปฏิเสธ
“แล้วนี่คิมพักกลางวันรึยังครับ ไปกินข้าวกับพี่นะ พี่รู้จักร้านอาหารจีนอยู่ร้านหนึ่ง อร่อยมาก อาหารของเขาบำรุงร่างกายได้ดีเลยนะ” การันต์พูดชวนอย่างเอาใจ พร้อมพยายามขยับเข้าใกล้คิมให้มากที่สุด
“คือว่าผม..” คิมกำลังจะปฏิเสธ เสียงประตูสำนักงานก็ดังขึ้น พร้อมกับชายสามคน ซึ่ง คิมจำหนึ่งในนั้นได้ดี
“พี่คิม” เมย์รีบเดินมาสะกิดคิมทันที เมื่อเห็นชายทั้งสาม
“พักเที่ยงรึยัง คิม” กมลถามเสียงเรียบพร้อมกับมองการันต์ด้วยสายตาเรียบนิ่ง คิมลุกขึ้นยืนทันที
“คุณมาทำไม” คิมถามเสียงแข็ง การันต์มองคิมกับกลุ่มคนที่พึ่งเดินเข้ามาสลับไปมาอย่างงุนงง
“ชั้นก็มาหานายน่ะสิ” กมลบอกอีกด้วยน้ำเสียงปกติ แต่สายตาจ้องหน้าการันต์เขม็ง
//เค้านี่แหละค่ะ ที่มาหาพี่คิมเมื่อวาน พี่คิมรู้จักกับเค้าด้วยใช่มั้ยคะ// เมย์กระซิบถามคิม
“รู้จักครับ รู้จักดีด้วย” กมลที่ได้ยิน พูดบอกพร้อมกับขยับเดินเข้าหาคิม ใจของคิมอยากจะถอยหนี แต่ขากลับไม่ขยับเลยสักนิด
“ใครเหรอครับคิม” การันต์พูดถาม พร้อมกับรู้สึกเกร็งๆนิดๆ เมื่อเห็นสายตาของกมลที่มองมา พร้อมกับสายตาของชายอีกสองคนด้านหลังของกมลด้วย
“คุณมีธุระอะไรกับผมอีก” คิมถามขึ้น ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อมือแกร่งของกมลโอบเข้าที่เอวบางของคิม พนักงานรวมไปถึงเมย์ต่างเบิกตาขึ้นกว้างอย่างตกใจ เพราะไม่เคยเห็นใครเข้าถึงตัวของคิมได้ใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน
“นี่ คุณลวนลามคิมได้ไง” การันต์พูดถามขึ้นมาทันทีอย่างตกใจเช่นกัน คิมจะเบี่ยงตัวหลบออกจากวงแขนของร่างแกร่ง แต่กมลก็กอดรัดเอาไว้แน่น ทำให้คิมเบ้หน้านิดๆ เพราะเจ็บที่เอวจากการถูกโอบรัดเอาไว้
“เป็นแค่ตัวประกอบ ช่วยอยู่เงียบๆได้มั้ย” กมลพูดว่าออกมา ทำเอาการันต์ถึงกับอึ้ง ส่วนเมย์กับจินกลั้นขำเอาไว้เมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของการันต์ คนที่พวกหญิงสาวไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไร
“ชั้นมารับไปกินข้าว” กมลพูดบอกกับคิม
“ได้ไง ผมมาชวนคิมก่อนนะ คิมครับ พี่ชวนคิมก่อนนะครับ” การันต์พูดอ้อนคิมขึ้นมา คิมขมวดคิ้วเข้าหากัน กมลถอนหายใจนิดๆ
“เสก ยิว แกสองคนช่วยพาหมอนี่ออกไปให้พ้นหูพ้นตาชั้นหน่อยสิ ชั้นจะคุยกับเมียชั้น” กมลพูดบอกกับลูกน้องของตนเองสองคนที่ยืนอยู่ ส่วนคมไปทำธุระตามที่กมลสั่งเอาไว้เมื่อคืน คำพูดของกมล ทำให้ทุกคนในสำนักงานถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้ยิน คิมเองก็หน้าร้อนผ่าว
“คะ..ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ ปล่อยผมนะ” คิมโวยขึ้นมาทันที ส่วนการันต์ตอนนี้กำลังโวยวายถูกลูกน้องของกมลหิ้วออกไปนอกสำนักงานแล้ว
“เอ่อ…พี่คิมคะ” เมย์รู้สึกว่าต่อมอยากรู้ของตนเองใกล้แตกเต็มที
“ไม่เอาน่าคิม ยังงอนชั้นอีกเหรอ หืม” กมลพูดขึ้น ทำเอาคิมทำหน้างง
“งอนบ้าอะไรของคุณ ไม่ต้องมาเนียนกอดผมเลยนะคุณกมล” คิมพูดว่าออกมาเสียงเข้ม รู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นไม่เป็นส่ำทุกครั้งที่อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
“ขอโทษนะ ชั้นขอพาเมียชั้นไปกินข้าวกลางวันด้วยกันหน่อยได้มั้ย” กมลไม่ได้ตอบโต้อะไรคิม แต่หันไปพูดบอกกับหญิงสาวที่ยืนอยู่
“พี่คิม” เมย์เรียกคิมอีก เพราะอยากรู้ความสมัครใจของคิม เนื่องจากกำลังงงอยู่ว่ากมลคือใครกันแน่
“คุณจะมาพูดแบบนี้ที่นี่ไม่ได้นะคุณกมล” คิมว่าออกมาเสียงเขียว รู้สึกอายพนักงานของตนเองไม่น้อย ที่ถูกเรียกว่าเมียต่อหน้าแบบนี้
“ก็ชั้นกำลังจะพานายไปพูดคุยที่อื่นอยู่นี่ไง ว่าไงล่ะ จะไปหรือไม่ไป” กมลถามเสียงเรียบแต่ดวงตาคาดคั้นร่างบางไม่น้อย กมลไม่เคยมีความอดทนกับใครได้เท่านี้มาก่อน และไม่เคยมาตามหาตามตื๊อใครแบบนี้ด้วย คิมเม้มปากนิดๆ สีหน้าเครียดลง ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
“พี่ติดเรื่องข้าวกลางวันเราสองคนไว้ก่อนนะ ขอไปคุยธุระแป๊บหนึ่ง” คิมพูดบอกกับเมย์และจิน ก่อนจะหันมามองกมลตาเขียว
“ไปสิครับ” คิมพูดเสียงเข้ม กมลยกยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะรั้งเอวบางของคิมให้เดินไปกับตนเอง ตอนแรกคิมก็สะบัดตัวเพื่อจะเดินเอง แต่กมลก็ล็อคเอวเอาไว้แน่นเช่นเคย
“คิมครับ น้องคิม” เสียงเรียกของการันต์ที่ถูกกันไม่ให้เข้าไปด้านในดังขึ้นเมื่อเห็นคิมกับกมลเดินออกมาหน้าสำนักงาน กมลถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันไปหาการันต์
“นายน่ะ ถ้าไม่อยากไปนอนอืดอยู่ในทะเล เลิกมาวุ่นวายกับเมียชั้นสักที” กมลพูดเสียงเรียบแต่ดวงตาจริงจัง ทำให้การันต์ชะงักกึกหน้าเสีย เพราะพอจะรู้ว่ากมลมีอิทธิพลแค่ไหน เพราะมีผู้ติดตามพอสมควร เมื่อพูดจบ กมลก็ดันให้คิมเข้าไปนั่งในรถ ที่ลูกน้องเปิดประตูให้แล้วทันที ก่อนจะก้าวตามเข้าไปนั่งคู่กับคิมอย่างรวดเร็ว ลูกน้องของกมลก็กลับขึ้นรถแล้วขับออกไปเช่นเดียวกัน
“นี่คุณกมล คุณเลิกพูดกับคนอื่นว่าผมเป็นเมียคุณสักที” คิมโวยขึ้นทันทีเมื่อรถออก พร้อมกับขยับออกห่างกมล
“ชั้นพูดเรื่องจริง ผิดตรงไหน” กมลตอบหน้านิ่ง คิมออกอาการฮึดฮัด ร้อนวูบวาบเมื่อเห็นสายตาคมมองมา
“คุณต้องการอะไรจากผมอีก ผมบอกแล้วไงว่าต่างคนต่างอยู่ เรื่องคืนนั้นผมไม่ใส่ใจ” คิมพูดบอกออกมา
“เตรียมตัวเก็บของรึยัง” กมลไม่ตอบแต่ดันถามกลับมา ทำเอาคิมชะงัก
“ทำไมคุณเป็นคนแบบนี้เนี่ย! ผมไม่เก็บของไปไหนทั้งนั้น” คิมโวยกลับ
“อ๊ะ!” ก่อนจะถลาเมื่อถูกกมลกระชากแขนให้ร่างบางเข้ามาหาตนเองพร้อมกับกอดรัดเอวบางเอาไว้ ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าเนียน จนคิมต้องขืนตัวเอาไว้
“ชั้นมีเวลาให้นายคิดอีก 3 วันนะคิม แล้วชั้นจะกลับมารับนายด้วยตัวของชั้นเอง และอย่าดื้อให้มากนัก เพราะชั้นไม่อยากใช้กำลังกับนาย อ่า…ชั้นลืมไป ว่านายชอบให้ชั้นใช้กำลังกับนายนี่นา” กมลพูดหยอกพร้อมกับยื่นหน้าไปคลอเคลียที่พวงแก้มใส ซึ่งตอนนี้ขึ้นสีระเรื่อจากคำพูดของคิม คิมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากั้นตัวเองกับกมลเอาไว้ ไม่ให้แนบชิดกันมากเกินไป อ้อมแขนแกร่งเหมือนกับคีมเหล็กล็อคคิมเอาไว้แน่นดิ้นหนีไม่ได้
“คุณมันโรคจิตชัดๆ” คิมพูดว่าออกมาเสียงเข้ม หายใจฮึดฮัดด้วยความหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของกมล
“เราสองคนโรคจิตทั้งคู่แหละ เด็กน้อย” กมลพูดยั่ว ก่อนจะประกบริมฝีปากเข้าหากลีบปากที่กำลังจะอ้าปากโวยวายทันที โดยไม่สนใจลูกน้องสองคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า เพราะลูกน้องของกมล ไม่เคยคิดยุ่งเรื่องของเจ้านายอยู่แล้ว
“อื๊ออออออออ” คิมครางประท้วงออกมาจากลำคอ เมื่อกมลบดเบียดริมฝีปากลงไปอย่างเร่าร้อน และรุนแรง ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปดูดดุนลิ้นเล็กจนรู้สึกเจ็บ กมลจูบอย่างจาบจ้วง แต่ทำให้คิมใจเต้นระรัวขึ้นมา มือทั้งสองข้างของคิมยกขึ้นมาจะทุบตีอกแกร่งพัลวัน แต่ถูกกมลจับเอาไว้แล้วบิดไปทางด้านหลัง ทั้งสองข้าง จนลำตัวของคิมแอ่นขึ้นมาแนบชิดกับอกแกร่งของกมล กมลล็อคมือทั้งสองข้างของคิมไว้ด้วยมือข้างเดียวของตนเอง แล้วใช้อีกข้างที่ว่างบีบล็อคคางของคิมเอาไว้ ความเจ็บแปล๊บที่คางพร้อมกับรสชาติเค็มปร่าในปากทำให้คิมหายใจหอบกระเส่า เริ่มไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ จนกมลเริ่มผละริมฝีปากออกช้าๆ พร้อมกับขบกัดริมฝีปากล่างของคิมย้ำๆ ดวงตากลมฉ่ำปรือไปด้วยความสับสนภายใน กมลยกยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นแววตาของคิมในตอนนี้
“รู้สึกยังไงบ้าง หืม ถูกคนโรคจิตอย่างชั้นจูบแบบนี้ รังเกียจหรือว่า..” กมลพูดเว้นช่วงเพื่อหยอกล้อคิม
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้ ผมเจ็บ” คิมพูดแทรกขึ้นมาก่อนเสียงนิ่ง กมลยิ้มมุมปาก เพราะรู้ดีว่าภายนอกที่ทำทีเป็นนิ่งของคิมตอนนี้ ภายในใจสับสนและตื่นเต้นมากแค่ไหน กมลไม่เคยเห็นสายตาหรือแววตาแบบนี้จากคู่นอนเก่าๆเลยสักคน สายตาของคิมตอนนี้ ทำให้กมลเองก็รู้สึกตื่นเต้นและกระหายไม่น้อยเหมือนกัน กมลยอมปล่อยแขนคิมแต่โดยดี ทำให้คิมรีบสะบัดแขนตนเองไปมาด้วยความเจ็บ กมลใช้นิ้วโป้งของตนเองปาดไปที่ริมฝีปากของคิมเหมือนกำลังเช็ดบางอย่าง คิมมองตามนิ้วของกมลก็พบว่ามีรอยเลือดติดอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้คิมปากแตก ความเค็มปร่าในปากเกิดจากเลือดที่ไหลซิบออกมา
ฉ่า……
คิมหน้าแดงก่ำเหมือนหน้าตัวเองจะระเบิดออกมา เมื่ออยู่ๆ กมลก็ใช้ลิ้นเลียรอยเลือดที่ติดอยู่ที่นิ้วออกต่อหน้าคิม พร้อมกับจ้องหน้าคิมไปด้วย
“หวานดีนะ” กมลพูดบอกหลังจากที่เลียเลือดที่นิ้วตนเองไปแล้ว คิมเหมือนตัวเองกำลังจะขาดใจตาย เมื่อเห็นสายตาคมจ้องมองมาเหมือนจะกลืนกินตนเองแบบนี้
(อันตราย ผู้ชายคนนี้อันตรายเกินไป) คิมเตือนตัวเองในใจ เพราะรู้ตัวแล้วว่า กมลมีอิทธิพลกับใจและความรู้สึกของตัวเองแค่ไหน ทั้งๆที่เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง
“หึหึ” เสียงหัวเราะในลำคอของกมล ที่ทำเหมือนมองคิมออกจนทะลุปรุโปร่งดังขึ้น ทำให้คิมดึงสติตัวเองกลับมาทันที พร้อมกับขยับตัวหนีกมลนิดๆ ตอนนี้กมลไม่ได้ดึงรั้งคิมแต่อย่างไร
“คุณ…คุณ” คิมไม่รู้ว่าตนเองควรจะต่อว่า หรือด่า อะไรคนตรงหน้าดี เพราะตอนนี้หัวใจมันเต้นแรงจนเสียไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา
“ชอบกินอะไร” กมลถามขึ้น โดยไม่ได้สนใจอาการของคิมมากนัก
“ผมไม่กิน แล้วนี่คุณจะพาผมไปไหน” คิมพึ่งนึกได้ว่า กมลกำลังจะพาตนเองไปที่ไหนสักที่
“ก็พาไปกินข้าวไงล่ะ ว่าไง คิมชอบกินอะไรล่ะ หืม ชั้นจะได้ให้คนสั่งเอาไว้ให้ ไปถึงนายจะได้กินเลย” กมลพูดบอกออกมาอย่างเอาใจ คิมมองหน้ากมล ก่อนจะเป็นฝ่ายหลบสายตา พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรู้ว่าตอนนี้คงหนีไปไหนมาได้ เพราะยอมขึ้นรถมากับกมลแล้ว
“อะไรก็ได้” คิมตอบกลับสั้นๆ พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันมุ่น เพราะคิดไม่ตกว่าตนเองควรจะพูดกับกมลยังไง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ข้ามคืน
“งั้นก็เอาตามที่ชั้นสั่งเตรียมเอาไว้แล้วล่ะกัน” กมลบอกกลับ ก่อนจะปล่อยให้คิมนั่งจมกับความคิดของตนเองไปก่อน โดยที่กมลเองก็มองใบหน้าหวานของคิมตลอดทางเช่นเดียวกัน กมลไม่เคยรู้สึกอยากจะนั่งมองใครนานๆแบบนี้มาก่อน ไม่เคยคิดจะละสายตาไปจากคิมเลยสักนิด กมลไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กับคิมแค่คนเดียว ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีคนเข้ามาให้กมลได้เลือกมากมาย แต่ก็ไม่มีใครถูกใจกมลเท่ากับคิมเลยสักคนเดียว คิมเองก็รู้ตัวว่าถูกกมลจ้องมองตลอด จึงพยายามเสมองออกไปนอกรถ แต่ความรู้สึกก็ยังรับรู้ หัวใจของคิมไม่สงบเลยเมื่อรับรู้ว่ามีกมลจ้องมองตนเองอยู่ จนรถมาจอดที่โรงแรม ซึ่งคิมจำได้ดีว่าเป็นโรงแรมที่ตนเองเจอกับกมล
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม” คิมรีบหันไปถามกมลทันที ด้วยความตกใจ กมลยกยิ้มนิดๆ กับท่าทางตื่นตระหนกของคิม
“พามากินข้าว” กมลตอบกลับ คิมเม้มปากที่เจ่อแดงนิดๆ
“พามากินข้าวจริงๆ ลงมาสิ” กมลพูดบอกย้ำ ก่อนจะลงจากรถพร้อมกับยื่นมือส่งให้คิมจับลงตามมา แต่คิมไม่จับ ขยับลงจากรถด้วยตัวเอง กมลเองก็ไม่รู้สึกโกรธอะไร พลางยิ้มขำอย่างเอ็นดูด้วยซ้ำ กมลรั้งเอวบางของคิมเข้ามากอดเอาไว้ แล้วพาเดินเข้าไปด้านในโรงแรม โดยมีลูกน้องของกมลคอยเดินตามไม่ห่าง พอเดินเข้าไป พนักงานของโรงแรมรีบเข้ามาต้อนรับอย่างนอบน้อม และเดินนำคิมกับกมลไปยังห้องอาหารส่วนตัว คิมมองไปรอบๆอย่างงุนงงนิดๆ เพราะกำลังอึ้งกับการที่มีคนเดินตามคุ้มกันและมีคนมาแสดงท่าทีนอบน้อมใส่แบบไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกทีก็เข้ามาอยู่ในห้องอาหารกับกมลสองคน โดยที่กลางห้องมีโต๊ะอาหารที่เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว
“นั่งสิ” กมลบอกกลับ คิมนั่งลงที่เก้าอี้อย่างระแวง ในห้องตอนนี้ไม่มีใครเลยจริงๆ นอกจากกมลและคิม เพราะลูกน้องจะเฝ้าอยู่ด้านนอก ส่วนพนักงานจะเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อกมลเรียกเท่านั้น
“คุณเป็นใครกันแน่” คิมถามออกมาอย่างคาใจ
“ก็บอกแล้วไง ว่าชั้นชื่อกมล คิมเองยังเรียกชื่อชั้นอยู่เลย” กมลตอบกลับกวนๆ คิมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
“ผมหมายถึงว่า คุณทำงานอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีคนตามเป็นพรวนแบบนี้ แล้วทำไมพนักงานที่นี่ถึงได้นอบน้อมกับคุณนัก” คิมถามออกมาอีก กมลหัวเราะขำในลำคอเบาๆ
“อยากรู้เรื่องของชั้นขึ้นมาบ้างแล้วสินะ” กมลพูดขึ้น ทำให้คิมหน้าตึงไปนิด
“ผมสมควรที่จะรู้ไม่ใช่รึไง” คิมว่ากลับไปเสียงแข็ง ใช่ว่าคิมจะไม่รู้สึกหวั่นกลัวกมล แต่ไม่อยากแสดงออกอะไรให้อีกฝ่ายรู้ว่า คิมกำลังกลัวอยู่
“นั่นสินะ มันเป็นเรื่องปกติที่เมียจะอยากรู้เรื่องของผัว” กมลบอกออกมาอีก ทำให้คิมเม้มปากเข้าหากัน ใบหน้าร้อนผ่าวอีกแล้ว ไม่ชินเลยกับการที่คนตรงหน้าเรียกตนเองว่าเมีย คิมนึกสะท้อนไปถึงอีกคน คนที่อยากให้ใช้คำนี้กับตนเองกลับไม่เคยคิดจะใช้ แต่คนที่คิมไม่เคยคิดจะใช้คำนี้ร่วมด้วย กลับมาพูดปาวๆ
“กินข้าวให้อิ่มก่อนสิ แล้วชั้นจะตอบคำถามทุกอย่าง” กมลบอกกลับ พร้อมกับผายมือให้คิมกินอาหารตรงหน้า
“รับรองได้ว่าชั้นไม่วางยานายแน่นอน” กมลบอกย้ำ ทำให้คิมที่รู้สึกหิวหยิบช้อนขึ้นมา กมลยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่ทั้งสองจะนั่งกินข้าวกันไปเงียบๆ คิมก็พยายามกินโดยไม่สนใจกมลสักเท่าไรนัก เมื่อกินของคาวเสร็จก็ต่อด้วยของหวาน พนักงานเดินเอาของหวานเข้ามาแล้วกลับออกไปคิมก็นั่งกินแต่โดยดี ยอมรับว่าอาหารและของหวานของโรงแรมนี้ อร่อยถูกปากคิมจริงๆ
“ขอบคุณ” คิมพูดบอกออกมาตามมารยาท เมื่อกินอาหารเรียบร้อยแล้ว
“มีอะไรอยากจะถาม ถามได้เลย” กมลพูดขึ้น คิมมองกมลอย่างชั่งใจ
“คุณทำงานอะไร” คิมถามทันทีเพราะสงสัยเรื่องนี้มากที่สุด
“เป็นนักธุรกิจ” กมลตอบกลับเสียงเรียบ ด้วยท่าทีสบายๆ
“นักธุรกิจบ้าอะไร มีคนเดินตามเป็นพรวนอย่างกะมาเฟียแบบนี้” คิมพูดบอก ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของกมล
“คะ…คุณ เป็นมาเฟียงั้นเหรอ” คิมถามออกมาอย่างตกใจ ตอนแรกแค่คิดเล่นๆเท่านั้น แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าต้องเป็นเรื่องจริงแน่ๆ
“มาเฟียคืออะไร แล้วคำจำกัดความของมาเฟียเป็นแบบไหนล่ะ” กมลถามกลับ
“ก็แบบคุณนี่ไงล่ะ ถามมาได้” คิมว่ากลับไป
“อืมมม ถ้านายบอกว่าชั้นเป็นมาเฟีย ชั้นก็จะเป็นให้ ถ้านายบอกว่าชั้นเป็นนักธุรกิจ ชั้นก็จะเป็นให้ ไม่ว่านายจะบอกว่าชั้นเป็นอะไร ชั้นก็เป็นให้นายได้ทั้งนั้นแหละ คิม” กมลพูดบอกออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่จริงจัง
“ทำไมคุณถึงได้มาตามวุ่นวายกับผมด้วย ระดับคุณ คงหาใครได้ดีกว่าผมเยอะแยะ” คิมพูดถามขึ้นมา
“ใช่ ชั้นหาได้เยอะแยะ แต่ไม่มีใครถูกใจชั้น และทำให้ชั้นพอใจมากเท่านายมาก่อนนะคิม” กมลบอกออกมาตรงๆ เขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าถูกใจอยากได้อะไร เขาก็ต้องได้
“คุณแค่ถูกใจผมงั้นเหรอ” คิมถามกลับ รู้สึกเจ็บแปล๊บๆและรู้สึกเสียหน้านิดๆ ที่อีกฝ่ายบอกว่าถูกใจตนเอง
“มันไม่พองั้นเหรอ” กมลเลิกคิ้วขึ้นและถามกลับไป คิมกำหมัดแน่นเมื่อได้ยิน
“ก็ไม่พอน่ะสิ!! มีอย่างที่ไหน มาบังคับให้คนอื่นไปอยู่กับตัวเองเพราะแค่ความถูกใจน่ะคุณกมล!” คิมโวยวายขึ้นมา กมลยังคงมองคิมด้วยสายตาไม่เข้าใจอยู่ดี ทำให้คิมอยากจะกระโดดไปบีบคอกมลเสียให้ได้ ถ้าไม่ติดว่ากลัวลูกน้องของกมลจะเข้ามาฆ่าตัวเองซะก่อน ไม่สิ แค่กมลคนเดียว คิมก็รู้ดีว่าสู้แรงอะไรคนๆนี้ไม่ได้แน่นอน
“ก็มีชั้นนี่ไง” กมลตอบกลับนิ่งๆ
“ผมเป็นคนนะ ไม่ใช่สิ่งของ ที่ถูกใจก็มาซื้อหาเอากลับไปไว้ที่บ้าน เพื่อรอเวลาให้คุณเบื่อแล้วเขี่ยทิ้งน่ะ” คิมพูดว่าออกมาเสียงแข็ง พร้อมกับหายใจฮึดฮัดด้วยความโกรธ
“ถามหน่อย ไอ้ที่คุณพูดบอกว่าผมเป็นเมียคุณน่ะ คุณเลือกเมียแค่ความถูกใจงั้นเหรอ” คิมถามอีก
“ใช่” กมลก็ตอบออกมาตรงๆ มึนๆอย่างนั้น คิมยกมือขึ้นมาลูบหน้าตนเองอย่างเหนื่อยใจและเจ็บใจ
“ถามหน่อย ที่บ้านคุณ ตอนนี้มีเมียที่ถูกใจคุณกี่คนแล้วไม่ทราบ” คิมถามอีก เพราะอยากจะพูดคุยกับกมลให้รู้เรื่องไปเลยสักที
“ไม่มี นายคนแรก” กมลตอบกลับ เขารู้ดีว่าคิมต้องการสื่อถึงอะไร แต่กมลอยากจะแกล้งให้คิมหงุดหงิดและโวยวายเล่นเท่านั้นเอง
“แล้วถ้าคุณถูกใจใครอีก ก็จะพาเข้าไปอยู่ด้วย เป็นคนที่ 2 3 งั้นสิ” คิมถามกลับอย่างเยาะๆ กมลแกล้งนิ่งเงียบ ทำให้คิมรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้ว! ต่อไปนี้คุณห้ามไปวุ่นวายกับผมอีก ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ” คิมโวยขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ คิมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดกับท่าทีของกมลได้ถึงขนาดนี้ แค่คนที่กอดคิมคืนเดียว ทำไมถึงมีอิทธิพลกับคิมได้ไม่น้อยเลย คิมทำท่าลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องอาหาร
พรึ่บ!
ไม่ทันจะได้เปิดประตูห้องออกไป ร่างบางของคิมก็ลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของกมลอีกครั้ง
“ชั้นแกล้งเล่นนิดหน่อย แต่นายมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ จะไม่ให้ชั้นมั่นใจได้ยังไง ว่าเราสองคนเข้ากันได้ดีแค่ไหน” กมลพูดขึ้น คิมมองหน้ากมลอย่างไม่เข้าใจ
“นายคงงงสินะ งั้นเดี๋ยวชั้นจะอธิบายให้นายรู้เอง ว่าเราสองคนเข้ากันได้ดีเรื่องไหนบ้าง” กมลพูดแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
2 Be Con
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อัพแว้ววว
จะบอกว่ากมลไม่ใช่คนโหดอะไรนะคร่า
มาเฟียไม่จำเป็นต้องโหด เลว เสมอไป
แต่บอกตรงๆว่า แต่งตอนนี้ยอนิมอึดอัดยังไงไม่รู้ T^T
ช่วงนี้ยอนิมต้องอัพสลับกัน 3 เรื่อง เลยทำให้อัพช้าบ้างอะไรบ้าง
ขอโทษด้วยนะคะ